เมื่อวาน...ดิฉันนั่งอ่านบันทึกของ ดร.วรภัทร และของคุณพวงเพชร(เพชรน้อย) มีความครุ่นคิดปรุงปรากฏขึ้น “ในจิต” เกี่ยวกับเรื่องการทำงาน ไปสู่การพัฒนา “คุณภาพ” ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่อาจได้ชื่อว่า “ไม่ใช่คนคุณภาพ” เพราะวางเฉยต่อการเกิดและกระทำตามตัวชี้วัดต่างๆ ปรากฏการณ์ทางคุณภาพต่างๆ ส่งผลให้เกิดสภาวะความลวงต่อการกระทำ “งาน"”มันเป็นเพียงสิ่งสมมติขึ้นว่า หากทำตามสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้ว คุณจะได้นามสมมติว่านี่เป็น “คุณภาพ”
ดิฉันเคยงงเป็นไก่ตาเกือบถลนแตกออกมาจากเบ้าตา เพราะดิฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ “คุณภาพ” ทั้งๆ ที่ได้ศึกษาทางการบริหารและทำงานวิจัยทางคุณภาพ โดยนิสัยอาจจะเป็นมองอะไรแบบง่ายๆ จึงไม่สามารถมองอะไรแบบยากๆ ตามทฤษฎีและแนวคิดทางการพัฒนาคุณภาพที่บัญญัติขึ้นมาได้เลย คุยกับนักประเมินคุณภาพดิฉันก็คุยไม่รู้เรื่องค่ะ... เพราะท่านแจกแจงเกณฑ์และตัวชี้วัด มาตรฐานมามากมายเลยค่ะ
ดิฉันทราบและตระหนักรู้อยู่เพียงอย่างเดียวว่า เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์มี “ใจ” ที่ปลอดโปร่ง เบา โล่ง สบาย ยินดี และเต็มใจกระทำ “กิจ” บางสิ่งบางอย่าง อันผลักดันออกมาจาก “ใจ” ที่อยากจะทำ สิ่งที่กระทำนั้นก็ย่อมจะดี และแม้เมื่อเจอปัญหาเขา/เธอ...เหล่านั้น ก็พร้อมที่อยากจะลุยเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น ดิฉันจึงไม่ใคร่ที่จะเคี่ยวเข็ญเพื่อนมนุษย์มากนักเมื่อเขามาขอความช่วยเหลือแนะนำในเรื่องการทำพัฒนาคุณภาพ แต่ดิฉันมักเสนอแนะทางเลือกว่า...
เด็กในภาพ...ไม่รู้จักคำว่า "เข็ญรถอย่างมีคุณภาพ" เขารู้แต่เพียงว่าต้องเข็ญรถบรรทุกกระสอบข้าวนี้ให้ได้หลายเที่ยว กระสอบข้าวไม่หก แม่ไม่บ่น และที่สำคัญเขาสนุก!!!
.........................................................
“คุณจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถทำคุณภาพหรือทำงานนี้ได้อย่างมีความสุข...”
แก่นสำคัญ ดิฉันก็ยึดถือเพียงเท่านี้แหละค่ะ เมื่อไรก็ตาม “มนุษย์” เรามีใจตระหนักอยากทำ เมื่อนั้นสิ่งที่เขาทำก็มีคุณภาพทั้งนั้นแหละค่ะ... ก็น่าจะดีกว่า “ทำไปบ่นไป”... เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพ... เพราะ...
ปัญหา ------> เกิดเขาจะพยายามแก้ไข
ความไม่รู้ ไม่เข้าใจ --------> เขาจะพยายามให้กระจ่างขึ้น “เอง”
จากความดำมืด จะเคลื่อนเข้าไปสู่ความสว่างด้วยตนเอง มากกว่าเป็นการกระทำด้วยอำนาจ – คำสั่งภายนอก เมื่อไรก็ตามหากทำด้วยอำนาจ – คำสั่งภายนอก เมื่อนั้นความเคลื่อนไปของการกระทำก็จะไปไม่ถึงไหน ความยั่งยืนต่อเนื่องก็อาจจะไม่ขยับเคลื่อนไป
หันกลับมาทำทุกสิ่งด้วย “ใจ” ที่มีสุขเถอะค่ะ แล้วคำว่า “คุณภาพ” จะเกิดและวิ่งไล่ตามหลังปรากฏขึ้นมาเองค่ะ...
สวัสดีค่ะ
พี่มีแนวคิดสำหรับตัวเองเสมอ ทำงานให้มีความสุข
ทำไป..แก้ปัญหาไป โดยไม่ให้ผู้ร่วมงานเป็นทุกข์ และทุกคนก็มีความสุข
ต่อมาก็ลองคิดให้มากขึ้น โดยจับที่เป้าหมาย แล้วพยายามทำกระบวนการ..ให้ได้ตามเป้าหมายมากขึ้น
หลังจากลองทำงานมาเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายปี
งานเริ่มเห็นผลลัพธ์..เป็นที่น่าพอใจ
ได้รางวัลตอบแทนการทำงาน
ซึ่งที่จริงแล้วเราไม่ต้องหวังรางวัล
ขอเพียงแต่ให้ระบบการทำงานไมยุ่งยาก
ผู้ร่วมงานมีความสุข
สวัสดีค่ะอาจารย์
- ตามอ่านเพราะถูกกล่าวถึงค่ะ
ทำอย่างไรถึงให้มี"ใจ" ในการทำงาน หาคนเป็นคน autonomous mind ยาก ขณะเราพูดบ่อย ๆ
พออ่านอาจารย์พูด เริ่มเข้าใจ เราไม่สามารถบังคับ"ใจ"ใครได้ หากเขาไม่พร้อมพัฒนา หากคนที่ทำงานไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ย่อมไม่เริ่ม ต้องทำคนให้มีใจ และเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ "โรงพยาบาลของเรา"
สวัสดีค่ะ...พี่แก้วขา...
ทุกสิ่ง...หากมีสัมมาทิฐิ...ต่อสิ่งที่ทำนั้นแล้ว...ผลลัพธ์ที่ได้มาก็ไม่ไกลค่ะ...
เจอปัญหาและอุปสรรคอะไร...ก็สามารถ...ผ่านไปได้..
การมีสัมมาทิฐิไม่ได้เป็นเครื่องประกันว่าจะไม่มีปัญหา หากแต่ทำให้เรา...สามารถอยู่และเผชิญต่อปัญหานั้นได้จนสามารถแก้ปัญหาปัญหานั้นได้ด้วยความเพียรและปัญญาค่ะ
(^_____^)
ขอบคุณพี่แก้มวมากนะคะที่มาต่อเติมเต็ม...แนวคิดที่ดีงาม
กะปุ๋ม
สวัสดีจ้า...เพชร...
คนที่เป็น autonomous mind นั้นหาไม่ยากหรอกเพชร...เพราะมีอยู่แล้วในทุกคน..เพียงแต่ว่าเราหาเราไม่เจอเท่านั้น..
เมื่อไรก็ตามที่เราหาเราเจอ...เมื่อนั้นในการทำสิ่งต่างๆ...เราก็อยากจะทำหรือทำด้วยใจ...ทั้งนั้น
สิ่งนี้ต้องอาศัยการขัดเกลา...และบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่งดงามในจิตใจเรานะ
(^_____^)
กะปุ๋ม
ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ พี่ท่าน
คิดฮอดหลาย ๆ เมื่อใด๋จะได้พ้อกันหนอ
เพชร..วันนี้บ่ายๆ เราอยู่ที่สารคาม
จะไปเจอกันไหม..
(^____^)
กะปุ๋ม
ขอชื่นชมและชื่นชมในความเป็นคนที่มีคุณภาพอยู่ในใจ และสามารถถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของการกระทำได้
เห็นด้วยกับการทำอะไรซักอย่าง ถ้าทำด้วยใจแล้ว และใส่ความมุ่งมั่นอีกซักหน่อย ความสำเร็จก็จะตามมาเอง