เปลือกนอกกับเนื้อใน


หากมองลึกลงไป ธนบัตรก็คือกระดาษใบหนึ่ง ที่มีวัตถุประสงค์การใช้ เปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ไม่ต่างจากกระดาษใบอื่นๆ

หากพิจารณาสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา ถ้ามองให้ดีจะเห็นได้ว่ามันมีเปลือกนอก และเนื้อใน คนบางคนก็มองเห็นแต่เปลือกนอก คนบางคนสามารถมองเห็นเนื้อใน

คนเห็นเปลือกนอก ก็ตีความอย่างหนึ่ง ปฏิบัติต่อสิ่งที่เห็นเหล่านั้นอย่างหนึ่ง

คนเห็นเนื้อใน เห็นแล้วเข้าใจ ก็ปฎิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นอีกอย่างหนึ่ง


ลองดูเงินเป็นตัวอย่าง

http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK13/pictures/s13-281-3.jpg

ขอขอบคุณภาพจาก kanchanapisek.or.th

ถ้ามองแต่เปลือกนอก เห็นตัวเลขที่อยู่บนธนบัตร เป็นการบ่งบอกถึงอำนาจและฐานะของผู้ที่เป็นผู้ครอบครอง บางคนอาจมองเห็นความสุข เห็นชีวิตที่สุขสบาย บางคนโชคดีหน่อยอาจเห็นการมีสิ่งของมากๆ (ไม่ว่ามีอะไรมากก็ตาม) นั้นคือทุกข์

แต่หากมองลึกลงไป ธนบัตรก็คือกระดาษใบหนึ่ง ที่มีวัตถุประสงค์การใช้ เปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ไม่ต่างจากกระดาษใบอื่นๆ


 

 

ขอขอบคุณ ภาพจาก http://www.geocities.com/pic_asupa/

ที่น่าเสียดายคือ มีคนที่มองแต่เปลือกนอก หรือมองอย่างผิวเผิน หลงไปกับกระแสของเปลือกนอกเยอะเหลือเกิน มองไม่เห็นข้างใน ไม่เห็นปรมัตถธรรม ทำให้ใช้ชีวิตลุ่มหลงไปกับสิ่งที่ไม่จริง ไปยึดติดกับสิ่งที่ไม่จีรัง ก่อทุกข์ ก่อกิเลส ก่อกรรม ให้กับตนเองและผู้อื่น

เปิดตา เปิดใจ เจริญสติ เจริญศีล เจริญปัญญา 


บันทึกนี้ได้จากการสนทนาธรรมกับอ.ศิริศักดิ์ และหลวงพ่อ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรื่องการพิจารณาอสุภะ และก้อนทุกข์  เอามาบันทึกเป็นสิ่งเตือนใจตัวเองให้เห็นก้อนทุกข์ เห็นความไม่เที่ยงแท้ 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 

หมายเลขบันทึก: 143316เขียนเมื่อ 31 ตุลาคม 2007 17:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)
  • ตามมาศึกษาธรรมมะครับอาจารย์
  • ได้อ่านเรื่องแบบนี้รู้สึกสบายใจขึ้น
  • ไปนอนก่อนดีกว่า
  • ป็นหวัดกลัวติดอาจารย์
  • อิอิอิๆๆ

อ.ขจิต เป็นกามนิตหนุ่มเช่นเคย  ^ ^

ยินดีที่ทำให้สบายใจขึ้นนะคะ ถึงเป็นหวัดก็อย่าไปทุกข์กับมันนะคะ พิจารณาให้เห็นว่าเป็นหวัดแล้วเป็นอย่างไรก็พอ พักผ่อนเยอะๆ และหายเร็วๆ ค่ะ ^ ^

  • สวัสดีครับท่านอาจารย์กมลวัลย์
  • เปลือกนอกและเนื้อใน ขึ้นอยู่กับผู้มองเห็น
  • ผู้มีจิตใจละเอียดอ่อนย่อมมองเห็นเนื้อในเสมอและจะไม่ยึดติดกับเปลือกนอก เพราะเปลือกนอกทำให้เรามีความสุขแค่ชั่วคู่ชั่วคราว แต่เนื้อในนั้นจะทำให้เราสุขตลอดกาล
  • ขอบคุณที่นำธรรมะดีๆมาเล่าสู่กันฟังครับ
  • ธรรมะสวัสดีครับท่านอาจารย์
  • มีอยู่มากครับที่ข้างนอกสดใสข้างในตะติ๊งโหน่ง
  • คนเรามักยึดติดกับสิ่งที่เห็น แล้วรู้สึกพึงพอใจ แต่ไม่ค่อยพิจารณาดูข้างในว่าดีจริงหรือเปล่า ปล่อยไปนานๆทองที่ปิดผิวล่อนออกจึงจะรู้ว่าสิ่งนั้นหรือคือ ของปลอม
  • สวัสดีครับอาจารย์
  • ขอบคุณที่ให้สติกันครับ

ตัวอย่างและคำอธิบายของอาจารย์ชัดเจน

เข้าใจง่าย

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะอ.บัวชูฝัก

จริงค่ะ การมองเห็นนั้นขึ้นอยู่กับผู้มองจริงๆ เลย วันนั้นคุยกับหลวงพ่อ กับอ.ศิริศักดิ์ ก็คุยกันว่า คนบางคนเห็นแต่ผิวที่เคลือบไว้ภายนอก แต่บางคนเห็นของจริงแท้ที่ลึกลงไปกว่านั้นว่าภายใต้ผิวที่เราเห็นนั้น แท้จริง"ไม่มี"อะไรเลยค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมา ลปรร นะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะคุณสุดทางบูรพา

แหมใช้สำนวนได้ถูกใจจังค่ะ ^ ^

ข้างนอกสดใสข้างในตะติ๊งโหน่ง

บางทีก็ต้องระวังมากๆ เลยค่ะเรื่องการพิจารณาความจริงแท้ เพราะบางเรื่องก็มีผิวมีเปลือกหลายชั้นเหลือเกิน

เคยสังเกตตัวเองนะคะ ว่ามุมมองเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกับสิ่งที่เราเห็นเปลี่ยนสีเปลี่ยนหน้ากากได้ 5555  ของสิ่งเดียวกันเมื่อวานซืนบอกว่าสวย เมื่อวานบอกว่าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เสียแล้ว  จริงๆ แล้วสิ่งที่เปลี่ยนคือใจของเรา ไม่ใช่ของ เพราะฉะนั้นถ้าเห็นแล้วเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ สิ่งที่เปลี่ยนคือกิเลสในใจของเราเองค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะพี่บางทราย

ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้ไปเยี่ยมใครเท่าไหร่เลยค่ะ พยายามจัดตัวเองให้ไปเฮฮาศาสตร์ดงหลวงให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ ต้องทำงานช่วงเวลานั้น (ติดสอน)

ไม่ได้แวะไปบอกด้วยค่ะว่า tag คิดถึงพี่เอาไว้ ดูได้ที่นี่ค่ะ  Tag คิดถึง : บันทึกประทับใจเกี่ยวกับการศึกษา แต่เดาว่าสงสัยพี่จะไม่ว่างสักเท่าไหร่ เห็นเตรียมงานเฮฮาศาสตร์ขมักเขม้นกันอยู่

เสียดายมากค่ะที่ไปดงหลวงไม่ได้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จะคอยติดตามรายงานผลทางเน็ตก็แล้วกันนะคะ

ขอบคุณค่ะ 

สวัสดีค่ะคุณหมอรวิวรรณ

ยินดีมากที่อาจารย์แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ  ตอนแรกว่าจะเขียนเกี่ยวกับอสุภะ การมองร่างกายน่ะค่ะ แต่ตัวอย่างอาจจะเข้าใจยาก เลยเอาตัวอย่างเรื่องเงินที่ดูง่ายๆ ไว้ก่อนค่ะ   เกือบเขียนแล้วล่ะค่ะว่า ธนบัตรก็เหมือนกับกระดาษใบหนึ่งไม่ต่างจากกระดาษชำระค่ะ ^ ^  อ.ศิริศักดิ์เคยเล่าให้ฟังว่า ที่มาเลเซียมีอยู่ช่วงหนึ่ง คนเอาธนบัตรมาใช้แทนกระดาษชำระ เพราะกระดาษชำระมีค่ามากกว่าธนบัตรในเวลานั้นค่ะ

ขอบคุณคุณหมอที่แวะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจนะคะ ^ ^ 

สวัสดีครับ

เป็นข้อคิดที่คอยเตือนสติได้ดีครับ

ความจริงแล้ว ที่อาจารย์พูดมา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ อะไร เราๆ ท่านๆ โดยมากถูกสอนเรื่องนี้กันมาแล้ว แต่ถ้ามีอะไรมาสะกิด ก็ช่วยให้มีสติกลับมาบ้าง

น่าดีใจที่มีสมาชิกหลายคน ใน G2K คอยเตือนสติด้วยบันทึกที่น่าสนใจอยู่เสมอๆ

ขอบคุณสำหรับธรรมะ ครับ

ได้อ่าน"เปลือกนอกและเนื้อใน" แล้ว ทำให้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตบนโลกใบนี้ขึ้นอีกมาก  ตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ก็ไม่ควรจะไปยึดถือกับสิ่งใดเลย  ใช่ไหมคะ

สวัสดีค่ะคุณธวัชชัย

ขอบคุณค่ะ พยายามเตือนตัวเองเรื่อยๆ ค่ะ ^ ^

จริงที่เรื่องที่เขียนในบันทึกไม่ใช่เรื่องใหม่เลย สำหรับตัวเองแล้ว เหมือนรู้ แต่ทำไม่เป็นน่ะค่ะ เหมือนเรียนมา แต่ยังทำไม่ได้ ต้องค่อยๆ ฝึกค่ะ ^ ^  ตอนนี้ทำได้ดีขึ้น ไม่ยึดติดกับเรื่องต่างๆ มากนัก เพราะมองเห็นเนื้อในได้ดีขึ้น 

ใน gotoknow มีกัลยาณมิตรเยอะเลยค่ะ ช่วยกันคิด ช่วยกันเตือน ช่วยกันทำค่ะ

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ 

สวัสดีค่ะคุณสิรินาม วัฒนศัพท์

สำหรับตัวเองแล้ว การเข้าใจกฎไตรลักษณ์ ทำให้เข้าใจสภาพของเปลือกนอกและเนื้อในได้มากเลยค่ะ เปลือกนอกที่เห็นจะเป็นไปดังที่กล่าวว่า มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเสมอ เช่นสังขาร   ถ้ามองเนื้อในแล้วจะเห็นได้ว่า้สังขารนี้"ไม่มี" น่ะค่ะ

แต่การไม่ยึดกับสิ่งใดเลยนั้น สำหรับตัวเองแล้วคิดว่าตราบใดที่ยังอยู่ในสังคมที่คนยังยึดกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ เราต้องรู้จักใช้สิ่งที่คนเขายึดกันให้ถูกต้องค่ะ เช่น เรื่องของเงิน เราก็เพียงแต่มองให้เห็นว่าเงินคืออะไร เอาไว้ใช้แลกเปลี่ยน เป็นสิ่งจำเป็นในการซื้อหาสิ่งต่างๆ สำหรับดำรงชีวิต ก็เท่านั้น แต่ไม่ยึดเห็นเงินเป็นอำนาจ หรือเอาเงินมาปรุงกิเลสตัวเองอีกต่อหนึ่ง

สรุปว่าต้องมองให้เห็น เข้าใจ รู้จักใช้สิ่งรอบตัว หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง เพราะถ้ารู้และเข้าใจ เมื่อต้องเสียไปก็ไมรู้สึกแปลกอะไรเพราะรู้อยู่ว่าไม่แน่นอนค่ะ ^ ^

 ขอบคุณคุณสิรินาม ที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

คำว่ามองเปลือกนอก กับ มองเนื้อใน

ไม่ทราบว่ามองเปลือกนอกอะไร กับ มองเนื้อในอะไร

ถ้ามองเปลือกนอกของคนอื่น กับ มองเนื้อในของคนอื่น จะทำให้เราวุ่นวาย

ถ้ามองเปลือกนอกเรา กับ เนื้อในเรา

คือพิจารณากายเรา กับ พิจารณาจิตเรา จะทำให้เราสงบ

มีหลายคนมองเห็นภูเขา บางคนก็ว่ามีเส้นผมบังภูเขา

มีน้อยคนที่จะเห็นขนตา และยิ่งน้อยคนเวลาหลับตาแล้วเห็นเปลือกตาที่แนบสนิทกัน

เวลาหลับตาแล้วคนส่วนใหญ่เห็นแต่เรื่องภายนอก เห็นแต่เรื่องผู้อื่น

เราลองมาเห็น มาดู มารู้ เรื่องภายในของเรากันครับ

มี 2 อย่าง คือกาย กับ จิต พิจารณาให้เป็นธาตุ 4 ขันธ์ 5 แล้วน้อมลงสู่ไตรลักษณ์

ผู้ใดทำได้ชำนาญ ผู้นั้นจักสงบ และอยู่ดีมีสุข ครับ

 

 

สวัสดีค่ะคุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง

ขอบคุณที่ช่วยเข้ามาเิติมเต็มเนื้อหาเกี่ยวกับเปลือกนอกและเนื้อในนะคะ ^ ^

เห็นด้วยค่ะว่าถ้าเรามองคนอื่นๆ พยายามไปตีความเข้าใจคนอื่นๆ ก็คงจะวุ่นวายพอควรทีเดียว ถ้าไปจับยึดเรื่องนั้นๆ ไม่ปล่อย

ตอนที่เขียนบันทึก นึกถึงเรื่องทั่วๆ ไป เช่น การมองเปลือกนอกเืนื้อในของสิ่งต่างๆ รอบตัว และการมองน้อมมาที่เข้ามาที่ตัวเองด้วยค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

สวัสดีครับพี่กมลวัลย์

อ่านบันทึกนี้แล้ว นึกถึงคำสอนของหลวงปู่ เลยอยากนำมาแลกเปลี่ยนครับ

ครั้งหนึ่งท่านได้อบรมศิษย์ผู้หนึ่งเกี่ยวกับการรู้ธรรม เห็นธรรมว่ามีทั้งชั้นหยาบ ชั้นกลาง ชั้นละเอียด ท่านอธิบายโดยหยิบยกมาเปรียบเทียบกับซองบุหรี่ว่า

"แรกเริ่ม เราเห็นแค่ซองของมัน
ต่อมา เราก็จะไปเห็นมวนบุหรี่อยู่ในซองนั่น
ในมวนบุหรี่แต่ละมวนก็ยังมียาเส้นอยู่ภายในอีก
แล้วที่สุดจะเกิดตัวปัญญาขึ้น รู้ด้วยว่ายาเส้นนี้ทำมาจากอะไร

จะเรียกว่า เห็นในเห็น ก็ได้ ลองไปตรองดูแล้วเทียบกับตัวเราให้ดีเถอะ"

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะP

เข้าใจว่าอาจารย์มองถึงเรื่องเปลือกนอก เนื้อในของสิ่งต่างๆทั่วๆไป

สำหรับตัวเองนะคะ  คิดว่า ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้จริงๆ จะไปจะอยู่เมื่อไรไม่ทราบ เลยคิดว่า จะทำความดีอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่น ก็ให้รีบทำ ไม่รีรอค่ะ ยิ่งไปอ่านเจอบทความนี้ค่ะ........

สถิติทั่วโลกบอกว่าหญิงเมื่อปลายชีวิตจะมีชีวิตที่ทรมานกับโรคเรื้อรัง เช่น ปวดไขข้อ โรคหัวใจ กระดุกผุ ฯลฯ มากกว่าชายโดยเฉลี่ยเมื่อหลังอายุ 85 ปี (ถ้าหญิงใดไม่คิดจะอยู่หลังอายุ 85 ปี ก็ไม่ต้องกังวลครับ)

พระเจ้าก็ได้ให้ชายมีอายุขัยโดยเฉลี่ยสั้นกว่าหญิงอยู่แล้ว (โดยเฉลี่ย 5-7 ปีในทุกสังคม) เพื่อให้หญิงได้มีชีวิตอันสงบก่อนตาย แต่เหตุไฉนจึงลงโทษหญิงอายุมากกว่า 85 ปี หรือเป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้เธอเหงาจนเกินไปในช่วงเวลาแห่งการมีความสงบของจิตใจ?

สรุปว่า ถึงเราจะมีอายุยืน แต่ก็ต้องสุขภาพดีด้วย แต่ไม่มีใครบอกได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น ทางที่ดี อย่าประมาทในชีวิต อย่าลุ่มหลงไปกับสิ่งจอมปลอมอันหาแก่นสารไม่ได้ และอย่าไปยึดติดกับสิ่งใด ละวางให้ได้มากที่สุด ก็จะดีกับตัวเรา ไม่ต้องไปแบกอะไรให้หนักโดยใช่เหตุ

แหม เลยคิดไปไกลหน่อยนะคะ

สวัสดีค่ะน้องกบ ข้ามสีทันดร

ตอนพี่เขียนเรื่องนี้พี่นึกถึงเรื่องที่คุยกับหลวงพ่อกับอ.ศิริศักดิ์น่ะค่ะ

หลวงพ่อท่านชี้ไปที่บาตร ท่านพูดว่า ...

คนมองบาตรก็จะเห็นว่าบาตรคือภาชนะสำหรับใช้ในการบิณฑบาตร แต่ถ้ามองให้ดีก็คือธาตุหนึ่งใน ๔ เท่านั้น  ....

หลังจากนั้นก็มีการสนทนากันถึงเรื่องการมองกาย ว่าคนทั้งหลายจะเห็นแต่ผิวหนังรูปลักษณ์ภายนอก มองไม่เห็นที่อยู่ข้างใน

เปรียบเหมือนตัวอย่างเรื่องซองบุหรี่ีที่หลวงปู่ท่านสอนไว้ ซองก็เหมือนเนื้อหนัง บุหรี่ก็เปรียบเสมือนเนื้อ/อวัยวะภายในเส้นเลือดต่างๆ   ตัวบุหรี่ก็ประกอบไปด้วยยาเส้นข้างในเป็นพื้นฐาน เหมือนอวัยวะต่างๆ ประกอบไปด้วยธาตุต่างๆ เซลล์ต่างๆ DNA ต่างๆ เป็นพื้นฐาน 

มาถึงตรงนี้อาจารย์ศิริศักดิ์ถามอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้พี่เกิดปัญญาเำพิ่มเติม...นั่นคือ อาจารย์ถามว่า ... แล้วเราล่ะอยู่ตรงไหน? มีเราไหม?

สำหรับพี่แล้ว การพิจารณาแบบนี้ทำให้ละอัตตาไปได้มากทีเดียวค่ะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะนำคำสอนของหลวงปู่มาเติมเต็์มเนื้อหาในบันทึกนะคะ  

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์  P

ภายใต้เปลือกนอกรูปกายของเรา ยังมีอะไรๆ อีกมากมาย ที่เราใช้ประเมินคนแต่ละคน เช่น อวัยวะทั้งหลาย (รูป) ก็ใช้ประเมินความเจ็บป่วย หรือคุณค่าความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน (นาม) ใช้ประเมินคุณค่าทางสังคมของคน ประมาณว่ารูปงาม แต่จิตใจอาจไม่งามก็ได้ หรือผิวพรรณดีแต่ข้างในอาจเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ก็ได้

แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปอีกจากรูปและนามภายใต้สังขารของเรา จะเห็นถึงความจริงอันหนึ่งก็คือ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (ความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความไม่มีตัวตน) อันนี้คือเนื้อในจริงๆ

ตอนนี้กำลังหัดมองให้เห็นทุกอย่างเป็นแบบนี้ค่ะ และได้ข้อสรุปเหมือนที่คุณพี่กล่าวไว้ค่ะ

อย่าประมาทในชีวิต อย่าลุ่มหลงไปกับสิ่งจอมปลอมอันหาแก่นสารไม่ได้ และอย่าไปยึดติดกับสิ่งใด ละวางให้ได้มากที่สุด ก็จะดีกับตัวเรา ไม่ต้องไปแบกอะไรให้หนักโดยใช่เหตุ

สำหรับตัวเองแล้ว คิดว่าคุณพี่ไม่ได้คิดไกลไปเลยค่ะ ^ ^ 

ขอบคุณคุณพี่ที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ

....สำหรับตัวเองแล้วคิดว่าตราบใดที่ยังอยู่ในสังคมที่คนยังยึดกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ เราต้องรู้จักใช้สิ่งที่คนเขายึดกันให้ถูกต้อง...

พี่ว่าตรงนี้แหละค่ะที่เราต้องมีสติ รู้เท่าทัน มีปัญญาในการดำเนินชีวิตเมื่อเรายังอยู่ในสังคม อยู่ด้วยความเข้าใจและปัญญา ชีวิตก็จะไม่มีปัญหา หรือมีน้อยค่ะ

สวัสดีค่ะพี่นุช P คุณนายดอกเตอร์

เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ เราต้องรู้จักดู แยกแยะ รู้จักใช้สิ่งต่างๆ รอบตัวแบบไม่ยึดติดค่ะ ทุกวันนี้ก็ใช้หลักการนี้อยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพค่ะ ^ ^

ตอนนี้ก็พยายามมองตัวเองมากขึ้น จะได้เห็นเปลือกนอกและเนื้อในของตัวเองยิ่งขึ้นค่ะ

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร เสมอนะคะ ^ ^ 

สวัสดีครับอาจารย์

  ...เรื่องการมอง  การฝึกมองให้ผ่านเข้าไปข้างใน

  เพื่อให้เห็นสิ่งที่เป็นจริง.. เป็นทางหนึ่งของผู้ฝึก

  ที่จะต้องผ่านและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆครับ

  ผม..เคยอ่านพบ  เคยฟังและเคยลองฝึกอยู่ครับ...

  การผ่านการฝึกและปรับเปลี่ยนการมองตรงนี้ให้ถูกต้อง ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ  แมจะไม่ถึงขั้นสำเร็จ

  แต่ก็รู้สึกว่าดีขึ้น  และได้ประโยชน์มากขึ้นครับ

  อ่านบันทึกตรงนี้แล้วหวนนึกถึงสิ่งที่เคยฝึก  เคยอ่าน เคยจำได้ครับ

  และก็รู้สึกว่าดีขึ้นมาจากการได้เรียนรู้เรื่องนี้มากๆครับ(เป็นองค์ประกอบหนึ่ง)

  ขอบพระคุณครับ

  ..ปล.. บันทึกย้อนหลังหน่อยนะครับ..  บางครั้งบุญอาจจะไม่ถึงหรือเปล่า  เพราะอ่านครั้งแรกอ่านจะไม่ซึมซับ  หรือไม่เชื่อมโยง

   แต่พอมาอ่านอีกครั้งก็รู้สึกดี  ได้ต่อยอดและได้ระลึกถึงเรื่องดีงามครับ

   การฝึกและการเรียนรู้ที่ผ่านมาคือ

   - เริ่มจากเรื่องการทำความเข้าใจเรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ ตอนแรกยากเหมือนกัน ครับ ได้แต่จำ เข้าใจ  แต่ไม่ได้เข้าถึง  พอผ่านชีวิตมาสักระยะ ก็เริ่มเห็นบ้าง(ตาในครับ)  ต้องขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ได้เขียนได้อธิบายไว้  ทำให้เข้าใจมาขึ้นครับ

สวัสดีค่ะน้องหมอ P  kmsabai

 

พี่เองก็เป็นประเภทเดียวกันแหละค่ะ บางครั้งอ่านเรื่องบางเรื่องครั้งแรกยังไม่คลิ๊ก  นึกถึงตอนเรียนหนังสือน่ะค่ะ ถ้าเรื่องไหนคลิ๊ก จะเรียนสนุกมากๆ เรื่องธรรมะนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเมื่อไหร่คลิ๊ก ก็จะเข้าใจแบบมองไปทางไหนก็เห็นเลยล่ะค่ะ ^ ^  

มีเหมือนกันที่ย้อนกลับไปอ่านบันทึกเก่าๆ ของตัวเองแล้วพบว่าเหมือนอ่านบันทึกที่คนอื่นเขียน ได้ความรู้สึก ได้ความเข้าใจใหม่ๆ จากการกลับไปอ่านน่ะค่ะ

สำหรับเรื่องการเข้าใจเรื่องเปลือกนอกกับเนื้อในนั้น ตัวพี่เองมองว่าเปลือกนอกจะเข้าข่ายไตรลักษณ์เสมอ แต่ถ้าเป็นเนื้อในแล้วจะเป็นปรมัตถ์ค่ะ ^ ^ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท