การมีภรรยามากกว่าหนึ่ง ตามที่ผมเข้าใจ


ประเด็นของ polygamy มิใช่อยู่ที่ว่าจะต้องมีเมียคนที่สองให้จงได้ แต่ เป้าหมายของมันอยู่ที่คุณจะมีเมียคนที่สองหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญมันอยู่ตรงที่อีหม่านของคุณถูกยกระดับด้วยความรู้และความเข้าใจใน polygamy หรือไม่ต่างหากละ

การมีภรรยามากกว่าหนึ่งตามที่ผมเข้าใจ

 1. หากคุณเข้าใจแก่นแท้ของหลักการ การมีภรรยามากกว่า  1  คน  ของศาสนาอิสลาม    คุณจะเห็นว่านี่คือ กระบวนการในการตัรบียะฮฺ (กระบวนการขัดเกลาที่มีคุณค่ามาก)
              แต่น่าเสียดายเพราะทั้งมุสลีมีนและมุสลีมะฮฺต่างก็ไม่ข้าใจในแก่นแท้ของมัน  เป็นเพราะเราถูกบังคับให้สวมใส่แว่นตาตะวันตก  นั่นคือ เราถูกสอนให้คิดแบบตะวันตก  เราไม่มองอิสลามด้วยเลนส์แห่งอิสลาม  ดังนั้นสายตาของเราจึงพร่ามัว  เราจึงเห็นหลักการของอิสลามในประเด็นนี้แบบบิดเบี้ยว  ไม่สวยงาม  ยิ่งซ้ำไปร้ายกว่านั้นเรามองเห็นประเด็น polygammy เป็นประเด็นที่เป็นอันตรายต่อตัวเราและครอบครัวของเรา  ทำไมเราไม่มั่นใจในการกำหนดบทบัญญัติของอัลลอฮฺ   ทำไมเราจึงมั่นใจกับความคิด และวิธีคิดที่ถูกฟูมฟักทาจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก  ทำไมเราจึงมีความมั่นใจกับแบอย่างของละครน้ำเน่า  ความเชื่อมั่นในอัลลอฮฺไปอยู่ที่ไหนกัน  ทำไมเวลาเราจะเชื่อมั่นในพระองค์แล้วเราต้องมีเงื่อนไขด้วย
              มุสลีมีนจำนวนมากที่มีภรรยาหลายคนผมเชื่อว่ามิได้เกิดมาจากหลักการ polygammy ที่แท้จริง  เพียงแค่เกิดมาจากอารมณ์และความคิดที่บิดเบี้ยว  แต่อาศัยหลักการ polygammy มาเป็นข้ออ้าง   ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นความล้มเหลวของ  polygammy
              polygammy  ที่ถูกต้อง  ต้องเป็น polygammy  ที่ถูกผลักดันมาจาก   ความรู้  ความเข้าใจ  และความตระหนัก มิใช่เกิดมาจากอารมณ์ไฝ่ต่ำของผู้ชาย
             ที่น่าเป็นห่วงคือ  ผู้หญิงจำนวนมากที่ได้ปฏิเสธอิสลามโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ปฏิเสธอิสลามไปเสียแล้ว   เพราะใช้อารมณ์ไฝ่ต่ำในการเผชิญหน้ากับมันอีกเช่นกัน
           พี่น้องมุสลีมะฮฺ   โปรดระวัง...ท่านอาจจะพลาดพลั้งได้ง่ายต่อการปฏิเสธอิสลามโดยการปฏิเสธ polygammy
           ผมเข้าใจหัวใจ  เข้าใจความคิดของมุสลีมะฮฺดีพอที่จะพูดว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่พี่น้องมุสลีมะฮฺจะยอมรับมันได้
           ผมยากจะสรุปเป็นความสั้น ๆ  ว่า  polygammy  คือ กระบวนการตัรบียะฮฺ (การขัดเขลา) ที่ได้บูรณาการหลักการอิสลามจำนวนมากไว้ในกระบวนการนี้   หากเราทำได้  รางวัลที่พระองค์จะพระทานให้กับเรานั่นคือ  การยกระดับอีหม่านของเราเอง  หรือว่าสิ่งนี้มิใช่สิ่งที่เราต้องการดอกหรือ
  

2. หากบ่าวของพระองค์เข้าใจถึงแก่นแท้ของ polygamy แล้ว  เขาจะเข้าใจและลึ้งซึ้งในชะรีอัตของพระองค์มากขึ้น
       ประเด็นของ polygamy  มิใช่อยู่ที่ว่าจะต้องมีเมียคนที่สองให้จง
ได้    แต่  เป้าหมายของมันอยู่ที่คุณจะมีเมียคนที่สองหรือไม่   ไม่สำคัญ   แต่ที่สำคัญมันอยู่ตรงที่อีหม่านของคุณถูกยกระดับด้วยความรู้และความเข้าใจใน  polygamy หรือไม่ต่างหากละ
 

3. "หากคุณสอนมุสลิมให้เข้าใจอิสลาม 1 คน  เท่ากับว่าคุณได้สอนให้มุสลิมเข้าใจอิสลาม 1 คน 
            แต่หากคุณสอนมุสลีมะฮฺให้เข้าใจอิสลาม  1 คน  เท่ากับว่าคุณกำลังสอนให้อุมมะฮฺเข้าใจอิสลาม"
 
           ฟังคำพูดนี้แล้วคิดต่อได้ว่า

            หากมุสลีมะฮฺ   1  คน  เข้าใจอิสลามอย่างถ่องแท้และยึดมั่นในอิสลามแล้ว   เธอจะต้องสอนลูก    ของเธอให้เข้าใจอิสลามอีกหลาย ๆ  คน   
            และหากลูก ๆ  ของเธอเข้าใจอิสลามแล้ว  ลูก ๆ  ของเขาจะสอนอิสลามให้ผู้คนอีกมากมาย 
         
            คิดต่อได้ว่า 

            หากมุสลีมะฮฺที่เข้าใจอิสลาม  1 คน  แต่ไม่ได้แต่งงาน  เพราะ  เธอไม่ยอมที่จะแต่งงานกับชายที่ไม่สามารถที่จะเป็นผู้นำของเธอได้ (เพราะเธอเข้าใจอิสลาม)  แต่เธอพร้อมที่จะเป็นคนที่ 2 ของผู้ชายที่พร้อมที่จะเป็นผู้นำของเธอ   สอนเธอได้  นำเธอไปสวรรค์ของอัลลอฮฺได้   แต่เธอและชายคนนั้นถูกกีดกันจากผู้ปกครอง   และคนอีก  หลาย ๆ   คน   เพื่อไม่ให้เธอได้ทำ polygamy  ตามที่เธอเข้าใจในหลักการของอิสลาม

          คิดต่อไป  ได้ว่า
   
          แล้วจะมีเด็ก  ที่จะผ่านมาอยู่ท้องของเธอ  ตักของเธอ  ดื่มนมจากเธอ   
          แล้วจะมีเด็กที่จะให้เธอได้ทำการสั่งสอน  อบรม  ขัดเกลา  โดยความเข้าใจอิสลามของเธอได้อย่างไร
         โปรดคิดต่ออีกนิดเถอะ...ผู้ที่เรียกว่า  ศรัทธาชน
   
         การคัดคาน polygamy  เท่ากับว่าเขากำลังทำลายโอกาสของอุมมะฮฺหรือเปล่า

4.    ก. ถ้าหากความต้องการของผู้ชายที่จะมีภรรยาอีกคนหนึ่ง    เกิดขึ้นเพราะการมีภรรยาคนเดียว  ยังไม่อาจปกป้องตัวเองให้พ้นจากการผิดประเวณีได้  หรือเพราะภรรยาคนแรกป่วย  หรือเป็นหมัน  และเขาต้องการได้บุตร  และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถให้ความยุติธรรมระหว่างภรรยาทั้งสองได้  การมีภรรยาเกินกว่าหนึ่งสำหรับเขาก็ตกเป้นสุนัต (มันดูบ) เพราะจะก่อให้เกิดผลดีที่เป็นไปตามบัญญัติศาสนา   และความจริงแล้ว  บรรดาซอฮาบะฮฺ(ร.ด.) เป็นจำนวนมากก็มีภรรยาเกินกว่าหนึ่งคน 

                      ข. ถ้าหากความต้องการมีภรรยาหลายคนเกิดขึ้น   โดยไม่มีความจำเป็น  แต่เป็นเพราะความต้องการความสำราญและปรนเปรอความสุข  และเขาเองก็สงสัยว่าจะสามารถให้ความเป็นธรรมแก่ภรรยาหลายคนได้หรือไม่  การมีภรรยาหลายคนสำหรับเขาตกเป็นมักรูห์  เพราะไม่ได้เกิดจากความจำเป็น  และเพราะอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับภรรยาขึ้นได้  ถ้าหากเขาไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่ภรรยาของเขาได้  ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า

                             "จงละทิ้งสิ่งที่ทำให้ท่านสงสัย  ไปสู่สิ่งที่ทำให้ท่านไม่สงสัยเถิด"   รายงานโดยติรมีซี

                     ค. เมื่อค่อนข้างแน่ใจหรือมั่นใจว่าเขาไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้  หากมีภรรยาหลายคน   ซึ่งอาจเกิดจากความยากจนของเขาหรือความอ่อนแอ  หรือไม่ไว้วางใจตนเองเรื่องความลำเอียง  ดังนั้นการมีภรรยาหลายคนสำหรับเขาก็ตกเป็นสิ่งหะรอม  เพราะเป็นการสร้างความเดือนร้อนให้เกิดขึ้นกับผู้อื่น  ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า

                        "ตัวเองต้องไม่เดือดร้อนและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน" (รายงานโดย  อิบนิมาญะฮฺ )

         และจำเป็นต้องทราบด้วยว่า  ในสองกรณีหลังนี้ถ้าหากฝ่ายชายได้ทำการแต่งงานกับภรรยาคนที่สองหรือกับภรรยาคนที่สามการแต่งงานนั้นถือว่าถูกต้องตามหลักศาสนา   และมีผลบังคับต่าง ๆ  ติดตามมา  อาทิเช่น  อนุญาตให้ร่วมประเวณีกัน  จำเป็นต้องจ่ายค่าสมรส  (มะฮัร) จำเป็นต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูและอื่น ๆ  แม้แต่การแต่งงานของเขาจะตกเป็นมักรูห์ในกรณีที่สอง  และตกเป็นหะรอมในกรณีที่สามก็ตาม   การที่ตกเป็นหะรอม  หมายความว่ามีบาป  แต่การแต่งงานไม่เป็นโมฆะ 

อ้างอิงจาก...อรุณ    บุญชม.อัลฟิกฮฺ (นิติศาสตร์อิสลาม)
          ประเด็นที่ แต่อย่าแต่งเพราะคำพูดที่ว่า เป็นภรรยาที่สองของคนนั้น คนนี่สี เพื่อพิสูจน์อีหม่าน เพราะการพิสูจน์อิหม่าน ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเพิ่มอีหม่านก็ยังไม่เห็นว่าอุลามาอ์คนไหนแนะนำวิธีนี้นะครับ  สาวๆอย่าหลงกลนะเสียหล่ะ แต่แต่งเพราะอยากแต่งก็ตามสบาย แต่ขอร้องอย่ามาอ้างเรื่องทดสอบอีหม่าน หรือโชว์ว่าเคร่ง โดยการเป็นคนที่สอง หรือ...
             - การพิสูจน์อีหม่านเ    ข้าใจว่าคนยุคแรกเขาไม่ได้พิสูจน์วิธีนี้   ใช่  เพราะคนยุคแรก  ก่อนที่จะรับอิสลามเขามีเมียเกินสี่  แต่เมื่อเขาเข้ารับอิสลาม  ท่านนบีแนะนำให้พวกเขาหย่าเพื่อให้เหลือ 4 คนเท่านั้น   ดังนั้นในประเด็นนี้มีบริบทที่แตกต่างกัน   การกล่าวอ้างเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง   ทั้งนี้และทั้งนั้น  ซอฮาบะฮฺส่วนใหญ่มีภรรยามากกว่าหนึ่ง  ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น  เพราะฉนั้นการมีภรรยามากกว่า 1 คนจึงเป็นซุนนะฮฺแบบอย่างของท่านศาสดาและเหล่าบรรดาซอฮาบะฮฺ   แต่มิได้หมายความว่าการมีภรรยาคนเดียวจะไม่ใช่ซุนนะฮฺนะครับ    ส่วนที่กล่าวว่าไม่มีอุลามาอฺคนไหนแนะนำวิธีการเพิ่มอีหม่านด้วยการทำ Polygamy  ใช่ครับ  ผมเองก็ไม่เคยเจอว่าอุลามาอฺท่านไหนจะแนะนำว่า หนึ่งในหลาย ๆ  วิธีการเพิ่มอีหม่าน  คือ  การมีภรรยาหลาย ๆ  คน  เพราะการทำ Polygamy   มีฮุกมที่หลากหลายตามแต่พื้นฐานของแต่ละบุคคลคน   บางคนทำก็ได้บุญ  บางคนทำก็ได้บาป   ไม่เหมือนกับการอ่านกุรอ่านหรือซิกรุลลอฮฺไม่ว่าใครทำก็ได้บุญและอีหม่านเพิ่มขึ้น   ดังนั้นคงไม่มีอุลามาอฺคนไหนออกมาแนะนำให้ทุกคนทำหรอกครับ   แต่สำหรับกรณีของคนที่มีความพร้อมผมมั่นใจว่าการทำ polygamy จะทำให้เขาเพิ่มอีหม่าน   เพราะ เขาต้องฝืนใจเอาชนะตนเอง  ผู้ชายต้องรับผิดชอบมากขึ้น  ต้องยุติธรรมมากขึ้น ต้อง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่จะทำให้อีหม่านเพิ่มขึ้น


  5. ดร.ยูซุฟ    อัลก็อรฎอวีย์   กล่าวถึง  ผู้หญิงส่วนเกินที่ไม่ได้แต่งงานเป็นภรรยาคนแรกนั้น   พวกเธอมีทางเลือกอยู่  3 ทาง ด้วยกัน

1. ปล่อยชีวิตทั้งหมดของตนให้ผ่านไปด้วยความขมขื่น
2. กลานเป็นสิ่งบำเรอความสุขทางเพศของชายชั่ว   หรือ 
3. เป็นภรรยาร่วมกับภรรยาของชายที่สามารถเลี้ยงดูภรรยาได้มากกว่า 1 คน  และเป็นผู้ที่จะปฏิบัติต่อเธอด้วยความเมตตา

แน่นอนทางเลือกสุดท้ายคือการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง  เป็นการรักษาเยียวยาที่ชะงัดสำหรับปัญหานี้  และนี่คือการตัดสินของอิสลาม   

"...และผู้ใดเล่าเลอเลิศกว่าอัลลอฮฺในการตัดสินสำหรับประชาชนผู้เชื่อมั่น (กุรอ่าน  5:50)
 

6. หลักการ polygamy คือหลักการที่เกิดมาจากอะกีดะฮฺที่บริสุทธิ   polygamy  ถูก process  โดย لااله الا الله  เพราะฉนั้นคนที่เข้าใจใน لااله الا الله ย่อมส่งผลให้เขาเข้าใจในชะรีอัตอของอัลลอฮฺ  และเข้าใจถึงแก่นแท้และเจตนารมณ์ของชะรีอัติ     ดังนั้น  การทำ polygamy  โดยมีรากเหง้ามาจาก لااله الا الله  จึงต่างจาก การมีภรรยามากกว่าหนึ่งโดยใช้อารมณ์เป็นฐานเมื่อมันต่างกันผลที่ได้รับจึงต่างกันผู้ที่ทำ  polygamy  โดยมีรากเหง้ามาจาก لااله الا الله เขาเชื่อมั่นว่าสิ่งใดที่อัลลอฮฺหะล้าลย่อมมีประโยชน์ในตัวของมันเอง   และสิ่งใดที่อัลลอฮฺหะรอมย่อมมีโทษในตัวของมันเอง การมีภรรยามากกว่าหนึ่งโดยใช้อารมณ์เป็นฐานนอกจากจะไม่มีประโยชน์ใด ๆ  แล้ว   ย่อมก่อให้เกิดโทษและปัญหาตามมาอีกมากมาย  ฉนั้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าpolygamy  เป็นทางออกของปัญหาสังคม   อัลลอฮฺได้เปิดประตูให้เรา   แต่เรากลับปิดประตูลงกลอนเสียแน่นหนา   แล้วเราจะมีทางออกอื่นใดอีกละที่อัลลอฮฺโปรดปราน 

7. จากการที่ผมได้สัมผัสกับมัน (polygamy) มันทำให้ผมได้สัมผัสกับอิสลามในเชิงลึกขึ้น polygamy  มันสอนให้ผมมีวิธีคิดแบบใช้อิสลามเป็นฐานในการคิด หรือคิดแบบอิสลาม Islamic   Thinking      polygamy  มันนำพาผมไปสัมผัสกับอิสลามในอีกระดับหนึ่ง
         ผมจึงพยายามนำเสนอประเด็นนี้เพื่อสะกิดต่อมความคิดของพี่น้องให้ช่วยกันศึกษา   อย่าใช้เหตุผลมาปฏิเสธหลักการ   อย่าใช้อารมณ์มาเป็นมาตรวัดความถูกผิด 
แต่จงใช้ชะรีอัตเป็นไม้บรรทัดในการในการวัดความถูกผิด
 

8.  หากคุณทำ  polygamy แล้ว  ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นหลายเท่าตัว  ผู้ใดที่เขาทำ  polygamy  ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้   ผมเชื่อมั่นว่า  เขาพร้อมที่จะเผชิญปัญหาอย่างแน่นอน    ไม่มี  polygamy  ใดที่จะไม่เกิดปัญหา  เพราะ  polygamy  คือบททดสอบจากพระเจ้า   อยู่ที่ว่าคุณจะมีความนิ่งต่อปัญหาพอไหม  ผู้ที่สรัทธาเขาย่อมไม่กลัวปัญหา   เพราะ อัลลอฮฺทรงตรัสว่า "ผู้ใดยำเกรงต่ออัลลอฮฺ  พระองค์จะประทานทางออกให้แกเขา..."  ดังนั้น  สำหรับผู้ศรัทธา  ปัญหา คือ สะพาน  ที่จะนำไปสู่ความเข้มแข็งต่างหากละ  

9. ใช่ครับ...ผู้ชายที่คิดจะมีภรรยามากกว่า 1 คนนั้นก็แปลว่าเขาต้องยอมรับภาระรับผิดชอบที่หนักขึ้นด้วย      เมื่อมุสลิมคนหนึ่งได้อีญาบและกอบูลในพิธีนีกะฮฺ   นั่นหมายถึง  เขาขออาสาที่จะรับผิดชอบเธอคนนั้น    และเมื่อเขานิกะฮฺครั้งที่สองนั้นหมายถึงเขาต้องแบกรับภาระขึ้นเป็นสองเท่า   รับผิดชอบทั้งในแง่วัตถุปัจจัย  ความรัก  ความห่วงใย  ความยุติธรรม  และที่สำคัญมุสลีมีนคนนั้นต้องทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องนำพาเธอทั้งสองฝ่าวิกฤตของโลกดุนยา  เพื่อไปสู่สวงสวรรค์อันสถาพร  ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด

          เมื่อพูดถึง polygamy หลายคนมักจะนึกถึง  ผู้ชายคนนั้นมักมากในกามรส    แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจว่าเขากำลังแบกรับภาระที่หนักอึ้ง  แบกรับผู้หญิงอีก 1 คน  แบกรับภาระจากลูก ๆ  ที่จะเกิดมาจากนาง  แบกรับนาฟาเกาะฮฺ  แบกรับภาระบาปที่ลูกเมียก่อขึ้นมากขึ้นอีกสองเท่าตัว   ซึ่งมันคุ้มกันไหมกับการเสพเพศรสที่ถูกกล่าวอ้าง   
         แต่ชายผู้ศรัทธาเขามองว่านี่คืออามานะฮฺที่อัลลอฮฺทรงมาให้เขารับผิดชอบ   เขาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหานาฟาเกาะฮฺ   เขาต้องรับผิดชอบมากขึ้นในงานทุก ๆ  อย่าง เพียงเพื่อที่จะตอบสนองต่อเพศรสอย่างนั้นหรือ    เปล่าเลย...แต่เขาทำเพราะมันคือภาระหน้าที่ที่อัลลอฮฺได้มอบหมายให้แก่เขา
        หญิงแก่   และแม่หม้ายคงจะรู้สึกถึงความขาดแคลนตรงนี้ดี   เขาจึงพร้อมที่จะเป็นคนที่สอง   เพื่อที่จะหาผู้นำในชีวิตสักคนหนึ่ง  ที่จะนำพาเขาฝ่าฟันชีวิตในโลกดุนยา  เพื่อมุ่งหน้าไปสู่อาคีเราะฮฺ 
        สาวโสด   และหญิงที่มีครอบครัว   มองว่าไม่มีความจำเป็นใด ๆ  ที่จะต้องรับผิดชอบขนาดนั้น
        หนุ่มโสด    ยังไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องนี้เพราะมันอยู่ไกลเกินเอี้ยม
        ชายหนุ่มที่มีครอบครัวส่วนหนึ่งต่างก็ถวิลหาที่จะทำสิ่งนี้เพื่อตอบสนองเพศรส   โดยลืมนึกถึง   ภาระกิจที่ต้องรับผิดชอบอีกมากมาย
        ชายหนุ่มผู้ศรัทธา...เขามองเห็นว่านี่คือภาระกิจของผู้ศรัทธา   นี่คือบททดสอบ   ที่อัลลอฮฺส่งมาให้เขา  เขาต้องฝ่าฟัน  วิกฤตการณ์ต่าง ๆ  นานา  เขารู้ว่าเมื่อเขาตัดสินใจทำ  polygamy  แล้ว  ปัญหาต่าง ๆ  วิกฤตการณ์ต่าง ๆ  จะถาโถมมาหาเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   แต่เพราะความศรัทธาที่ลุ่มลึก   เขาจึงต้องเดินหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหา   เพราะเขามั่นใจว่าอัลลอฮฺจะไม่ปล่อยให้เขาเดียวดาย  เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า "แท้ริงอัลลอฮฺอัลลอฮฺทรงอยู่ร่วมกับผู้ที่อดทน(ซอบัร)"  เขามั่นใจว่าหากเขาตักวาอย่างแท้จริงอัลลอฮฺจะประทานทางออกให้แก่เขา   และจะประทานริสกีให้แก่เขาโดยที่เขาไม่คาดฝัน   
       การกำหนดของอัลลอฮฺอยู่เหนือเหตุผล   
 

10. การมีภรรยาหลายคนเป็นสิ่งที่ศาสนาอนุญาตให้กระทำได้ (มุบาฮฺ) ตั้งแต่เดิม
อัลกุรอ่านซูเราะฮฺอัลนิซาอฺ  โองการที่  3  กล่าวว่า

3. และหากพวกเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในบรรดาเด็กกำพร้าได้(*1*) ก็จงแต่งงานกับผู้ที่ดีแก่พวกเจ้า(*2*) ในหมู่สตรี สองคน หรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าพวกเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จงมีแต่หญิงเดียว หรือไม่ก็หญิงที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครองอยู่(*3*) นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่าในการที่พวกเจ้าจะไม่ลำเอียง 
(1)  ถ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ภรรยาที่เป็นกำพร้าได้ เป็นต้นว่า ไม่สามารถจะเลี้ยงเธอให้อยู่กินดีหรือไม่เอาเงินของเธอไปใช้จ่ายแล้วไซร้ ก็จงอย่าแต่งงานกับหญิงกำพร้า เพราะการไม่ให้ความยุติธรรมแก่เธอ และการกินทรัพย์ของเธอนั้นเป็นบาปใหญ่
(2)  ให้แต่งงานกับหญิงที่มิใช่เป็นกำพร้า ที่พวกเจ้าเห็นดีเห็นชอบจะเป็นสองคน หรือสามคนหรือสี่คนก็ได้ ถ้าสามารถที่จะเลี้ยงนางเหล่านั้นด้วยความเป็นธรรม
(3)  หมายถึงหญิงทาสของพวกเจ้า

             ความหมายของอายะฮฺนี้คือ : ถ้าหากพวกท่านแต่งงานกับหญิงที่เป็นเด็กกำพร้า  แล้วกลัวว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในการปฏิบัติกับพวกนางได้ก็อนุญาตให้ท่านแต่งงานกับหญิงอื่น สองคน  สามคน  และสี่คน 
            แต่บางทีการมีภรรยาหลายคนอาจเป็นสุนัต (มันดูบ) หรือ มักรูห์  หรือหะรอม  แล้วแต่กรณี  และขึ้นอยู่กับการพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ประสงค์จะมีภรรยาหลายคน

           ก. ถ้าหากความต้องการของผู้ชายที่จะมีภรรยาอีกคนหนึ่ง    เกิดขึ้นเพราะการมีภรรยาคนเดียว  ยังไม่อาจปกป้องตัวเองให้พ้นจากการผิดประเวณีได้  หรือเพราะภรรยาคนแรกป่วย  หรือเป็นหมัน  และเขาต้องการได้บุตร  และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถให้ความยุติธรรมระหว่างภรรยาทั้งสองได้  การมีภรรยาเกินกว่าหนึ่งสำหรับเขาก็ตกเป้นสุนัต (มันดูบ) เพราะจะก่อให้เกิดผลดีที่เป็นไปตามบัญญัติศาสนา   และความจริงแล้ว  บรรดาซอฮาบะฮฺ(ร.ด.) เป็นจำนวนมากก็มีภรรยาเกินกว่าหนึ่งคน 

         ข. ถ้าหากความต้องการมีภรรยาหลายคนเกิดขึ้น   โดยไม่มีความจำเป็น  แต่เป็นเพราะความต้องการความสำราญและปรนเปรอความสุข  และเขาเองก็สงสัยว่าจะสามารถให้ความเป็นธรรมแก่ภรรยาหลายคนได้หรือไม่  การมีภรรยาหลายคนสำหรับเขาตกเป็นมักรูห์  เพราะไม่ได้เกิดจากความจำเป็น  และเพราะอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับภรรยาขึ้นได้  ถ้าหากเขาไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่ภรรยาของเขาได้  ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า

                             "จงละทิ้งสิ่งที่ทำให้ท่านสงสัย  ไปสู่สิ่งที่ทำให้ท่านไม่สงสัยเถิด"   รายงานโดยติรมีซีย์
 ค. เมื่อค่อนข้างแน่ใจหรือมั่นใจว่าเขาไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้  หากมีภรรยาหลายคน   ซึ่งอาจเกิดจากความยากจนของเขาหรือความอ่อนแอ  หรือไม่ไว้วางใจตนเองเรื่องความลำเอียง  ดังนั้นการมีภรรยาหลายคนสำหรับเขาก็ตกเป็นสิ่งหะรอม  เพราะเป็นการสร้างความเดือนร้อนให้เกิดขึ้นกับผู้อื่น  ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า

                            "ตัวเองต้องไม่เดือดร้อนและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน" (รายงานโดย  อิบนิมาญะฮฺ )

         และจำเป็นต้องทราบด้วยว่า  ในสองกรณีหลังนี้ถ้าหากฝ่ายชายได้ทำการแต่งงานกับภรรยาคนที่สองหรือกับภรรยาคนที่สามการแต่งงานนั้นถือว่าถูกต้องตามหลักศาสนา   และมีผลบังคับต่าง ๆ  ติดตามมา  อาทิเช่น  อนุญาตให้ร่วมประเวณีกัน  จำเป็นต้องจ่ายค่าสมรส  (มะฮัร) จำเป็นต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูและอื่น ๆ  แม้แต่การแต่งงานของเขาจะตกเป็นมักรูห์ในกรณีที่สอง  และตกเป็นหะรอมในกรณีที่สามก็ตาม   การที่ตกเป็นหะรอม  หมายความว่ามีบาป  แต่การแต่งงานไม่เป็นโมฆะ 
  

11. เคล็ดลับในการมีภรรยาหลายคน

             โดยหลักการแล้วอิสลามยินยอมให้มีภรรยาได้หลายคน  โดยไม่ได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ที่จำเป็น  และการที่อิสลามยินยอมให้มีภรรยาได้หลายคนนั้น  ก็เพราะมีเป้าหมายที่ลึกล้ำในการพัฒนาสังคม  และผู้ที่มีสายตายาวไกลเท่านั้นจึงจะแลเห็นเป้าหมายนี้ได้  ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการที่ศาสนายินยอมให้มีภรรยาได้หลายคน
            ก. เพื่อปกป้องผู้ที่ไม่สามารถรักษาตนเองให้พ้นจากการผิดประเวณีได้  ด้วยการมีภรรยาเพียงคนเดียว  นี่เป็นเรื่องความต้องการทางธรรมชาติที่อาจฉุดลากเขาไปสู่สิ่งที่ไม่ถูกต้องตามบัญญัติศาสนา
           ดังนั้น  การที่เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งภายในกรอบของการปกป้องดูแล  มีสิทธิและหน้าที่ตามบัญญัติ  มีเกียรติมีศักดิ์ศรี  ย่อมจะเป็นผลดีต่อตัวเขาและแก่สังคมยิ่งกว่าที่จะปล่อยให้เขาถลำลึกสู่ความชั่วของการผิดประเวณี
           ข. เพื่อปกป้องฝ่ายหญิงให้พ้นจากความกระหายของผู้ชายที่หวังแค่การลิ้มลองด้วยวิธีการผิดประเวณีที่จะทำให้ฝ่ายหญิงและลูก ๆ  ของนางไม่ได้รับสิทธิใด ๆ  ตามหลักศาสนา   ซึ่งต่างกับการแต่งงานที่จะทำให้ฝ่ายหญิงได้รับสิทธิ์ต่าง ๆ    และยังเป็นหลักประกันให้แก่ลูก ๆ  ของนางอีกด้วย 
          ดังนั้นการที่ผู้หญิงตกเป็นภรรยาคนที่สองอย่างได้รับการคุ้มครอง  มีเกียรติและได้รับสิทธิต่าง ๆ  ตามบัญญัติศาสนาย่อมเป็นการดีกว่าการอยู่เป็นหม้าย  หรืออยู่เพียงแค่คนรักที่อาจนำไปสู่สิ่งเลวร้ายได้อย่างง่ายดาย
          ดังนั้นจุดมุ่งหมายของอิสลามที่ยินยอมให้มีภรรยาได้หลายคน  ก็คือปกป้องผู้ชายไม่ให้ผิดประเวณีและคุ้มครองผู้หญิงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของความใคร่อย่างไร้หลักประกัน  และเป็การปกป้องสังคมให้พ้นจากความเสื่อมเสีย  ไร้ระเบียบ และ ไร้ศีลธรรม

คัดลอกจาก    อรุณ    บุญชม.อัลฟิกฮฺ (นิติศาสตร์อิสลาม)
 

12. ข้อเตือนใจในเรื่องนี้

               การที่คนโง่เขลาบางคนอ้างเอาการที่ศาสนาอนุญาตให้มีภรรยาได้หลายคนไปใช้อย่างขาดความรับผิดชอบนั้นจะไม่ทำให้เคล็ดลับในการบัญญัติเรื่องนี้ด้อยคุณค่าลงไป   และจะไม่ทำให้อิสลามต้องสะเพร่าและไร้สติดังคนโง่เขลาเหล่านั้น
               อิสลามไม่ได้ยินยอมให้การมีภรรยาหลายคนเป็นอาวุธทำร้ายและเฉือดเฉือนสตรี  แต่อิสลามได้บัญญัติเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสนองตอบความจำเป็นที่เกิดขึ้น   เพื่อปกป้องสังคม  คุ้มครองบุคคล  และกำจัดความเสื่อมทรามและต้อยต่ำ
            โดยหลักการนี้  และด้วยเงื่อนไขตามบัญญัติศาสนาอิสลามจึงยินยอมให้มีภรรยาได้หลายคนโดยไม่ได้กำหนดให้เป็นหน้าที่จำเป็นที่ต้องกระทำ   และให้กระทำได้ภายในกรอบที่จะให้หลักปประกันและสิทธิต่าง ๆ  อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 
            อิสลามเปรียบได้ดั่งร้านขายยา  ที่จำเป็นต้องมียาเตรียมไว้ทุกขนานเพื่อสนองตอบความต้องการของมนุษย์ทุกคนที่มาซื้อยาไปใช้ตามความจำเป็นและตรงกับโรคของตน   และการไม่ถูกต้องที่เราจะลดความสำคัญของร้านขายยาลงหรือตัดตัวยาบางชนิดออกไปจากร้านซึ่งจะทำให้ไม่สามารถสนองตอบความต้องการของทุกคนได้อย่างทั่วถึงหรือเราจะอนุญาตให้ทุกคนได้ยาทุกชนิดที่มีอยู่ในร้านแม้เขาจะไม่มีความต้องการก็ตาม    ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  เช่นเดียวกัน
           เมื่อผู้ที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับอิสลามไม่พอใจกับบทบัญญัติในเรื่องที่ศาสนายินยอมให้มีภรรยาได้หลายคนนี้  เพราะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของเขา   ก็ปล่อยให้เขาอยู่กับความชอกช้ำต่อไปเถิด


คัดลอกจาก    อรุณ    บุญชม.อัลฟิกฮฺ (นิติศาสตร์อิสลาม)

หมายเลขบันทึก: 126474เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2007 12:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 23:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  .....มากกว่าหนึ่ง….       
บทพิสูจน์ความสมดุลแห่งศรัทธาหรืออารมณ์

คิดอย่างไรกับการมีภรรยาหลายคนนอกจากจะเป็นหนึ่งในคำถามที่คนส่วนใหญ่ต้องประเด็นสงสัยเกี่ยวกับอิสลามแล้ว ยังเป็นคำถามที่แทงใจดำผู้หญิงทุกคนก็ว่าได้  แต่สำหรับหญิงผู้ศรัทธานั้นถึงจะแทงใจดำอย่างไรเธอก็รู้ดีว่ามันเป็นชารีอะฮฺหนึ่งของอัลลอฮฺ และหลายครั้งคำถามนี้ก็เป็นหนึ่งในคำถามที่มุสลิมีนหลายคนใช้ทดสอบทัศนคติของเธอก่อนแต่งงาน

ประเด็นหลักในเรื่องนี้   ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ที่ว่า  “เธอคิดอย่างไร”  แต่อยู่ที่ว่า เธอและเขา”  ในฐานะผู้ศรัทธาเข้าใจในประเด็นนี้อย่างไรต่างหาก

 
จงแต่งงานกับผู้ที่ดีแก่พวกเจ้า ในหมู่สตรีสองคนหรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าพวกเจ้าจะให้ยุติธรรมไม่ได้  ก็จงมีหญิงเดียว                                                               (อัลกุรอาน 4 :3)


แด่หญิงผู้ศรัทธาทั้งหลาย

                สำหรับมุสลิมะฮฺ ทั้งหลายไม่ว่าเธอจะได้รับอมานะฮฺแห่งการเป็นภรรยาหรือไม่ก็ตาม  อันดับแรกขอให้เธอรู้ว่านี่คือ บททดสอบหนึ่งในศรัทธาของเธอที่มีต่ออัลลอฮฺ”   ถึงแม้ธรรมชาติของความรู้สึกที่มีต่อมนุษย์ เช่นความความรัก  หึงหวง หรือความรู้สึกใดๆก็ตามจะมีอยู่ในตัวเธอแต่ในฐานะสตรีผู้ศรัทธา  “มันต้องอยู่ภายใต้การยอมสยบต่ออัลลอฮฺ”  ด้วยเหตุนี้อย่าให้ความรู้สึกอ่อนแอ  ต่อต้าน  รับไม่ได้ หรือไม่พอใจอยู่เหนือการยอมรับในชารีอะฮฺของอัลลอฮฺที่เธอต้องยอมจำนน  เป็นเรื่องธรรมดาหากความรู้สึกดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพราะแม้แต่สตรีที่เป็นแบบอย่างของมุมินะฮฺทั้งหลาย  ก็เคยเกิดความรู้สึกเหล่านี้มาแล้วแต่ทว่ามันเป็นเพียงความรู้สึกเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น และมันก็มลายไปสิ้นด้วยศรัทธาที่พวกเธอมีต่ออัลลอฮฺ และความรักในศาสดาแห่งพระองค์ 

โอ้บรรดาสตรีผู้ศรัทธาทั้งหลาย ความศรัทธาและการเชื่อมั่นในอัลลอฮฺและรซูลไม่ใช่หรือ ที่ยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกเหล่านั้นและเทียบกับความรู้สึกใดๆไม่ได้เลย

                หากธรรมชาติของความรู้สึกที่ไม่ดีดังกล่าวเกิดขึ้น  ขอให้เธอหันมามองความรู้สึกของลูกผู้หญิงด้วยกันอีกแง่หนึ่ง  เพราะสตรีทั้งหลายย่อมหนีไม่พ้นจากสภาพของความอ่อนแอ  และต้องการการคุ้มครองดูแล  ตามธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงสร้าง หากเรานำความรู้สึกที่อ่อนศรัทธาไปขัดขวางความรับผิดชอบของมุสลิมีนคนหนึ่งที่เขาสามารถกระทำได้ตามกฎเกณฑ์ที่อัลลอฮฺวางไว้ (หมายถึงเขาสามารถให้ความยุติธรรมได้) ก็เท่ากับเราละเลยหน้าที่ในการดูแลพี่น้องมุสลิมะฮฺของเรานั่นเอง  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นต้องยอมรับว่าอาจเป็นอมานะฮฺหนึ่งที่เราต้องถูกสอบสวนเช่นกัน.......  วัลลอฮุอะฮฺลัม

                อย่างไรก็ตามสตรีผู้ศรัทธาทั้งหลาย นี่มิได้เป็นการตักเตือนโดยขาดความเห็นใจหรือเข้าใจในความรู้สึกของเธอทั้งหลาย   เพราะเราต่างเป็นสตรีผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺเช่นเดียวกัน แต่การตักเตือนกันในที่นี้เพราะไม่อยากให้ความรู้สึก หรืออารมณ์ที่อ่อนไหวต่อเรื่องนี้มาทำลายศรัทธาที่เรามีอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหวงแหนกว่าและเป็นสิ่งที่เราต้องพยายามรักษามันเท่านั้นเอง  เพราะ  “การยอมรับชารีอะฮฺทั้งหมดของอัลลอฮฺนั้นเป็นวาญิบเหนือผู้ศรัทธาทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย   แต่เรื่องแต่เรื่องการมีภรรยาได้สี่คนนั้นเป็นหุก่มที่อิสลามอนุญาตให้กระทำ (มุบาอฺ)เท่านั้น จึงไม่เป็นการสะท้อนศรัทธาที่ดีเท่าไรนัก  ที่เราสตรีทั้งหลาย  จะเอาความรู้สึกต่อหลักการที่เล็กกว่า มาทำลายสิ่งที่เป็นวาญิบต่ออัลลอฮฺ  และหากเธอมีความรักที่แท้จริงต่อคู่ครองของเธอ  ด้วยมุ่งหวังจะเป็นคู่ครองที่แท้จริงในโลกหน้า หากเขามีความสามารถในเรื่องนี้ก็อย่าได้กังวลปล่อยให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาสามารถกระทำได้จงช่วยเหลือให้เขารักษาสัญญาต่ออัลลอฮฺให้ครบถ้วนและจงอิบาดะฮฺต่ออัลลออฺด้วยความสงบ  ด้วยตักวาที่มีต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริงในอิบาดะฮฺนั้น  พระองค์จะทรงเมตตาให้เธอได้เป็นคู่ครองของเขาในโลกหน้าซึ่งต่างจะลดสายตาเพื่อคู่ครองของตนเพียงผู้เดียวเท่านั้นตลอดไป........  วัลลอฮุอะฮฺลัม

สำหรับมุสลิมีนและบรรดาสามีผู้ศรัทธาทั้งหลาย

                สำหรับเรื่องนี้มุสลิมีนหลายคนมักใช้ประเด็นมากกว่าหนึ่งทดสอบความคิด ทัศนคติต่อสตรีผู้ศรัทธาทั้งหลายก่อนแต่งงาน (เพื่อประเมินความเป็นไปได้ โอกาส และอุปสรรคในอนาคต) หากเธอยอมรับได้เขาอาจจะเรียกว่า อิหมานถึง”  แต่หากเธอยังทำใจรับไม่ได้เขาก็อาจจะเรียกเธอว่า อิหม่านไม่ถึง

                ในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่ประเด็นอีกเช่นกัน เพราะถึงแม้ชารีอะฮฺนี้จะเป็นบททดสอบต่อสตรีก็เป็นบททดสอบในแง่ของความรู้สึกเท่านั้น แต่ในเรื่องการปฏิบัติ    ความรับผิดชอบและกฎเกณฑ์ต่างๆนั้น อยู่ที่ผู้ชาย”  หากเขาเลือกที่จะใช้สิทธิที่อัลลอฮฺอนุญาตให้กับเขา    เขาเองต่างหากที่ต้องถามตัวเองว่า อิหม่านถึงหรือไม่”  เพราะอัลลอฮฺไม่ได้อนุญาตให้เขาใช้สิทธิ์โดยปราศจากความยุติธรรม และหากเขาไม่มีความยุติธรรมต่อบรรดาสตรีทั้งหลาย  อัลลอฮฺก็จะให้ความยุติธรรมกับเธอเอง(โดยที่เขาต้องรับผิดชอบ)

                ดังนั้นการดึงเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น  หรือบางคนยังยิ้มกริ่มกับสิทธิข้อนี้ว่าได้เปรียบคงต้องทบทวนความเข้าใจกันใหม่  เพราะชารีอะฮฺของอัลลอฮฺนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร  นอกจากต้องรักษากฎเกณฑ์ที่พระองค์ทรงกำหนดไว้อย่างจริงจัง ไม่ว่าเรื่องก็ตาม

               
อย่างไรก็ตามหากบุรุษผู้ศรัทธาที่มีความสามารถ ก็จงดูแลเธอทั้งหลายด้วยความยุติธรรมและเมตตา  อย่าได้ปฏิบัติโดยปราศจากตักวาเพราะท่านนั้นคือผู้รับผิดชอบในสิ่งที่ท่านเลือกเอง  และหากจะปฏิบัติก็จงดูแบบอย่างในเรื่องนี้จากท่านนบีว่า  ท่านมีภรรยาหลายคนนั้นท่านเมตตาต่อบรรดาภรรยาของท่านและให้ความยุติธรรมต่อภรรยาของท่านอย่างแท้จริง  และการแต่งงานของท่านนั้นเพราะต้องการดูแลสตรีผู้อ่อนแอโดยไม่ได้เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง  เพราะภรรยาของท่านล้วนแต่เป็นหญิงหม้าย  บางท่านอายุมากกว่าท่านนบี มีเพียงท่านหญิงอาอีชะฮฺเท่านั้นที่เป็นหญิงโสด   ทำให้แบบอย่างของท่านนบีได้สะท้อนถึงความเป็นสุภาพบุรุษผู้ศรัทธาที่สมบูรณ์ของท่านว่าเป็นการรับผิดชอบด้วยความเมตตา   ไม่ใช่เพียงเพื่ออารมณ์

                ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง    ในเรื่องนี้หากจะนำมาเป็นบทพิสูจน์หนึ่งในความสมดุลของศรัทธาแล้ว  จงตระหนักเถิดพี่น้องมุสลิมีน   ว่าสิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงเน้นย้ำมาก  นั่นคือสิ่งที่ท่านต้องให้ความสำคัญมาก และต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ   ดังนั้นการนำเรื่องที่อัลลอฮฺกล่าวไว้เพียงอายะฮฺเดียวในอัลกุรอาน  มาเป็นประเด็นเน้นย้ำมากกว่าเรื่องที่อัลลอฮฺทรงย้ำไว้ทุกซูเราะฮฺ อย่างเรื่องวันแห่งการตอบแทน  หรือเรื่องที่อัลลอฮฺให้ความสำคัญมากอย่างเรื่องการละหมาด ซะกาต การบริจาค หรือบุคคลที่อัลลอฮฺทรงเน้นให้เราเอาใจใส่เช่นเด็กกำพร้า  คนยากจน  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญให้มาก  แต่การเน้นย้ำเรื่องภรรยาสี่มากกว่าเรื่องที่อัลลอฮฺให้ความสำคัญมากกว่าเหล่านี้  จึงไม่เป็นการสะท้อนตักวาที่ดีเท่าไรนัก  รวมถึงเป็นบทสะท้อนได้เช่นกันว่า  สิ่งที่เราให้ความสำคัญนั้นด้วยศรัทธาหรืออารมณ์... วัลลอฮุอะฮฺลัม

บทความนี้  ไม่ได้มีเจตนาจะชี้นำหรือตำหนิฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมีนหรือมุสลิมะฮฺ นอกจากเพื่อเตือนตัวเอง และตักเตือนซึ่งกันและกัน รวมถึงต้องการให้ทุกคนตรวจสอบศรัทธาในเรื่องนี้โดยไม่ใช้อารมณ์ตัดสินเท่านั้นเอง
                                                                                        

 คัดลอกจาก     www.muslimahtoday.com

 Assalamualaikumฯ

  • ชอบประโยคนี้ค่ะ

"หากคุณสอนมุสลิมให้เข้าใจอิสลาม 1 คน  เท่ากับว่าคุณได้สอนให้มุสลิมเข้าใจอิสลาม 1 คน 
            แต่หากคุณสอนมุสลีมะฮฺให้เข้าใจอิสลาม  1 คน  เท่ากับว่าคุณกำลังสอนให้อุมมะฮฺเข้าใจอิสลาม"

  • หากคิดในแง่ การสร้างครอบครัว คงจะหมายถึง ไม่สนับสนุนให้มุสลิมะห์ สอนให้มุสลิมคนหนึ่งรับอิสลาม เพียงเพื่อ แต่งงานกับหล่อน... หรือปล่าว ค่ะ อาจารย์ ???

                            "JasmiN"

                             (ผู้รู้น้อย)

Terimakasih กำลังทำวิจัยเล็กๆเกียวกับเรื่องนี้ searchหาเจอบทความนี้พอดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท