สารไนเตรทตกค้างในสับปะรดเกิดจากสาเหตุใด และมีผลต่อผู้บริโภคหรือไม่?
คิดว่าทุกคนคงรู้สึกกังวลหากได้ยินว่าพบสารไนเตรทตกค้างในสับปะรด แต่ที่จริงแล้วสารไนเตรทในสับปะรดไม่มีอันตรายต่อผู้บริโภคเลยค่ะ แต่มีผลต่อผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปสับปะรดกระป๋อง เพราะว่า หากมีสารไนเตรทตกค้างในสับปะรดเกิน 25 ppm ( พบสารไนเตรท 25 ส่วนในล้านส่วน) เมื่อนำไปแปรรูปบรรจุกระป๋องแล้ว สารไนเตรทจะกัดกร่อนสารเคลือบกระป๋อง ทำให้อายุการเก็บรักษาลดลงจาก 3 ปีเหลือเพียง 1 ปี ซึ่งเกิดผลเสียหายกับผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปสับปะรดกระป๋องอย่างมาก
สำหรับสาเหตุของการมีสารไนเตรทตกค้างในสับปะรดเกิดจาก 2 ปัจจัย ดังนี้
1. เกิดจากการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟตของสับปะรดไม่หมด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ โดยหลังจากการบังคับดอกแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟตทางดิน แต่มาให้ปุ๋ยโดยการฉีดพ่นทางใบ เพราะสับปะรดจะสามารถนำปุ๋ยไปใช้ได้หมด ส่วนที่ตกค้างอาจจะอยู่ที่ใบหรือจุกสับปะรด แทนที่จะตกค้างในผล
2. เกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ หากมีฝนตก สับปะรดจะได้รับสารไนโตรเจนซึ่งมาพร้มกับสายฝนโดยตรง จึงจำเป็นต้องทิ้งช่วงอย่าเก็บเกี่ยวสับปะรดในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ แต่ก็เป็นเรื่องยากเพราะหากสับปะรดสุกแล้ว เกษตรกรก็จำเป็นต้องเก็บเกี่ยวทันทีไม่สามารถยืดเวลาเก็บเกี่ยวได้ จึงเป็นปัจจัยที่เหนือการควบคุม
การแก้ไขปัญหานี้ จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของนักส่งเสริมการเกษตร ในการถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรสามารถผลิตสับปะรดอย่างถูกต้องได้คุณภาพตามที่โรงงานต้องการ ในขณะเดียวกัน ทางโรงงานก็ได้หาวิธีการต่างๆ ที่จะใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดสารไนเตรท ซึ่งเป็นการร่วมกันทำงานจนในปัจจุบัน ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จะเหลือแต่ก็ปัจจัยทางธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้เท่านั้นเอง
<p> </p>