นครธมศิลปะแบบบายน
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> คำว่า “ศิลปแบบบายน”ท่านเคยได้ยินไหมครับ ผมเคยได้ยินช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ ในการศึกษาปราสาทต่างที่อยู่ในประเทศไทยของเรา มักจะได้ยิน คำว่าเป็นศิลปะแบบบายน ตอนนั้นก็เข้าใจในระหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีโอกาสได้มาเห็นต้นแบบของศิลปบายน ก็ยิ่งทำให้ทราบว่าศิลปแบบบายนนั้นมีค่าและงดงามเกินที่จะบรรยาย</p><table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="180" align="center" style="width: 180px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #ff6600"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">นครธมมีความหมายว่าเมืองใหญ่ (ธม แปลว่า ใหญ่) เป็นเมืองพระนครหลวงมีพระราชวังและปราสาทต่างๆมากมาย และเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองที่สุด สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นศิลปะแบบบายน เป็นแบบศาสนาพุทธนิกายมหายาน รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"></p>
<table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="150" align="center" style="width: 150px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #3333ff"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table>
ก้าวแรกที่เราจะต้องเดินผ่านช่องประตูเข้าเราต้องตื่นตะลึงกับความโอฬารของรูปสลักหินทรายเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ด้วยสายตาที่ทอดลงมายังที่ต่ำ และรอยยิ้มที่เป็นสุขหรือยิ้มแบบบายนที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทำให้คณะเราถึงกับหยุดเหมือนถูกสะกดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าเหล่านั้นหากนับรวมกัน 54 ปรางค์ปราสาทปรางค์ปราสาทละ 4 หน้า จะมีรวมถึง 216 หน้า แต่ปัจจุบันได้สึกกร่อนพังทลายลงไปหลายหน้าแล้ว
<table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="104" align="center" style="width: 104px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #ff33ff"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table>
ส่วนด้านข้างของกรอบประตูก็จะพบกับประติมากรรมลอยตัวพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณสามเศียร คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองผู้มาเยือน สองข้างทางของสะพานที่ทอดข้ามคูเมืองด้านซ้ายเป็นศิลาทรายสลักลอยตัวในพีธีชักนาคดึกดำบรรพ์โดยเป็นฝ่ายเทวดา ส่วนด้านขวาเป็นบรรดายักษ์กำลังฉุดดึงลำตัวพญานาค ทั้งภาพสลักเทวดา นาค และยักษ์ <table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="242" align="center" style="width: 242px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #99ff00"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">เมืองพระนครหลวง นับได้ว่าเป็นราชธานีแห่งใหม่ที่ย้ายมาจากนครยโศธรปุระที่มีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 อันเป็นพระราชดำริของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ประสงค์จะขยายอาณาจักรขอมให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เมืองพระนครหลวงมีคูเมืองล้อมรอบกว้างประมาณ 80 เมตร แต่ละด้านมีความยาวถึงสามกิโลเมตรและมีกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ด้านด้วยกัน มีพื้นที่มากถึง 9ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 5,625 ไร่ กำแพงแต่ละด้านก่อด้วยศิลาแลงสูง 7 เมตร</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal"></p>
<table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="162" align="center" style="width: 162px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #6600cc"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table>
ประตูด้นทิศใต้ของเมืองพระนครหลวงจัดได้ยังมีความสมบูรณ์ของรูปประติมากรรมลอยตัวของเทวดาและยักษ์ยื้อยุดฉุดนาคในพิธีชักนาคดึกดำบรรพ์ เพื่อกวนเกษียรสมุทร อันเป็นที่มาของการกำเนิดโลกมนุษย์และจักรวาล <table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="172" align="center" style="width: 172px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #ff3300"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">
<table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="174" align="center" style="width: 174px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #996633"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table>
<table border="6" cellspacing="6" cellpadding="10" width="132" align="center" style="width: 132px; height: 58px; border-width: 6px; border-color: #cc0099"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table></p><p> </p><p> </p>