คนดอย
นาย ทวีสิน ฉัตรเฉลิมวิทย์

บันทึกอาเฮีย โซ๊ยหมวย โซ๊ยตี๋


รักษาสมดุลชีวิต ก่อนที่จะหลงทาง

บันทึกเรื่องนี้เกิดจากความรักความเอื้ออาทรที่มีต่อกัน ระหว่างพี่ๆน้องๆ ที่เกิดจากก๊วนSCGเฮฮาศาสตร์ อยากแบ่งปัน มันมีพลังในการแลกเปลี่ยน แสดงความเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งกันและกัน  

การที่มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข ปัจจัยหลายๆอย่างเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ คนเป็นโสด ก็โจทย์หนึ่ง คนมีครอบครัวก็มีอีกโจทย์หนึ่ง แต่ล้วนเป็นสิ่งที่เราจะสามารถรักษาสมดุลของชีวิตได้อย่างไร ตามช่วงเวลา ได้อย่างเหมาะสม

  • เรื่องเกิดจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน ที่เลือกจะรักษาสมดุลชีวิต เมื่อปัจจัยในชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องส่วนตัว ครอบครัว งานและสังคม แต่ละเรื่องล้วนตอบสนองความต้องการเราให้หลากหลายมิติ เรื่องลาภยศเงินทอง ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต ความสุขใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง ที่เงินอาจจะซื้อไม่ได้ เราจะอยู่อย่างผสมผสานและรักษาสมดุลมันได้อย่างไร 

บทสนทนาต่างๆ ระหว่างพี่น้องคู่หนึ่ง และคนร่วมแจม จึงเกิดขึ้น

อาเฮีย เริ่มสรุปเรื่องราวแนะแนวทางภายหลังอาโซ๊ยหมวยมาปรึกษาชีวิต

  • อยากบอกว่า ไม่ใช่ไม่อยากให้บ้าพลัง แต่จังหวะชีวิตช่วงไหน ควรขอเล่นบทไหนอย่างไร เรากำลังเล่นกับสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่เครื่องจักร
  • พลังด้านมืด หากรักษาสมดุลไม่ดี มันจะเย้ายวนเรา ให้มันส์ สนุก ติดกับ ได้ง่ายๆ
  • สุดท้ายอะไรคือสิ่งที่สร้างความสุขแท้ของมนุษย์กันแน่

ชีวิตเราลิขิตได้ เลือกลิขิตเอง หาช่องว่างแห่งความปลอดภัยของตนเอง"

จากพี่ที่เกือบจะหลงทางไปแล้ว จนอยากเขียนบันทึกถึงลูกเหมือนกัน สักหนึ่งฉบับ น่าจะจ่าหัวว่า ขอโทษที่เอาลูกเป็นของทดลอง

  • เด็กมีพฤติกรรมตามสิ่งแวดล้อมที่เขาอยุ่ หากต้องการเปลี่ยนพฤติกรรม สุดท้ายก็ต้องมาเปลี่ยนที่สิ่งแวดล้อม นั่นคือคนในครอบครัวก็ต้องเปลี่ยนแล้วเขาก็จะเปลี่ยนหรือมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไป
  • ลูกปล่อยให้เทวดาเลี้ยง หรือภาวนา ไม่ได้หรอก อันนี้เรื่องจริง เห็นจะๆ มาแล้ว
  • การเด็กร่าเริงอยู่ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ปกติ เขาเปิดรับการเรียนรู้ตลอดเวลา เขารอเราอยู่นะ!!!

 พอแล้วดีกว่า กูเองจะน้ำตาไหลแทน 

โซ๊ยหมวย

อาเฮียค่ะอ่านประโยคสุดท้ายของ bullet สุดท้ายแล้วจะร้องไห้บ้างจะใช้ชีวิตเพื่อลูกมากขึ้น เช่น กลับบ้าน 5 โมงครึ่ง ถ้าไปต่างประเทศหลายวันจะลาพักร้อนอยู่กะเค้าชดเชยคำนวณตังค์ที่ต้องใช้ และใช้ชีวิตกับงานเท่าที่จำเป็นจริงๆค่ะ สิ่งที่ทำให้มีความสุขจริงๆ คือตอนที่ลูกยิ้มแป้นแล้วเอาหัวมาซบเรา  T_T ขอบคุณมากๆสำหรับสิ่งที่พี่ share ให้ค่ะ

อั๋วเอง 

ขาแจมมาร่วมแจม

ท่านพี่ทั้งสองท่านครับ อ่าน bullet เรื่องพลังด้านมือ แล้ว ร้อนตัวครับ คล้ายๆกำลังจะลุแก่อำนาจ (แต่ใจไปแล้วครับ ยอมรับอย่างไม่อาย ) ได้สติกลับมา หา linkage ระหว่างสิ่งที่กำลังทำอยู่กับ ความสุขแท้จริง ครับ ในมุมมองผมนะ  ความสุขแท้จริงน่าจะเป็น ความไม่ทุกข์ กับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ครับ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ดี(ขึ้นอยู่กับว่าใช้มาตรวัดของใคร แต่อย่างไร มันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในธรรมชาติของการมีชีวิตครับ) สำหรับลูก (ผมเป็นพ่อแม่เทียมๆที่ไม่เอาใหนมาแล้ว ....)

  • ถามตัวเองเสมอว่า เราทำดีที่สุดแล้วหรือไม่ และตอบตัวเองอย่างซื่อสัตย์ที่สุด ว่า ใช่ หรือไม่ โดยปกติสำหรับลูกเราพยายามมากกว่าปกติอยู่แล้ว ถ้ายังตอบแบบ ตะหงิดๆใจอยู่ นั่นหมายความว่าเราทำได้มากกว่านั้นครับ
  • ผมว่า คุณภาพของการอยู่ด้วยกันกับลูก  สำคัญกว่า ระยะเวลาว่ามากหรือน้อยนะครับ
  • ผมยังมีเหตุการณ์ตอนอายุ 1-3 ขวบ บางเรื่องที่ผมยังคงจำได้ไม่ลืมครับ
  • นิสัยเสียๆของ หลานผม คือนิสัยพื้นฐานของทุกคนในบ้านผม แต่ไม่เคยมีใครยอมรับและรู้ตัว จนวันหนึ่งมาตั้งคำถามว่า ทำไม หลานไปเอานิสัยแย่ๆนี้มาจากใหน สุดท้าย ยอมรับกับตัวเองเลยครับ นิสัยที่ว่าเช่น
    • ไม่รักการอ่าน ไม่เคยอ่านหนังสือให้เห็นเลย
    • ไม่มีระเบียบ(ที่บ้านไม่เคยมีใครวางของเป็นที่เป็นทางเลย)
    • ไม่รักษาเวลา(ที่บ้านกินข้าวไม่เป็นเวลาเลย)
    •  ……………….
  • วันนี้ผมเข้าใจแล้ว แต่หลายอย่าง สายไปแล้วครับ (วันนี้เป็นวันที่หลานชายผมหนีออกจากบ้านครบ 2 ปี กับ 6 วันครับ จำได้ไม่เคยลืม)
  • ขอให้อานิสงค์ จากการ sharing นี้ อำนวยพรให้หลาน ผมมีสติในการใช้ชีวิตและเข้าใจโลกอันสับสนและซับซ้อน ใบนี้ครับ 

ขอบคุณอาเฮีย โซ๊ยหมวย และหลานชายครับ 

ขาแจม แจมแล้วก็กลับไป 

โซ้ยหมวยกลับมาเล่าต่อ

วันนี้มีพี่คนนึงมาบอกว่า ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะไม่เลี้ยงเค้าแบบนี้.....แล้วก็มาคิดว่าเราจะต้องมาคิดอย่างงี้นอีก 3 ปีข้างหน้ามั้ย.... ตั้งใจแล้วว่าจะไม่....วันนี้ลูกมีอาการขว้างของแล้ว....เอามือปัดๆๆๆ  เหมือนเวลาที่พี่เลี้ยงจับของ วางของ ใช้วิธีโยนๆเอา.....จะปรับตัว ปรับใจให้เข้ากับธรรมชาติ ดูเหตุปัจจุยด้วยใจว่างๆ แล้วจะเดินไปตามส้นทางที่เห็นค่ะ 


 กาลเวลาผ่านไป....ไม่นาน

อาโซ๊ยหมวย กลับมาอีกแย็ว!!!

อาเฮียค่ะ!!! เหนื่อยใจมากกกกกกกกกกกทำไงดีพี่ กลุ้มใจเรื่องงานอ่ะ เรื่องเยอะ ต้องจัดการเรื่องคนเยอะไปหมด...จิตใจหดหู่จริงๆที่เจอพี่เมื่อวันเสาร์ ต้องเป็นธรรมะจัดสรรแน่ๆทำไงดีคะ...

อั๋วเอง 

อาเฮียชี้แนะ

วันนี้ดีใจที่ตื่นเช้ามาเจอกับเรื่องราวดีๆอีกเรื่อง การคุยกันทำให้ได้สะท้อนตัวเองไปด้วยในตัว วันนี้เราคงได้ประเด็นหลายๆเรื่อง

  • จงอยู่กับปัจจุบัน ศรัทธาในการระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร (ผลเป็นเรื่องของฟ้าที่ลิขิตไว้แล้ว) แต่จงมั่นใจว่า คิดดี ทำดี จะได้ดีเอง
  • สิ่งแวดล้อมหล่อหลอมตัวเราอย่างไม่รู้ตัว แม้ว่าเราจะปฏิเสธมันก็ตาม จงหาเวลาcharge ด้านสว่างบ้าง

 โซ๊ยหมวยตอบ

ดีใจมากๆค่ะพอพี่แนะนำเรื่องการอยู่กับปัจจุบัน ก็แว๊บขึ้นมาทันที ว่าที่ผ่านมามีทุกข์มากเพราะ ทำอยู่วันนี้ คิดถึงเดือนหน้าตลอดเวลา มีอะไรมากระทบก็เดือดเนื้อร้อนใจ ร้องจ๊ากอีกเรื่องที่ได้คิดคือ ตัวเราเองหรอกที่ไม่พร้อม ควรเตรียมความพร้อมของตัวเองก่อน เตรียมใจ เตรียมความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ทำอะไรอย่างเป็นรูปธรรม...จะหาเวลาสัมผัสด้านสว่างมากขึ้นค่ะขอบคุณพี่ก็อบมากๆ จิตใจอ่อนแอแล้วจะไปหาอีกค่ะ

อั๋วเอง 

อาเฮียสรุปปิดท้าย

ใช่ อีกเรื่องที่สำคัญที่ได้แว๊บคิดตอนที่คุยกัน คือเรื่องความไม่ปลอดภัยต่างหากที่เป็นตัวอุปสรรค ที่ทำให้เราไม่กล้าทำ กล้าคิด กล้าฝืนเราไม่พร้อม ทั้งลมปราณและกระบวนท่า นั่นแหละ ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน ที่พวกเราต้องเรียนรู้เตรียมพร้อมกันไว้ จะได้งักออกมาใช้ได้ทันเมื่อคราวจำเป็น 

ดีม๊ากมาก จ๊าบๆๆ 

ทันใดนั้นขาแจมก็กลับมาขอแจมอีกครั้ง

พร้อมกับเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง 

จากวันนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้นตามลำดับ แล้วก็เกิดดิ่งลงไปอย่างไม่รู้ตัว จนมารู้สึกตัวอีกครั้งก็อยูในสายกับผู้เฒ่า แกนดาล์ฟ(ผมขาวเหมือนกันเลยขอเอามาเป็นนามแฝงให้ซะเลย) พูดเองไปเกือบชั่วโมงถึงความทุกข์ ความเครียด ความคับข้องใจของตัวเองกับงานใหม่ที่เจออยู่ พูดจนเกือบจะหมดลมแล้ว ผู้เฒ่าถามมาคำนึงว่า เราควบคุมอะไรได้บ้าง ให้แยกออกมา แล้วอธิบายว่าการที่เรามี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ กับงานเป็นสิ่งประเสริฐแล้ว แต่อย่าขาดวิมังสาคือการทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ว่าแล้วเราก็ลองมาทบทวนดูพบว่ามีเพียงอย่างเดียวที่เราสามารถควบคุมได้คือตัวเราเองจริงๆ (ซึ่งบางครั้งก็ยากมากๆๆๆๆ) พอ click เรารู้สึกเลยว่าตัวเบาหวิว อานุภาพของความเข้าใจชีวิตอยู่ตรงนี้นี่เอง แล้วเวลาก็ผ่านไป จิตใสๆก็หมองลงอีกโดยที่ไม่รู้ตัว (ไม่มีสติตื่นรู้ อันนี้เกิดขึ้นจริงกับตัวผม) รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในสายกับผู้เฒ่าอีกแล้ว

ทีนี้เป็นเอามาก เพราะแม่ พี่สาว และหลานสาวพึ่งมาเยี่ยมและกลับบ้านไป ดูเหมือนทุกอย่าง happy ดีใช่มั๊ยล่ะ ปล่าวเลย เป็นครั้งแรกที่เรา แอ๊บไม่สนิท ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เราอยู่กับแม่ไม่เคยแสดงความทุกข์ร้อนเรื่องงานเลยแต่คราวนี้ เราก็พยายามทำแอ๊บตามเดิมแต่ปรากฏว่าไม่เนียนเอามากๆ ถึงขนาดโดนถามว่า ไม่มีความสุขเหรอที่แม่ พี่สาวและหลานมาหา ถึงกับอึ้งไปเลย แล้วตอบไปเบาๆว่า ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นช่วงนี้งานยุ่งเลยเครียดๆ(ดูมัน ยังเอางานมาอ้างกับแม่ หน้าด้านๆ ทั้งที่เป็นเพราะตัวเองแท้ๆที่จัดการไม่ดี .........

ขออโหสิ จากการงานและอาชีพด้วยนะครับที่ผมเอามาอ้างแบบขอไปทีแบบนี้) ผู้เฒ่าฟังแล้วก็ให้มุมมองอีกว่า อะไรที่ทำให้เราทรมานอย่างนี้ เราก็ตอบไปว่า เจ้านาย (คราวที่แล้วกลุ้มใจกับลูกค้าที่ไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลย คราวนี้ถึงทีเจ้านายบ้าง) เราก็อธิบายสารพันว่ากดดันอย่างโน้น ไม่เข้าใจอย่างนี้ สร้างปัญหาให้เราอย่างนั้น แกก็บอกว่า ช่วยไม่ได้ เรายอมให้เค้าเป็นนายเราเอง ทำไมไม่เป็นนายตัวเองล่ะ โอ้โห คมลึกบาดใจจี๊ดเลย แล้วเชื่อมั๊ยว่าธรรมจัดสรรมีจริงเราพบพี่อีกคน(คนนี้ก็เป็นลูกศิษย์ผู้เฒ่าเหมือนกัน) แกบอกว่าเป็นเรื่องกรรมเหมือนกัน อย่าไปอาฆาตแค้นเค้าให้คิดว่า เราอาจจะมีกรรมต่อเค้ามาก่อน ให้มีความสุขที่เจอปัญหา เพราะปัญหามาเร็ว ใช้กรรมเร็ว หมดกรรมเร็วเช่นกันถือว่ามีบุญที่มีโอกาสใช้กรรมแบบไม่ทรมานจนเกินไป ให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเค้า และสุขทุกครั้งที่เจอกัน แล้วก็เป็นจริง ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราจริงๆ สรุปได้แล้วว่า ใจเราควบคุมยากที่สุด หากไม่ตามดูจิตอาจจะตกไม่รู้ตัว ตามที่เล่ามาก็ตกอย่างไม่รู้ตัวหลายครั้งครา เอาเป็นว่าวันนี้เข้าใจชีวิตมากขึ้นอีกแล้ว ละจะตามดูจิต อยู่กับปัจจุบันต่อไปครับ                

ถึงโซ๊ยหมวย : ธรรมะจัดสรรมีจริง ช่วงเวลาไม่ต่างกันเราก็เจอ อาเฮียแบบเดินสวนกัน ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ในใจเราเหมือนเล่นสงกรานต์น่ะ คือยืนถือถังน้ำรอคนผ่านมานานมากร้อนก็ร้อน หนักก็หนัก อาเฮียผ่านมาเลยสาดโครม แล้วหนี สิ่งนี้เกิดขึ้นในจิตใจเรานะ ภาพในชิวิตจริงคือเดินสวนกันเฉยๆ มองหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ แต่ใจเราสาดน้ำไปแล้ว นึกว่าอาเฮียจะไม่เปียก ปรากฏว่าคืนนั้นอาเฮียโทรมาหา ปกติไม่ได้โทรคุยกันหรอกนะ เราget ทันทีว่าอาเฮียคงเปียกปอนทางใจแน่ๆ คงจะโทรมาด่าว่า สาดน้ำไม่มีปีไม่มีขลุ่ยอะไรกันนักหนาห๊า แล้วก็จริง แกsense จริงๆว่ะเจ๊ หลังๆมา อยากจะยกให้อาเฮียเป็น บุญ Ambassador” แค่เจอก็ได้ทบทวนตัวเองแล้วถึงแม้ไม่ได้คุยกัน ขอบคุณนะครับ          

ถึงอาเฮีย  : that’s all from my heart krub 

ส่งท้ายขอแถม อิทธิบาท4 ไว้อ่านคลายเครียดครับ 

อิทธิบาท ๔ เป็นองค์ธรรมที่นำให้ผู้ปฏิบัติประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย
๑.ฉันทะ คือ ความยินดีพอใจใฝ่ที่จะศึกษา หรือ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สำเร็จลุล่วงไปตามที่ได้ตั้งใจปรารถนาไว้
๒. วิริยะ คือ ความเพียร ซึ่งจะเกิดขึ้นตามมา และผู้ปฏิบัติจะต้องรักษาบำรุงไว้ และเพาะเพิ่มพูลให้มากขึ้นโดยลำดับ อย่าให้ขาดตอน หรือ เสื่อมสลายไปก่อนที่ความสำเร็จจะเกิดขึ้น
๓. จิตตะ คือ เอาจิตใจจดจ่อเฝ้าสังเกตในเรื่องราว รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับงานที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ได้แก่ การอ่าน การฟัง การเขียนบันทึก ฯลฯ เช่น เมื่ออ่านพบเรื่องราว หรือ ได้ยินเรื่องราวที่มีสาระเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราสนใจผ่านสื่อมวลชนต่างๆ หรือ อ่านพบในห้องสมุด หรือ สดับตรับฟังจากผู้ที่รู้ จะต้องรับจดจำบันทึกไว้ ถ้าปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ ก็ควรตัดเก็บไว้
๔. วิมังสา คือ การนำเรื่องข้อมูลที่เราได้จดจำรวบรวมไว้ดังกล่าวในข้อ ๓. มาศึกษาทบทวนค้นคว้าหาเหตุ และผล ทดลองปฏิบัติให้แน่ชัด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประสบความสำเร็จ ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพในวิชาการต่างๆ ทั้งศิลป์ และศาสตร์ เนื่องจากทรงเจริญในหลักธรรมอิทธิภาพ ๔ นี้เอง
 

ขอบคุณ แม่ พี่สาว หลานสาว ผู้เฒ่า ศิษย์พี่ เจ้านาย ลูกค้า โซ๊ยหมวย อาเฮีย และ ในหลวงของเราครับ 

ขาแจมไปแย้ววววววววววว

คำสำคัญ (Tags): #ฉัตรเฉลิมวิทย์
หมายเลขบันทึก: 143485เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2007 12:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 07:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • เหวอๆๆ
  • แสดงความคิดเห็นไว้แล้ว
  • ทำไมอันแรกหายไป
  • งง งง
P
1. ขจิต ฝอยทอง
พอดีปรับเรื่องFont ครับ บางเครื่องอ่านไม่ได้ ใช้Font จ๊าบไปหน่อย

ขอบคุณบันทึก เตือนสติ นี้ ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท