Dear Prof. Chira,
Thank you for providing us a new blog.
I have submitted my howework for Saturday 18 August, 2007 via your email. Therefore, will not be any homework on this blog.
I will be absence from class this coming Saturday. Looking forward to meet you in class on Saturday 1 September, 2007.
Thank you very much.
Best regards,
Sarah (NaPombhejara) Allapach
SSRU/DM
นักศึกษา : นางสาวญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา....
เป็นการส่งครั้งที่ 2 ค่ะ (ครั้งแรกส่งทาง Blog ที่มีปัญหา แล้วส่งทางE-mail วันที่ 18 ส.ค. 2550)
วันนี้ท่านอาจารย์เน้นแนวคิดของ Peter Senge เรื่อง The Fifth Discipline …ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุนคืออะไรและมีที่มาอย่างไร
ทุนเกิดจากการบริโภค (Consumption) และการลงทุน (Investment) เพื่อนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไป การมอง Human Capital ต้องมองภาค Hr Political Economic Sociology ต้องใฝ่รู้ ข้ามศาสตร์ และการมองทุนมนุษย์ให้เป็น Global Citizen ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นได้ต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาให้มาก เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ คุณภาพการศึกษาไทย เพื่อนำคนไปสู่การเป็นประชาชนที่ดี (Good Citizen) และเป็น Global Citizen ในสังคมที่ยั่งยืนและการเรียนรู้ในที่สุด
ทฤษฎีทุน 8 ประการที่เป็นพื้นฐานของ “ทรัพยากรมนุษย์” Human Capital ทุนมนุษย์Intellectual Capital ทุนทางปัญญาEthical Capital ทุนทางจริยธรรมHappiness Capital ทุนแห่งความสุขSocial Capital ทุนทางสังคมSustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืนDigital Capital ทุนทาง IT Talented Capital ทุนทาง Knowledge, Skill และ Mindset(ท่านอาจารย์บอกว่า ทุนทั้งหมดเป็น Sub Set ของ Human Capital ทุนมนุษย์ )เน้นที่การสะสมทุนทางปัญญาต้อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง ในยุค 21st Century อาวุธที่สู้กันมากที่สุดคือปัญญา การมีปัญญาอย่างเดียวก็คงไม่พอ ก็มีอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น คนมีความสุข มีความพอใจในการทำงาน ซึ่งต้องคำนึงถึงลูกค้าได้ประโยชน์ และสังคมได้ประโยชน์อะไรบ้าง ทุกอย่างต้องมีความสมดุล เพื่อให้มีความสุข มีความยั่งยืน ทฤษฎี 5 K’s ใหม่เพื่อการพัฒนามนุษย์ยุคโลกาภิวัตน์ Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์Knowledge Capital ทุนทางความรู้Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรมCultural Capital ทุนทางวัฒนธรรมEmotional Capital ทุนทางอารมณ์ (เรื่อง Intellectual Capital (IC) ก็เป็นที่มาของ 8K’s และ 5K’s เรียกทฤษฎี IC ได้อีกอย่างหนึ่งว่า The Theory of Intangible. IC ให้ได้ผล ยังต้องไปเชื่อมกับ Social Capital คือบูรณาการเชื่อมโยงเข้าหากลุ่มอื่น ๆ) วิธีคิด 4 แนวของพระเจ้าอยู่หัวฯก่อนที่จะเริ่มทำงานใดๆ ให้คิดถึงสิ่งต่อไปนี้
การปฏิรูปการศึกษาในประเทศไทยยังล้าหลัง ในหลายเรื่องที่ต้องทำคือ การปรับ mindset ทัศนคติของผู้บริหารให้มองการศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างเร็วได้ คือ เน้น ทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม ( Networking ) และเน้นทุนแห่งความยั่งยืน สังคมการเรียนรู้ ใฝ่รู้ตลอดเวลา นอกจากมีคุณธรรมแล้ว ยังต้องคิดเป็น ทำเป็น มี Head Heart และ Hand อย่างที่คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์แนะนำไว้ สำคัญที่สุดและยังจำเป็นที่จะต้องมีความคิดที่นอกกรอบ เช่น Creativity ความคิดสร้างสรรค์ และนำ Creativity ไปสู่ Innovation นวัตกรรม แต่ต้องมีคุณธรรมและมีความรู้ที่แน่น ไม่ใช่พอเพียงแค่อยู่รอด หากรอดแล้ว ต้องไม่ประมาท หาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา การขยายตัวอย่างมั่นคงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมนุษย์ต้องการความก้าวหน้า ( Progress ) ที่ยั่งยืน
การบ้านครั้งที่ 8
ทรัพยากรมนุษย์
ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
( HR – Creativity and Innovation )
เสนอ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ผู้นำเสนอ นายพนม ปีย์เจริญ
21 สิงหาคม 2550
1.จากคำถามที่ว่า แนวความคิดของ Peter Senge ต่างกับ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อย่างไร ?
จากการที่ได้ศึกษาแนวความคิดของ Peter Senge ในการที่จะสร้างคนให้มีการเรียนรู้ โดยเน้นให้คนต้องมีการเรียนรู้ตลอดเวลาและต่อเนื่อง จนสามารถควบคุมตนเองให้สามารถมี 5 วินัย ได้ครบถ้วนตามกฎของ Peter Senge คือ
1. Personal Mastery
ตนต้องรู้จักตนเอง ว่ารู้และยังไม่รู้เรื่องใดต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม จนเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ
2. Mental Model
ตนต้องไม่เอาตนเป็นที่ตั้ง ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องรู้จักฟังคนอื่น ยอมรับคนอื่น แล้วนำความคิดเห็นของผู้อื่นมาร่วมพัฒนา ร่วมกับความคิดของตนเองในการพิจารณาและนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
3. Share Vision
การรับฟังมุมมองของทุกคน ทุกระดับ แม้เรื่องของ Vision จะถูกกำหนดโดยผู้บริหารก็ตามแต่ Vision อาจเกิดจากพนักงานในระดับต่างๆได้ ซึ่งมุมมองในแต่ละระดับของพนักงาน ย่อมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
4. Team Learning
การเรียนรู้เป็นกลุ่ม เป็นการเรียนรู้ที่จะทำให้เกิดการพัฒนา เพราะเป็นการเรียนรู้โดยรับรู้มุมมองในแต่ละด้านแต่ละความคิด ของแต่ละมุมมอง
5. System Thinking
การคิดให้เป็นระบบ คิดอย่างมีเหตุมีผล รู้ว่าผลที่เกิดมาจากสาเหตุอะไร แล้วจะแก้ไขอย่างไร
การมี 5 วินัยของ Peter senge จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คนมีการเรียนรู้ มีการพัฒนา อันจะส่งผลทำให้เกิด Individual Competency ซึ่งในอนาคต Competency จะเป็นตัวกำหนดอนาคตขององค์กรมากกว่าสินค้าและบริการ
ดังนั้นการสร้างวินัยในการเรียนรู้ของ Peter Senge จึงเป็นแนวทางอันสำคัญในการพัฒนาคนเพื่อให้คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นสินทรัพย์ (Asset) ให้กับองค์กรต่อไปในอนาคต
ในขณะเดียวกัน ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็ได้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคนให้มีศักยภาพ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาขององค์กรในระดับ Micro ไปจนถึงในระดับ Macro แม้กระทั่งในการสอนของท่าน ดร.จีระ ท่านอาจารย์ก็จะเน้นการกระตุ้นให้มีการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ มีการสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้รูปแบบใหม่ๆที่หลากหลาย กระตุ้นให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดซึ่งกันและกัน
พยายามผลักดันให้นักศึกษามีความคิดนอกกรอบ ( Think out of the box ) เพื่อให้เกิดความคิดต่อยอดจากที่อาจารย์คิด เพื่อให้เกิดความหลากหลายในความคิด และมีความแตกต่างในการพัฒนาการเรียนรู้นอกจากนั้นเพื่อให้เห็นถึงความหลากหลายเพื่อสร้างทุนทางปัญญา ท่านอาจารย์ก็ได้ กรุณา ใช้ศักยภาพของท่านเชิญวิทยากรที่มีประสบการณ์จริง ที่ใช้ทฤษฏีผ่านกระบวนการปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว มาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษา
นับเป็นความโชคดีของนักศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับรู้ข้อมูลความรู้จากผู้ปฏิบัติจากทฤษฏีให้เห็นแจ้ง
ซึ่งในส่วนของวิทยากรที่มาสอนในส่วนของท่าน ดร.จีระ มาสอนด้วยตัวท่านเองก็มีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกัน
โดยเฉพาะ ทฤษฏี 8K ของท่าน ดร.จีระ ที่เป็นพื้นฐานของทรัพยากรมนุษย์ คือ
1. Human Capital ทุนมนุษย์2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญา
3. Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม
4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
5. Social Capital ทุนทางสังคม
6. Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
7. Digital Capital ทุนทาง It8. Talented Capital ทุนทาง knowledge , Skill และ Mindset
แสดงให้เห็นว่าแนวความคิด 8K ของท่านอาจารย์มีความเป็นเหตุเป็นผลจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และเมื่อนำแนวทฤษฏีของท่าน ดร.จีระ ไปเปรียบเทียบกับแนวคิดการสร้างวินัยในการเรียนรู้ทั้ง 5 ข้อจะเห็นความเหมือนกันในหลายๆด้านแต่ของท่าน ดร.จีระ จะมีการพัฒนาความรู้ตามแนวตะวันออกที่นอกจากจะมีความรู้ทางด้านความกว้างแล้วยังเหนือกว่าที่มีความรู้แนวตะวันออกทางด้านความลึกมากกว่าของ Peter Senge อีกด้วย ด้วยเพราะว่า ท่าน ดร.จีระ เป็นภาคตะวันออกแต่ไปเรียนรู้ในประเทศตะวันตก จึงย่อมมีความลุ่มลึกในการเรียนรู้พฤติกรรมคนในแบบตะวันออกได้ดีกว่า
Peter Senge ในขณะเดียวกันก็ได้มีโอกาสเรียนรู้ทฤษฏีและแนวความคิดของนักคิด นักทฤษฏีชาวตะวันตก จึงสามารถต่อยอดบูรณาการได้ลุ่มลึกชัดเจนกว่าและก็ต้องยอมรับว่าหลายครั้งที่ทฤษฏีหรือแนวคิดแบบตะวันตกล้วนๆก็ไม่สามารถนำมาใช้กับคนทางตะวันออกได้ 100% หรือบางครั้งก็ใช้ไม่ได้เลย ถ้าไม่ผ่านการพัฒนาปรับปรุงต่อยอด,หรือบูรณาการเสียก่อน ซึ่งเท่าที่ได้เรียนรู้จากท่าน ดร.จีระ ไปเปรียบเทียบกับของ Peter Senge ก็ทำให้เห็นความเป็นสากลของทฤษฏี 8K ของท่าน ดร.จีระ อย่างชัดเจน เช่น
Personal Mastery ที่ Senge ได้ชี้ให้เห็นว่าตนต้องรู้จักตนเองว่ารู้ไม่รู้อะไร เพราะ
“ คนที่ยอมรับว่ารู้ในสิ่งที่รู้และยอมรับว่าไม่รู้ในสิ่งที่ไม่รู้
ถือว่าเป็นผู้รู้อย่างแท้จริง ”
ก็สอดคล้องกับทฤษฏีของท่าน ดร.จีระ ในเรื่องของ ทุนมนุษย์ (Human Capital)
ทุนทางความรู้,ทักษะ และระบบความคิด ( Talented Capital )
Mental Model ตนต้องไม่เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ต้องฟังความคิดของผู้อื่น ก็สอดคล้องกับ ทุนทางปัญญา ( Intellectual Capital )ทุนทาง knowledge , Skill และ Mindset
ทุนทางสังคม ( Social Capital )Share Vision เห็นอนาคตร่วมกันซึ่ง Vision นั้นอาจเกิดจากคนทุกระดับ ซึ่งทฤษฏีนี้สอดคล้องกับทุนทางสังคม ( Social Capital ) ทุนทาง IT ( Digital Capital )
Team Learning การเรียนรู้เป็นกลุ่มจะทำให้เกิดการพัฒนา ก็สอดคล้องกับ ทุนแห่งความสุข
( Happiness Capital ) ทุนทางสังคม ( Social Capital ) ทุนทางจริยธรรม ( Ethical Capital ) ทุนแห่งความยั่งยืน ( Sustainability Capital ) ทุนทางความรู้ ,ทักษะ และระบบคิด
System Thinking คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งสอดคล้องกับ ทุนมนุษย์ ( Human Capital ) ทุนทางปัญญา ( Intellectual Capital ) ทุนทางความสุข ( Happiness Capital ) ทุนทางสังคม ( Social Capital ) ทุนทางจริยธรรม ( Ethical Capital ) ทุนทาง IT ( Digital Capital ) ทุนทางความรู้ , ทักษะ , ระบบความคิด ( Talented Capital )
จากการเปรียบเทียบก็จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันอย่างมากในการสร้างพื้นฐานแห่งการเรียนรู้ จะต่างกันก็ตรงที่ว่าเป็นแนวความคิดแบบตะวันตกกับตะวันออกที่ผ่านการบูรณาการ( Integration ) จึงมีความกว้างและลึกกว่าของ Peter Senge
2. คำถามว่า เราจะทำอย่างไร ? ถึงจะให้ความคิดขยายไปในสังคมมุมกว้าง
จากอดีตอันยาวนานมาของชนชาติไทย , คนไทยเราถูกสอนให้เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ , ถูกสอนให้เชื่อ มากกว่าให้คิด เพราะฉะนั้น การถูกหล่อหลอมในรูปแบบเดิมๆยังถูกปลูกฝังอยู่ในรูปแบบที่ถูกพัฒนามาตามกาลเวลาดังนั้น การที่จะนำเอาแนวความคิด การพัฒนาการเรียนรู้เข้าไปปลูกฝังให้กับคนไทย จึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งและไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้กำลังใจกำลังกาย กำลังสติปัญญามากทีเดียว ถึงจะเปลี่ยนค่านิยมเดิมๆได้ ซึ่งต้องใช้เครื่องมือที่หลากหลาย ด้วยการเริ่มต้นปลูกฝังกันตั้งแต่ ชั้นปฐมภูมิ คือในระดับครอบครัว ระดับทุติยภูมิ เรื่อยไปจนกระทั่งระดับมหาลัย ระดับองค์กรซึ่งต้องใช้เครื่องมือต่างๆ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ตั้งแต่
การฝึกอบรม ( Training ) องค์กรต้องจัดให้มีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง เพราะโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาความรู้ใหม่ๆทฤษฏีใหม่ๆก็เกิดขึ้นตลอดเวลา เช่นเดียวกันภาษาถิ่นเดิม ถูกเพิ่มด้วย ภาษา IT ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เราจึงต้องใช้การฝึกอบรมพัฒนาคนอย่างต่อเนื่องเป็นเครื่องมือต้นๆในการพัฒนาคน โดยทุกองค์กรต้องพยายามใส่ใจที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง
การศึกษาหาความรู้ให้ตนเอง ( Education ) คนแต่ละคนต้องหาความรู้ให้ตนเอง ด้วยการนำทฤษฏี 8K , 5K ของ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มาเป็นแนวทางในการพัฒนา ด้วยการปลูกฝังให้เป็นวินัยของตนในองค์กร
การวางแผนและการพัฒนาสายอาชีพ ( Development ) ด้วยเพราะคนมีการศึกษา , การเรียนรู้ ที่พัฒนาขึ้น สูงขึ้น องค์กรก็ต้องพัฒนางานให้สอดคล้องกับความรู้ความสามารถให้สามารถสอดรับ กับความรู้ความสามารถของพนักงานที่สูงขึ้น อันเป็นการป้องกัน การเปลี่ยนงานของพนักงานอีกทางหนึ่งด้วยการเรียนรู้ร่วมกัน ( Learning Organization ) อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กระแสการแข่งขันในโลกปัจจุบันมีความดุเดือด เข้มข้นขึ้นทุกวัน การพัฒนาคนและการพัฒนางาน ก็ยังไม่ทันกับกระแสการแข่งขัน หลายองค์กรจึงต้องหันไปปรับโครงสร้าง ( Re – engineering ) เพื่อให้คนเปลี่ยน Attitude และ Culture เพื่อสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในองค์กร ด้วยการนำทฤษฏี 8K และ 5K ของท่าน ดร.จีระ เข้าไปสร้างคนให้มีการเรียนรู้ตลอดเวลา เรียนรู้ต่อเนื่องจนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรทุกองค์กร เพื่อให้เขาเหล่านั้นมีทุนทางปัญญา เพื่อให้เขาเหล่านั้นเป็นสินทรัพย์ขององค์กร ( Asset ) สิ่งที่เราต้องทำก็คือต้องพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า
* การพัฒนาการเรียนรู้ให้กับคนในองค์กรนั้น
- จะสร้างความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด , และเป็นรูปธรรม- จะสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร
- จะช่วยสร้างความสุขให้กับคนในองค์กร
- จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์
- องค์กรสามารถปรับตัวได้ก่อนใครด้วยทรัพยากรที่มีคุณภาพกว่าใคร ฯลฯ
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยทำให้องค์กรต่างๆกล้าที่จะลงทุนกับการพัฒนาคนของตนด้วยการพัฒนาการเรียนรู้ด้วยเพราะมองเห็นเป็นรูปธรรมว่า องค์กรได้อะไรเป็นผลตอบแทน
เมื่อเราสามารถเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงในระดับ Micro ได้ การที่จะขยายไปสู่ระดับ Macro ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้.
นายพนม ปีย์เจริญ
Mr.Panom peecharoen
21.8.2007
ศ.ดร. จีระ 8 K’ s | คุณหญิง ทิพาวดี 8 H’s | กฤษฎา 9 ย |
1. Human Capital = ทุนมนุษย์ มาจากการอบรมเลี้ยงดู การศึกษา สุขภาพทั้งกายและจิต ทำให้มนุษย์สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ตนเอง สังคม ประเทศชาติมีความสำคัญที่สุด เน้นที่การพัฒนาคน รู้ข้ามศาสตร์ มากกว่าเน้นที่การควบคุม | 1. Home อบอุ่น กตัญญู เอื้อเฟื้อ มีเครือข่าย | 1. ถิ่นฐานย่านเดิม คนทุกคนต้องมีรากเหง้าที่มา และได้รับการการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว เครือญาติ พื้นเพของตน |
2. Talented Capital = Knowledge + Skill+ Mindset ทุนทางความรู้ ทักษะ ทัศนคติ เป็นผลจากต้นทุนมนุษย์ที่มีมาก่อน (Human Capital) คือ อบอุ่น รักการเรียน สุขภาพดี ร่วมมือ ใจกว้าง ประชาธิปไตย มีผลต่อความสำเร็จ ความก้าวหน้าของประเทศ ความได้เปรียบในการแข่งขันเกิดจากทรัพยากรมนุษย์ ทำให้เกิด INNOVATION มันสมองมนุษย์มาจาก Human + Intellectual + Talent | 2. Hand = มืออาชีพ ไม่มีทางลัด เขื่อนจะพังเริ่มจากรอยร้าวเล็กๆ ใช้ได้ตั้งแต่เด็กอาชีวะถึงผู้บริหาร Ph.D. | 2. ยอดเยี่ยม ทั้งความรู้ ความชำนาญ มีทัศนคติที่ดี จนทำให้เกิดนวัตกรรมหรือองค์ความรู้ใหม่ๆ คล้าย เจมส์ บอนด์ |
3. Intellectual Capital = ปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างมูลค่าเพิ่ม การไหลบ่าของความรู้ ความรู้เป็นองค์ประกอบของชีวิต4 L’s Learning Methodology (แลกเปลี่ยนความเห็น,workshop, Assignment, ใช้ IT Multimedia)Learning Environment มี Coach ,Facilitator ,Mentorนำไปสู่ CreativityLearning Opportunity หาโอกาสเจอผู้รู้Learning Community ห้องเรียน ,E-mail , โทรศัพท์ | 3. Head = Brain =Knowledge อย่าลืมสติ วิเคราะห์แล้วเกิดปัญญา “You are what you think”Mind Set = ทัศนคติ ควรสื่อสาร 2 ทาง ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหา ความรู้จะสร้างความชำนาญการไหลบ่าของความรู้ (Skill) แล้วจะทำให้มีความสามารถ (Abilities) เรียนรู้ตลอดเวลาทั้งกว้างและลึก เรียน อบรม คุย อ่าน | 3. ปัญญา คือ ต้องรู้ก่อนปัญหา รู้เท่าทันปัญหา รู้ทางแก้ปัญหา รู้วิธีป้องกันปัญหา |
4.Digital Capital อย่าลุ่มหลง หลงจนเสียสุขภาพ อินเดีย = Business Process Outsourcing ( B.P.O.) | 4.Health สุขภาพทั้งกาย (อาหาร ออกกำลังกาย อากาศ)และจิต (มีสติ) มารยาทไทยไอจาม ,เด็กไทยอ่อนหวาน | 4. ยาฮู E-mail ของผมคือ[email protected] |
5. Ethical Capital = จริยธรรม | 5. Heart = จิตใจที่ดี “พอเพียง” = พอเหมาะพอควร มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน มีทัศนคติเชิงบวก สุนทรียภาพทางวัฒนธรรม อ่อนโยน สุภาพ พรหมวิหาร 4 = เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาใส่ใจกัน เสียสละ กล้านำ กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง กล้ารับผิด รักในการงาน | 5. จริยธรรม |
6. Happiness Capital = ความสุขมนุษย์มีทุนความรู้ (Talent) + ทุนปัญญา (Intellectual) + ทุนทางจริยธรรม (Ethical) | 6. Happiness H.P.I. = Happy Planet Index ไม่เบียดบังใครๆ และตนเอง พอเพียง เมตตา เอื้อเฟื้อ ยิ้ม ทัศนคติเชิงบวก รักงาน ครอบครัว สังคม ประเทศ | 6. ยิ้มแย้มแจ่มใส มีมิตรภาพ มีความจริงใจ เกิดความสุข เกิดความรู้ และเกิดภูมิปัญญา |
7. Social Capital ทุนทางสังคม เน้นที่การมีเครือข่ายLinkage ,Connection ,Networking | 7. Harmony = ปรองดอง สมานฉันท์ กลมเกลียว ใฝ่สันติ ไม่ร้าวฉานสัปปุริสธรรม 7 = เหตุ ผล ตน ประมาณ กาล ชุมชน บุคคล | 7. ยึดโยง เกาะเกี่ยวกันเป็นเป็นเครือข่าย |
8. Sustainable Capital = ยั่งยืน โลกเปลี่ยนเร็วมาก ต้องพัฒนายั่งยืนอย่าตามกระแสโลกจนสูญเสียตัวตน | 8. Heritage = Culture เชื่อมโยง OTOP ,Globalization , 1 KING ไม่แบ่งผิว ศาสนา | 8. ยั่งยืน มีความเป็นตัวของตัวเอง ตามวัฒนธรรมการเป็นคนไทย มีความเชื่อมั่นและศรัทธาใน 3 สถาบันหลัก |
- | - | 9. อย่ายอม เสียอิสรภาพทางความคิด ทางการปกครอง ทางเศรษฐกิจ และความเป็นมนุษย์ (SOVERIEGN CAPITAL) |
สรุป
จากทั้งหมดที่กล่าวมา แนวคิดปราชญ์ตะวันออก เช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ , คุณหญิง ทิพาวดี เมฆสวรรค์ กับแนวความคิดชาวตะวันตก เช่น Peter Senge มีความคล้ายกันอย่างยิ่งในประเด็นที่เห็นว่าคนคือหัวใจของทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกองค์กรต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับคนให้มากที่สุด ต้องสร้างความแข็งแกร่งให้คนมีปัญญา รักการเรียนรู้ ไม่ใช่บ้าปริญญา คนต้องมีเป้าหมายในการทำงาน มีเป้าหมายในชีวิต มีความสมดุลในงานและครอบครัว มีสุขภาพที่ดี มีการเพิ่มคุณค่าให้กับตนเอง และทำให้เกิดความสมานสามัคคีในการอยู่ร่วมกัน สังคมก็จะเกิดความสุขอย่างโป๊เชะแท้จริง (Happiness Capital)เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ (Homework 8)
จากการศึกษาเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์...ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม กับท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2550 พอสรุปสาระและนำไปตอบคำถาม 2 ประเด็น ได้ดังนี้
คำถามที่ 1 แนวความคิดของ Peter Senge ต่างกับแนวความคิดของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อย่างไร?
แนวความคิดของ Peter Senge กล่าวถึงทุนมนุษย์ว่า หมายถึง ความรู้,ทักษะ,ความสามารถ รวมทั้งการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกัน เมื่อทุกคนมีทุนมนุษย์อยู่ในตัวของตัวเองแล้ว ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือกิจการใดก็ตามย่อมก่อนให้เกิดความสำเร็จในที่สุดอีกทั้งการที่จะทำให้คนเป็นคนโดยสมบูรณ์แบบได้นั้น ต้องฝึกให้คนมีวินัยในตนเอง ซึ่งหลักในการสร้างวินัย สามารถสร้างได้โดย
สำหรับท่านศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เน้นว่า ทุนมนุษย์ คือ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม เพราะปัจจุบันนี้เป็นยุคที่เรียกว่า โลกาภิวัตน์ นั่นคือต้องมีการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้องค์กรอยู่รอดดังนั้นจึงเน้นให้นักศึกษา "คิดนอกกรอบ" เพื่อความหลากหลายทางความคิด โดยใช้ทฤษฎีต่าง ๆ อาทิ
> Reality มองความจริง
> Relevance ตรงประเด็น
2. ทฤษฎี 4 L's
> Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้
> Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
> Learning Opportunities สร้างโอกาสในการเรียนรู้
> Learning Communities สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
ทั้งนี้การสร้างทุนมนุษย์ในตนเองให้เกิดขึ้น ต้องมีสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
• ความอดทน • พร้อมเผชิญปัญหาและอุปสรรค
• ศึกษาจากศาสตร์ที่หลายกลาย • ค่อยเป็นค่อยไป
ผมมองว่า "ทุนมนุษย์" ในความคิดของท่านทั้ง 2 มีความเหมือนและความแตกต่าง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ "มุมมอง" ของแต่ละท่านว่าจะมองเห็นประเด็นในการที่จะ "ก่อให้เกิดทุนมนุษย์" จากจุดใดมากกว่ากันเท่านั้นเอง
คำถามที่ 2 เราควรทำอย่างไร ถึงจะให้ความคิดขยายไปในสังคมมุมกว้าง
ธรรมชาติของมนุษย์ มักจะไม่ชอบให้ใครมา "ตำหนิ" ในสิ่งที่ตนเองคิด/กระทำลงไป นั่นคือมักจะคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้น "ถูกต้อง" เสมอ
ดังนั้นการที่เราจะทำให้ความคิดของเราขยายไปในมุมกว้าง เหมือนกับการที่เราจะทำให้ภาพ Micro ขยายไปสู่ระดับ Macro จะต้องใช้เวลา ความพยายาม และความอดทน เพราะอาจจะต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งเราต้องฟันฝ่าไปให้ได้ในที่สุด
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการขยายความคิดของเราไปในสังคมมุมกว้าง นั่นคือนำทฤษฎี 8 K's ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มาประยุกต์ใช้ ซึ่งได้แก่
นอกจากนี้เราควรต้องปลูกฝังเรื่องของการมีวินัย ดังคำกล่าวโบราณที่ว่า "วินัยเริ่มที่บ้าน สอนลูกหลานให้มีวินัย" เมื่อคนเรามีวินัยในตนเอง มีวินัยกับผู้อื่น สิ่งที่ตามมานั่นคือการเสริมสร้าง การปลูกฝังทุนทั้ง 8 ให้เข้าไปในสังคมของคนซึ่งมีวินัย และสังคมก็จะขยายไปในวงกว้างในที่สุด
-ขอบคุณครับ-
สิทธิชัย ธรรมเสน่ห์
พื้นฐานของ ทรัพยากรมนุษย์
ทฤษฎีทุน 8 ประการ ของ ดร.จิรา หงลดารมย์ 1. Human Capital ทุนมนุษย์2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญา3. Ethical Capital ทุนจริยธรรม4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข5. Social Capital ทุนสังคม ต้องเชื่อมโยงเข้าหากลุ่ม
สังคมใหม่กว่าเดิม เพื่อจะได้สร้าง
เครือข่ายใหม่ๆ6. Sustainability Capital ทุนความยั่งยืน แต่ขาดคุณธรรม,
จริยธรรม ก็ไม่อาจยั่งยืนได้7. Digital Capital ทุน IT สมัยใหม่เป็น Long tail คือ ถ้า
อยากดูหนังสักเรื่อง ใน USA จะมีร้าน
IT ที่ทันสมัย โดยเข้าไปเลือกดูจาก
IT ได้เลยไม่ต้องเสียเงินมาก ต้องเดิน
ทาง เสียค่าใช้จ่ายเข้าไปดูในโรงภาพ
ยนต์8. Talent Capital ทุน knowledge,skill,Mindset กฎของ Peter Senge 5 ประการ 1. Personal Mastery รู้อะไร รู้ให้จริง มีวิสัยทัศน์เฉพาะตน มองเห็นสิ่งที่เป็นจริง2. Mental Models แบบอย่างทางความคิด เข้าใจสิ่งที่อยู่ภายในและปฏิบัติอย่างถูกต้อง3. Shared Vision เห็นอนาคตร่วมกัน มุมมองแต่ละคนออกความคิดเห็นและรวบรวมนำประโยชน์มาใช้4. Team Learning เรียนเป็นทีม เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม จะได้เกิดความคิดหลากหลาย5. System Thinking คิดมีเหตุผล เรียนรู้เป็นระบบ เป็นขั้นตอนจากบทความการเรียนรู้ของ Peter Senge จะเป็นด้านกำไรและ สถานที่เป็นส่วนใหญ่ สิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญคนในองค์กรน้อยมาก หรือ ทุนมนุษย์ของ Senge ไม่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
เปรียบเทียบระหว่าง
ดร.จิรา |
Peter Senge |
ทุนมนุษย์ ทุนปัญญา | รู้อะไร รู้จริง มีวิสัยทัศน์ |
ทุนมนุษย์, IT,(ความรู้,Skill) Talent | เห็นอนาคตร่วมกัน |
ทุนทางปัญญา Intellectual capital | Mental Models |
EldicalHappinessSocialSeebstainabilityTalent | Team leorning |
Human มนุษย์Intellectual ปัญญาEthical จริยธรรมHappiness ความสุขSocial สังคมSubstainability ยั่งยืนDigital and IT กว้างไกลTalented ความรู้ | System thinking |
วันที่ 18 สิงหาคม 2550
บรรยากาศการเรียนรู้แบบสร้างสัมพันธภาพก่อนการเรียนที่แตกต่างและมีคุณค่า ขอเรียกว่า “Prof. Chira Model“ เป็นสิ่งที่ดีมากในการส่งผลให้ประสิทธิภาพทางการเรียนดี และต้องกราบขอบพระคุณที่ อาจารย์กรุณาเปิด blog ให้พวกเราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันแบบ Global Citizen และแสดงความเมตตา ห่วงใยในการศึกษาของพวกเรา นอกจากนี้อาจารย์ยังเปิดโอกาสในการให้ไปพบ และซักถามได้ตลอดเวลา กลุ่มเราคงจะต้องหาโอกาสเพื่อเพิ่มพูนความรู้จากการได้ติดตามและสนทนา ปะทะความรู้กับอาจารย์
วันนี้อาจารย์ให้ทุกคนในห้องเรียนสรุปสิ่งที่ได้ทั้งหมดโดยไม่ซ้ำประเด็นให้ข้อคิดในเรื่องทุนทางปัญญาเปรียบเสมือนเบ็ดตกปลา และคำถามข้อแรกสำหรับวันนี้คือ การพัฒนาคนเองตามแนวคิดของ Prof. Peter Senge และ ผศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ แตกต่างอย่างไร
ก่อนอื่นคงต้องกล่าวอ้างถึงก่อนว่าในยุคโลกาภิวัตน์นี้จะเห็นว่ามีสิ่งต่าง ๆเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันกันทางเศรษฐกิจ สังคม การติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยและเปลี่ยน version อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่จะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ที่กล่าวขวัญกันมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่อง ภาวะโลกร้อน จากเหตุและปัจจัยต่าง ๆดังกล่าวจะเห็นว่าเกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้นทั้งในด้านดีและด้านเสื่อม ดังนั้นมนุษย์จึงเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดที่จะส่งผลในการพัฒนาองค์กรไปตามทิศทางที่กำหนด และจากเหตุนี้มนุษย์ทุกคนจึงต้องมีพัฒนาการในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาและ 5 แนวคิดหลักของ Prof. Peter Senge ประกอบด้วย
1. Personal Mastery ความรอบรู้หมายถึงการรู้จักตนเองที่แท้จริง มีวิสัยทัศน์ เป้าหมายของตนเอง ซึ่งอาจสรุปได้อย่างชัดเจนคือการรู้อะไร ให้รู้จริง
2. Mental Model เป็นแบบอย่างทางความคิดแต่ต้องไม่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง3. Shared Vision หมายถึงการมีส่วนร่วมในการกำหนดวิสัยทัศน์ หรือมองเห็นอนาคตสำหรับสังคมเรายังต้องปรับในการเปิดใจกันให้มากกว่านี้
4. Team Learning มีการเรียนรู้ร่วมกัน การเรียนรู้เป็นกลุ่มจะทำให้เกิดการพัฒนาและสร้างสรรค์
5. Systems Thinking มีการเรียนรู้และการคิดเป็นระบบ มีเหตุผล มีขั้นตอนที่ชัดเจน
จะเห็นได้ว่าหลักการและแนวคิดของ Peter Senge ทั้ง 5 ประการ นับได้ว่าเป็นความรู้พื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรในองค์กรขณะเดียวกันหลักการณ์และแนวคิดของ ดร.จีระ มีความเห็นในเรื่องการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎี 8’ k ซึ่งประกอบด้วย
1. Human Capital ทุนมนุษย์ซึ่งประมวลทั้งหมดตั้งแต่ข้อ 2-8 เป็นทั้งในส่วนที่วัดได้ ประเมินได้ ตรวจสอบได้ เห็นได้ และส่วนที่ซ่อนอยู่ภายในที่สร้างสรรค์ อาจเป็นความสามารถ หรือความมีน้ำใจ ความรู้สึก
2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญาที่เกิดจากการเรียนรู้จากสิ่งเดิม ๆแล้วพัฒนาเป็นสิ่งใหม่ ๆที่มีคุณค่า
3. Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม วัฒนธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่ใช้เวลาในการสั่งสมตั้งแต่วัยเยาว์นับเป็นทุนมนุษย์ที่ช่วยให้มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่มีค่ายิ่ง
4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข ที่แสดงออกหรือสะท้อนโดยสีหน้า ท่าทางและอารมณ์ของคน
5. Social Capital ทุนทางสังคมเพราะมนุษย์ต่างเป็นสัตว์สังคมต้องอยู่ร่วมกัน ดังนั้นจึงเกิดทีมในการร่วมกันทำงาน
6. Sustainsibility Capital ทุนแห่งความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการดำรงรักษาไว้
7. Digital Capital ทุนในการสื่อสารทางสารสนเทศ ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยส่งเสริมให้เพิ่มประสิทธภาพของมนมนุษย์ยิ่งขึ้น
8. Talented Capital เป็นพรสรรค์เฉพาะตน
(ทุนทางความรู้, ทักษะ และทัศนคติ :Mindset)
จะเห็นได้ว่าทฤษฎี 8 K มีความคล้ายคลึงกับ 5 หลักแนวคิดของ Peter Senge เป็นอันมากซึ่งทั้งสองทฤษฎีเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเองสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในเรื่องการเรียน การสอนและการทำงาน แต่ทฤษฎี 8 K เป็นการพัฒนาในแนวทางตะวันออกที่มีความละเอียดอ่อนมากกว่า คำนึงถึงจิตใจ ความรู้สึกซึ่งเป็นข้อดีและเหมาะกับวัฒนธรรมบ้านเรา
อาจเนื่องจาก ดร.จีระ เข้าใจในวัฒนธรรมของคนตะวันออกเป็นอย่างดี ดังนั้นทฤษฎี 8 K นอกจากจะเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาคนแล้ว ยังเน้นและให้ความสำคัญทางด้านคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งสิ่งสำคัญที่ทุกคนปรารถนานั่นคือความสุข
ทำอย่างไรให้แนวคิดนี้ขยายเข้าสู่สังคมในมุมกว้าง
เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยในการจะนำแนวคิดของทั้งสองปรมาจารย์ไปขยายสู่สังคมในมุมกว้าง และต้องใช้เวลาเพื่อศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้โดยการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้จาก ทฤษฎี 4 L’s คือเข้าใจวิธีการเรียนรู้ (Learning Methodology) สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ที่ดี (Learning Environment) สร้างโอกาสในการเรียนรู้ (Learning Opportunity) และสุดท้ายคือการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Learning Communities)
ซึ่งนำทฤษฎี 2 R ’s เป็นแนวดำเนินการ คือการมองความจริง(Reality ) อย่างตรงประเด็น (Relevance) แล้วกำหนดเป็นแผนการปฏิบัติการ เขียนโครงการและบริหารโครงการให้บรรลุผล
>>อรพินท์ มณีรัตน์ <<
นักศึกษา : นายชัยธนัตถ์กร ภวิศพิริยะกฤติ..
Prof.Peter Senge เขียนเรื่อง The Fifth Discipline Fieldbook แห่ง The Sloan School of Management สถาบัน MIT ให้แนวคิดเกี่ยวกับ Learning Organization ให้เกิดขึ้นในองค์กรบนเงื่อนไขการพัฒนาคนทุกระดับอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ทั้งในด้านวิธีการ การบริหารจัดการ การสร้างค่านิยม งบประมาณและเวลาที่เพียงพอ โดยให้ความรู้ที่ทันสมัย ให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ตลอดชีวิต Life Long Learning ซึ่ง Prof.Peter Senge กำหนดหลักสำคัญไว้ 5 ประการ ดังนี้
1. Personal Mastery - การเรียนรู้และการกระตุ้นให้บุคคล/สมาชิกในองค์กร เกิดพลังงานEnergy และนำพลังงานมาใช้เพิ่มสมรรถนะความสามารถ อันนำไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จของบุคคลและองค์กร 2. Mental Models - การสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางและการตัดสินใจขององค์กร 3. Shared Vision - เป็นการสร้างความรู้สึกผูกพันของคนในกลุ่ม ด้วยการใช้ความคิดร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และปฏิบัติตามกฎที่กำหนดร่วมกันเพื่อนำสู่จุดหมาย 4. Team Learning - การแลกเปลี่ยนความรู้ และรวบรวมความคิด ทักษะ เพื่อนำมาใช้พัฒนาความรู้ความสามารถของกลุ่มบุคคลในองค์กร 5. System Thinking - วิธีการคิดและการเชื่อมโยงการเรียนรู้ที่ได้จากหลักการในข้อ 1-4 เพื่อนำมาใช้ปรับเปลี่ยนกระบวนการให้เกิดประโยชน์ในภาพองค์รวมกฎของ Peter Senge มีว่า รู้อะไรให้รู้จริง แบบอย่างทางความคิด เห็นอนาคตร่วมกัน เรียนเป็นทีม และคิดมีเหตุผล และจากหนังสือ Leveraging The New Human Capital ซึ่งพูดถึงว่าคนคือตัวขับเคลื่อนความสำเร็จ ไว้ดังนี้ องค์กรที่ประสบความสำเร็จ คือองค์กรที่มีวินัยในการคิด การปฏิบัติ และวินัยของคน ที่สำคัญคือ การเลือกคนที่ตรงความต้องการและเลือกคนได้เหมาะสมกับงาน ทฤษฎีทุน 8 ประการ Human Capital ทุนมนุษย์Intellectual Capital ทุนทางปัญญาEthical Capital ทุนทางจริยธรรมHappiness Capital ทุนแห่งความสุขSocial Capital ทุนทางสังคมSustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืนDigital Capital ทุนทาง IT Talented Capital ทุนทาง Knowledge, Skill และ Mindsetเน้นที่การสะสมทุนทางปัญญาต้อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง ในยุค 21st Century อาวุธที่สู้กันมากที่สุดคือปัญญา การมีปัญญาอย่างเดียวก็คงไม่พอ ก็มีอะไรอีกหลาย ๆ การที่จะเปลี่ยน mindset ได้ จะต้องหาความรู้ให้ทันโลกและสดใหม่อยู่เสมอ ข้ามศาสตร์ และวิเคราะห์แบบโป๊ะเชะ วิธีการหาความรู้ต้องเป็นวิธีที่ตัวเรามีส่วนร่วม ความรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ (Anywhere Learning / Study Tour / Tea Time .etc..) ไม่ใช่ฟังข้างเดียว ควรจะวิเคราะห์ให้เป็น และวิเคราะห์แบบทฤษฎี 2 R's คือ
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
- กระตุ้นให้ประเทศตื่นตัวปรับนโยบายทั้งระดับ Macro และ Micro- ผู้บริโภคมีทางเลือกของคุณภาพสินค้ามากขึ้น- ราคามีการแข่งขันกันอย่างเสรี- ทำให้เกิดโลกทัศน์ที่กว้าง- ผู้มีความรู้หรือ Knowledge worker ได้ประโยชน์ งานที่ทำจะเป็นงานที่มายได้สูงขึ้น- นักอุตสาหกรรม ผู้ส่งออกได้รับประโยชน์ | - แรงงานไร้ฝีมือปรับตัวไม่ทันเกิดปัญหา การว่างงานและปลดคนงาน- ภาคราชการ ภาคแรงงานไร้ฝีมือผู้หญิงเด็ก คนพิการจะลำบากยิ่งขึ้น- เกิดปัญหาทางสังคมมากขึ้น- ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ- บริษัทข้ามชาติจะได้เปรียบเพราะมีระบบ การทำงานที่ดีกว่า - คนไทยยังไม่เข้าใจและไม่มีใครชี้นำ- ภาคการศึกษาไทยยังขาดการปฏิรูปสังคม การเรียนรู้ |
โอกาส | ความเสี่ยง |
- ใครมีต้นทุนการผลิตถูกกว่า- มีสินค้าให้เลือกมาขึ้นในราคาที่ถูกลง- มีโอกาสได้รับค่าจ้างมากขึ้น- ต้นทุนการสื่อสารและโทรคมนาคมมีราคาถูกลง- ได้รับเทคโนโลยีใหม่ได้ง่ายกว่าเดิม | - ธุรกิจภายในประเทศบางอย่างจะล้มเพราะแข่งขัน สู่ต่างประเทศไม่ได้- ขาดดุลการค้ามากขึ้น เพราะส่งออกไป ต่างประเทศลดลงแต่เรานำเข้ามากขึ้น- มีการปลดแรงงาน- มีความแตกต่างในรายได้มากกว่าเดิม- ถูกต่างชาติครอบงำทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม |
Motivation- การมีส่วนร่วม- การทำงานที่ท้าทาย- การทำงานเป็นทีม- การให้รางวัลพิเศษ Continue- การไปเพิ่มพูนความรู้- ค่าตอบแทนที่เป็นไปได้เช่น โบนัส- วัฒนธรรมองค์กร- การประเมินผลอย่างโปร่งใส- ความเป็นธรรม- Style การบริหาร- สภาพแวดล้อมในการทำงาน- Empowerment- อื่น ๆ |
ขออนุญาติส่งการบ้านครั้งที่ 7 (เป็นครั้งที่ 2)
เนื่องจากส่งลง blog เดิมไปแล้วเมื่อ 16.8.50
แต่อ่านไม่ได้ครับ
การบ้านครั้งที่ 7
เรียนวันที่ 11 สิงหาคม 2550 กับ อาจารย์ศิริลักษณ์ เมฆสังข์
ผู้นำเสนอ นายพนม ปีย์เจริญ
Competency
แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. Core Competency
2. Managerial Competency
3. Functional Competency
4. Individual Competency
ซึ่ง Competency นั้นต้องประกอบด้วย
- Skill (ทักษะ)
- Knowledge (ความรู้)
- Behavior (พฤติกรรม)
ในที่นี้ คุณซาร่าได้นำเสนอทฤษฎี ABC Theory ซึ่งผู้บริหารจากต่างประเทศนำมาให้ Baker Macancy ในประเทศไทยคือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน คือ
A = Attitude
B = Behavior
C = Consequences
ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนแนวความคิดกันค่อนข้างหลากหลาย แต่ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีใดก็ตาม ก็ต้องนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของไทยของเรา
Boyatzis ได้กล่าวถึงความหมายของ Competency ว่าเป็น “คุณสมบัติที่มีความเป็นเหตุเป็นผล นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า”
อย่างไรก็ตามในโลกปัจจุบัน เราให้ความสำคัญเรื่อง Competency มากขึ้น เพราเราเชื่อว่า
“ ในอนาคต Competency จะเป็นตัวกำหนดอนาคตขององค์กร มากกว่าตัวสินค้าและบริการ และเชื่อว่า Competency Based ดีกว่า Technical Knowledge Based ”
เพราะเรายังเชื่ออีกว่า Core Competency เป็นเอกลักษณ์ ที่แสดงถึง Know – How ขององค์กร อันเป็นที่มาของสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ในรูปสินค้าและบริการ และยังยากต่อการเลียนแบบอีกด้วยคำถามต่อมาก็คือ แล้วอะไรเล่าที่เป็น
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิด Competency
1.Share Mind Set การมีทัศนคติร่วมกัน แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ
ภายใน ที่เราต้องเข้าใจ
- เป้าหมาย
- Vision
- Mission และ
- Strategy ขององค์กร
ภายนอก เป็นส่วนที่เราต้องเข้าใจ
- Costumer
- Supplier
- etc.
2. Management and Human Resources Practices เป็นเรื่องของกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในทุกกระบวนการตั้งแต่- กระบวนการ Recruit - Select - การบวนการ Human Resource Development- กระบวนการ Evaluation และ Compensation ไปจนถึง- กระบวนการ Career Planning , Career Management
ตลอดจนกระบวนการของ Communication
3.Capacity for Change
ความสามารถในการปรับปลี่ยน พฤติกรรมและคนในองค์กร เช่น ต้องให้มี Empowerment ในองค์กร4.Leadership
การพัฒนาภาวะผู้นำ ต้องให้เกิดมีในทุกระดับองค์ประกอบเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิด Competency ซึ่งการเกิด Competency ในทุกด้านจะทำให้องค์กร เป็นองค์กรที่เป็น High Performance Organization อันเป็นสิ่งที่ผู้บริหารในทุกองค์กรต้องการ
เหตุที่ต้องการองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงก็เนื่องมาจาก
- ความล้มเหลวในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมพนักงานด้วยการ Training และ Education
- สภาพการแข่งขันเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้ต้องช่วงชิง Market Share และเพื่อให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage)
เหนือสิ่งอื่นใดผู้บริหารมีความต้องการ Unique Assets อันเป็นสิทรัพย์ขององค์กรที่มีความแตกต่างไปจาก Generic Assets อันเป็นสินค้าและบริการทั่วไปที่ลอกเลียนแบบได้ไม่ยาก
แต่ Competency ของคนในองค์กรที่นับว่าเป็นสินทรัพย์ที่เป็น Unique Assets นั้น ยากที่จะลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ เพราะเป็นวัฒนธรรมที่สั่งสมมายาวนาน จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปแล้ว
อันเป็นส่วนสำคัญทำให้เกิด Core Competency ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึง know – How ขององค์กรเป็นที่มาของสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ในรูปของสินค้า และบริการอันถือว่าเป็น Competency Advantage ที่ยากต่อการเลียนแบบ
โดยมีองค์กรประกอบ 3 ด้านใหญ่ๆคือ
1. ทรัพยากรมนุษย์ ที่มีคุณภาพ โดยต้องอาศัยกระบวนการทุกกระบวนการดังที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ ตั้งแต่
- กระบวนการสรรหา,คัดเลือก
- กระบวนการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์
- กระบวนการวัดผล ประเมินผลและให้ผลตอบแทน
- กระบวนการ Career Planning และCareerManagement
- ตลอดจนการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
2. องค์กร ที่ต้องพัฒนาให้เป็นองค์กรสมัยใหม่ ( New Public Management )โดยต้องมีโครงสร้าง ( Structure ) ขององค์กรที่
- มีความเป็นทางการต่ำ ( Formalization )
- มีความซับซ้อนต่ำ ( Complexity )
- มีการกระจายอำนาจที่เหมาะสม ( Centralization )
โดยเฉพาะถ้าเป็นองค์กรภาครัฐก็ต้องยึดหลักปฏิบัติที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางกล่าวคือ
1. ต้องสนองตอบประชาชนมากกว่าองค์กร ( Social Equity )
2. ไม่เลือกปฏิบัติ ( Equality )
3. มุ่งสู่การบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาล ( Value – Based )
4. แสวงหารูปแบบโครงสร้างที่ Flexible ( Change )
ซึ่งอาจารย์ ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ ได้พูดถึงสิ่งที่องค์กรสมัยใหม่ต้องการในขณะนี้คือ 1. ความรู้ใหม่ๆ ( New knowledge )2. ทักษะและความสามารถที่ใช้งานได้ ( Effective / Competency )3. ทัศนคติที่ดี ( Positive Attitude )4. การทำงานที่มีระบบที่ดี ( Systematic Approach ) 5. ความสามารถในการแข่งขัน ( Competitive Advantage ) 6. ความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ( Change Management ) 7. ภาวะความเป็นผู้นำ
3. วัฒนธรรมองค์กร
เช่น การทำงานเป็นทีม
การเรียนรู้ตลอดเวลาและต่อเนื่อง โดยมีผู้นำเป็นผู้สนับสนุนมากกว่าเป็นผู้กำหนดแนวทางทั้งหมด
การจัดทำ Competency สำหรับองค์กร
- กำหนดวิสัยทัศน์ ( Vision ) ภารกิจ ( Mission
- กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ( Business Strategy & Process )
- วิเคราะห์ประเมินจุดเด่น , จุดด้อย , โอกาสและอุปสรรคขององค์กร ( Swot Analysis )
- วิเคราะห์และประเมินจุดเด่น จุดด้อย ของพนักงานในองค์กรในแต่ละระดับ ตามทิศทางกลยุทธ์การ ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
- วิเคราะห์และจัดทำความสามารถหลักของบริษัทฯ ( Core Competencies ) และทักษะ ความสามารถที่จำเป็นที่จำเป็นต้องปฏิบัติงาน ( Professional or Technical Competencies )
- กำหนดแนวทางการประเมินทักษะความรู้และความสามารถหลัก
- นำผลการประเมินไปเชื่อมโยงกับการพัฒนาบุคลากร การสรรหาจ้างงาน การประเมินผลงาน ตลอดจนการบริหารค่าตอบแทน ดังที่กล่าวไว้
โดยต้องมองให้ออกว่า เราต้องการคนเช่นไรถึงจะทำให้องค์กรของเราประสบความสำเร็จ และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ( Competitive Advantage )
ซึ่งความสำเร็จในการจัดทำ Competencies จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
1. ต้องเชื่อมโยง Competencies กับเป้าหมายขององค์กรและเป้าหมายของธุรกิจตลอดเวลา
2. โดยเริ่มจากร่าง Competencies ที่ใช้กันโดยทั่วไปก่อน
3. พร้อมทั้งคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นทีมในการจัดทำ Competency
4. ต้องเน้นเรื่องการนำไปใช้ได้ ไม่ใช่แค่สร้าง Model ขึ้นมา
5. ต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารทุกฝ่าย
6. ต้องมีการแจ้งให้พนักงานทราบอยู่บ่อยๆ
7. มีการจัดทำการประเมิน Competency ที่ง่ายและไม่ซับซ้อนเกินไป
8. จัดให้มีการฝึกอบรมและการสื่อสารสำหรับผู้จัดการและพนักงาน
9. มีการทดลองใช้ Competencies กับบางแผนกก่อน
10. ผู้บริหารระดับสูงต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่จะทำองค์กรเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูง ( High Performance Organization ) อันจะทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ( Competitive Advantage )
คนทุกคนในองค์กรจะต้องมีศักยภาพที่เพียงพออันเนื่องมาจากทุกกระบวนการที่ช่วยพัฒนา ห้มีความพร้อม จนทุกคนในองค์กรเป็นสินทรัพย์ประเภท Unique Asset ที่องค์กรอื่น ก็ยากที่จะลอกเลียนแบบได้.
นายพนม ปีย์เจริญ
Mr.Panom Peecharoen
16.8.2007
สวีเดน | ประเทศไทย | ||
1 | อิริคสัน | 1 | สวีเดน |
2 | มอนนิลลินซ์ | 2 | เนสเล่ท์ |
3 | ซาป | 3 | โคโค |
4 | วัตเด็นฟอล | 4 | ไทยลิฟท์ |
5 | พีเล็บ | 5 | เทราภัค |
6 | สำนักงานอียู | 6 | โจตัน |
FARAX 360๐ |
สรุปการบรรยาย ครั้งที่ 9 (เสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2550) ศาสตราจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์
สัปดาห์นี้ท่านอาจารย์ได้ให้การบ้าน 2 ข้อ
ข้อ1. แนวคิดของ Prof.Peter Senge และศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มีความแตกต่างกันอย่างไร
ข้อ2. ทำอย่างไรให้แนวคิดนี้( Prof.Peter Sengeและศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์) ขยายเข้าสู่สังคมในมุมกว้าง
ก่อนอื่น ขอแนะนำให้รู้จัก 2 ท่าน สักเล็กน้อย
Prof.Peter Senge เป็นเจ้าของผลงาน The Fifth Discipline Fieldbook แห่ง The Sloan School of Management สถาบัน MIT ผู้ให้กำเนิดแนวคิด Learning Organization สรุปได้ว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้ สามารถเพิ่มพูนความรู้ความสารถของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลงานได้ตามความปรารถนา อีกทั้งเป็นแหล่งสร้างความสามารถที่เรียนรู้ร่วมกัน
ศ. ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ นักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สายพันแท้ อดีตอาจารย์สังกัด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ เจ้าของทฤษฎี 8 K’s
ตอบคำถามข้อ 1. แนวคิดในเรื่องของคน มีความเห็นว่า
ทั้งสองท่านมีมุมมองในประเด็นของการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของคนทีเหมือนกัน แต่มีหลักคิดและทฤษฎีที่แตกต่างกัน สรุปได้ดังนี้
Prof.Peter Senge การจะสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้นั้น องค์กรต้องจัดให้มีสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือ
|
ศาสตราจารย์ ดร. จีระ ผู้สร้างทฤษฎีเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและการดำรงอยู่ของคนไทยในกระแสโลกาภิวัต์ อย่างยั่งยืน โดยเน้นการพึ่งพาตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องบนรากฐานทางวัฒนธรรมที่แข็งแก่ง กรอบด้วยคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดความพอเพียง แต่พร้อมที่จะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด |
ข้อเปรียบเทียบ(ตามมุมมองของ นายทวีป) |
1. Personal Mastery บุคคลที่มีความรอบรู้ คือใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มีจิตมุ่งมั่นที่จะรับการถ่ายทอดความรู้ใหม่ ๆ ที่ทันสมัยจากบุคคลอื่น |
1. Human Capital ทุนมนุษย์ จัดเป็น Universal set ของทุนอื่นๆ ทั้งหมด หรือทุนอื่น ๆ เป็น subset ของทุนมนุษย์นี้ คือทุนมนุษย์ จะแปรผันตามทุนอื่น ๆ ถ้าทุนอื่น ๆ สูง ทุนมนุษย์ก็จะสูงตาม ทุนมนุษย์ เป็นทุนขั้นพื้นฐานที่ได้รับมาแต่เยาว์วัย สามารถแปรเปลี่ยนได้อย่างไม่มีขอบเขตตามผู้ที่เป็นเจ้าของทุนจะกำหนดหรือต้องการ |
ดร.จีระ มีมุมมองในเรื่องมนุษย์ที่ละเอียดอ่อนมากกว่า มองการพัฒนามนุษย์ครบทุกด้าน เหมาะกับคนไทย ถ้าคุณมีทุน(Capital) ครบทั้ง 8 ทุน ตามแนวคิดของอาจารย์คุณจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และถ้าบวกอีก 5ทุนตามทฤษฎีใหม่ของท่านเข้าไปด้วยจะยิ่งสมบูรณ์ที่สุด
|
2. Mental Models มีรูปแบบของความคิด เพราะความคิดของคนมีอิทธิพลต่อแนวทางการปฏิบัติตน และกำหนดพฤติกรรมการปฏิบัติงาน
|
2. Talented Capital ประกอบด้วย Knowledge Skill Mindset คือการมีความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ที่ถูกต้องในการทำงาน จะส่งผลให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทุนนี้หากได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ จะสามารถทำให้องค์กรมีศักยภาพในการรองรับการเปลี่ยนแปลง (change) ของโลกาภิวัตน์ได้อย่างดี |
Prof.Peter Senge ไม่ได้กล่าวหลาย ๆ เรื่องที่สำคัญ เช่น เรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความยั่งยืน มีเป้าหมายที่จะพัฒนาคนเพื่อความเจริญขององค์กร ไม่ได้พัฒนาคนเพื่อความเจริญ(จิตใจ)ของคน |
3. Shared Vision เห็นอนาคตร่วมกัน คนในองค์กรจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน และมีพันธะสัญญาทางใจต่อองค์กร มีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร
|
3. Intellectual Capital ปัญญาคือความรอบรู้และเป็นความรอบรู้ทีดีที่ถูกต้องคือต้องรอบรู้คู่คุณธรรมจริยธรรม ถ้าคุณรอบรู้แต่ขาดสิ่งนี้ก็เป็นได้เพียงคนฉลาด(ขาดปัญญา)เท่านั้น |
|
4. Team Learning เรียนรู้เป็นทีม คือต้องสร้างทีมงานที่เข้มแข็งให้เก่งร่วมกันทั้งทีมงาน ไม่เป็นระบบ One man show |
4.Digital Capital คือการรู้ทันการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก รู้และสามารถใช้เทคโนโลยีที่จำเป็นกับงานและกชีวิตประจำวันของตนเองได้เป็นอย่างดี |
|
5. System Thinking ความคิดเป็นระบบ ต้องรู้จักคิดในภาพใหญ่คิดแบบองค์รวม คิดและทำ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมขององค์กร คิดเชิงกลยุทธ์ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ต้องมีการถ่ายโอนความรู้ใหม่ ๆ ความรู้ดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ ต่อเพื่อนร่วมงานในองค์กร |
5. Ethical Capital คือการสร้างคนดีเข้าสู่สังคม ทรัพยากรมนุษย์ที่ขาดทุนข้อนี้ถึงแม้จะมีทุนอื่น ๆ มากมายก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร สังคม และประเทศชาติ |
|
|
6. Happiness Capital คือความสุขกายสุขใจ ซึ่งต้องมีทุนความรู้ ( Knowledge Capital) ทุนปัญญา (Intellectual) และทุนทางจริยธรรม (Ethical) เป็นพื้นฐาน หากมีทุนข้อนี้แล้วทำสิ่งใดก็มักจะประสบความสำเร็จ |
|
|
7. Social Capital ทุนทางสังคม เน้นที่การมีเครือข่าย ทุนนี้ช่วยส่งเสริมให้งานและชีวิตประสบความสำเร็จ |
|
|
8. Sustainable Capital คือการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันนั้นเกิดขึ้นเร็วมากหากคนเราไม่พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนแล้ว เราจะไม่สามารถอยู่รอด และแข่งขันได้ในยุคโลกไร้พรมแดนได้เลย |
|
|
และอาจารย์ยังเสนอ ทฤษฎี 5 K’s เพิ่มเติมอีก เพื่อการพัฒนามนุษย์ยุคโลกาภิวัตน์ คือ1. ทุนแห่งการสร้างสรรค์ Creativity Capital 2. ทุนทางความรู้ Knowledge Capital 3. ทุนทางนวัตกรรม Innovation Capital 4. ทุนทางวัฒนธรรม cultural Capital 5. ทุนทางอารมณ์ Emotional Capital
|
|
ตอบคำถามข้อ 2 ทำอย่างไรให้แนวคิดของท่านทั้งสอง ขยายเข้าสู่สังคมในมุมกว้าง
ผมเห็นว่ามีหลายช่องทางที่สามารถทำได้ เช่น ผ่านสถาบันการศึกษาโดยการสอดแทรกเนื้อหาสาระเข้าไปในรายวิชาที่เกี่ยวข้อง จัดเวทีเสวนา หรือผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ วารสารวิชาการ
Dear Prof. Chira,
I missed the class last Saturday, 25 August due to my travelling period in USA. However, I have recieved the learning material from my class mate yesterday.
After review the material, I learnt that AJ. Supachai Laolohakarn who was the instructor for the previous class had described on "innovation".
From studying the material, there were background information on what is happening in this globalization world. What are the cause, effect and how innovation is playing the key character to all part of roles. His innovation is involving the imagination, innitiatives and how people think in this changing world. There are factors involved and reinforce people to act different, play different role and there more competitive which required more of the ideas for new products.
Innovation is playing key role in all business strategies, and also part of the quality of management in now day business world.
Innovation is also part of the organizational strucuture. Working as a team, collaberation and contribution of the employees also required better ideas of thinking and put the ideas into action plan and have to accomplished. The innovation of product and technology are now increasing as the new business world is open up for more ideas and being better among the competitive.
Basically, from studying the materials I learnt more on the innovation and how employees can take important role for the organization in coming up with the new product for the new market.
I hope my understanding from reading and was not participating in class is in the correct way of understanding.
Looking forward to participate in your class this coming Saturday.
Thank you very much & Best regards,
Sarah(NaPombhejara) Allapach
SSRU/DM.
เรื่อง Innovation Solutions..........
การนำเรื่องนวัตกรรมการจัดการมาจัดการด้านธุรกิจ เพื่อให้ประเทศไทยได้มีความสามารถในการแข่งขัน ในโลกยุดโลกาภิวัตน์ หรือโลกยุคดิจิตอล หากธุรกิจต้องการจะเป็นผู้นำในโลกโลกาภิวัตน์ หรือยุคดิจิตอล จะต้องเป็นธุรกิจที่มีนวัตกรรมที่เหนือและล้ำหน้า กว่าคู่แข่งและสิ่งนี้เองที่จะเป็นพลังผลักดันให้คู่แข่งขันหรือธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ยิ่งมีการปรับตัว และหานวัตกรรมใหม่ออกมาสู่โลกธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจพัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการบูรณาการความรู้ที่ข้ามศาสตร์ ทั้งทางด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสังคม ด้านการบริหารจัดการ นั่นคือ"ทุนทางปัญญา" (Intellectual Capital) เป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจที่จะทำให้ธุรกิจมีนวัตกรรม ใหม่ๆ ออกมาได้มากน้อยเพียงใด หรือเป็นแรงผลักดันทางกลยุทธ์ของธุรกิจที่จะทำให้ธุรกิจชนะในการแข่งขันได้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเป็นความได้เปรียบในเชิงของทุนมนุษย์ (Human Capital) "การบริหาร HR" เป็นแรงขับให้เกิดผลงานที่มีค่าสูงสุด แต่จะสามารถทำดังเช่นที่ว่านี้ได้ การบริหาร HR จะต้องมีการวัดผลสำเร็จด้าน HR (The HR Scorecard) ที่เป็นรูปธรรมและต้องเข้าใจใน 2 ประการข้างต้นที่กล่าวมา ผู้บริหาร HR ต้องสามารถผลักดันให้ธุรกิจเร่งไปสู่หัวขบวน สิ่งที่เป็นคำถามหรือข้อสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า ผู้บริหาร HR เข้าใจในบทบาทและหน้าที่ความ รับผิดชอบของฝ่าย HR มากน้อยเพียงใด เพราะหากไม่เข้าใจในเรื่องที่จะต้อง "ผลักดันให้ธุรกิจเร่งไปสู่ หัวขบวน" ด้วย “ทุนทางปัญญา” ที่ธุรกิจมีอยู่ หากเป็นเช่นนั้นธุรกิจก็ไม่สามารถแข่งขันจนชนะในโลกยุคดิจิตอลนี้ได้
สังคมไทยยังเป็นสังคมของความด้อยโอกาส คือกลุ่มคนที่พึ่งตนเองไม่ได้ เข้าไม่ถึงสิทธิพื้นฐานของพลเมือง ขาดโอกาสที่จะได้รับข่าวสารและเข้าไม่ถึงหลักประกันใดๆ ทั้งสิ้นไม่เหมือนกรณีของต่างชาติ เช่นประเทศอังกฤษทำการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก้าวไปสู่ประเทศที่มีความรุ่งเรืองและเป็นมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรม เพราะพลเมืองที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างมีนวัตกรรม การสนับสนุนของรัฐบาล และความยิ่งใหญ่ของจักรภพอังกฤษ ในขณะที่ประเทศไทยยังมีอัตราส่วนนักวิจัยต่อจำนวนแรงงานของไทย คือ 6.7 : 10,000 ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว อัตราส่วนอยู่ที่ 30 : 10,000 ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน และควรที่จะเปลี่ยนระบบและวิธีคิดเสียใหม่
การเปลี่ยนระบบคิด (Mind Set) .......
เรื่อง mindset นี้มีหนังสือเล่มล่าสุดของ John Naisbitt ซึ่งเคยเขียนเรื่อง Megatrends ที่ดังมากมาแล้ว บอกว่า การที่คนยุคใหม่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีวิธีการคิด และวิธีการทำงานที่ใหม่เสมอ อย่ามีวิธีคิดแบบเดิม พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การที่จะเปลี่ยน mindset ได้ จะต้องหาความรู้ให้ทันโลกและสดใหม่อยู่เสมอ ข้ามศาสตร์ และวิเคราะห์แบบโป๊ะเชะ วิธีการหาความรู้ต้องเป็นวิธีที่ตัวเรามีส่วนร่วม เราต้องวิเคราะห์เป็น และวิเคราะห์แบบทฤษฎี 2 R's คือ - Reality มองความจริง
Score card
2.ให้ดอกผล เป็นทวีคูณ เช่น 3M จะปลูก กาวแบบใหม่ ดันออกมาเป็น Post it 3. เพิ่มมูลค่าได้เอง และ เก็บรักษามูลค่าได้4. เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แถม วัดค่าไม่ได้อีกหาก ต้องใช้ความเชื่อ สัมผัสมัน เหมือนที่หลายประเทศ ที่ประสบความสำเร็จ เขาเชื่อ อย่าง จริงใจ และ ลงมือกระทำอย่าง จริงจัง เพื่อ สร้าง และ พัฒนา นาวิเศษ ที่มองไม่เห็น ของเขา5. เมื่อเป็นนาวิเศษ ก็ย่อม ต้องสร้าง ดูแล และ พัฒนา แบบพิเศษ เช่น ไถ
เป็น ใช้ความรู้เป็น ลงหน้าดิน ด้วย Competency เติมความคิดสร้างสรรค์ , Intregrate thinking , ความกล้า จนเป็น สังคม แห่งนวัตกรรม ใส่ความคิด เชิงกลยุทธ์ การประเมินสภาพรอบข้าง จน สามารถ แข่งขันได้ใส่ความกล้า ความตั้งใจแล้วก็จะเห็นความสำเร็จของนวัตกรรม Knowledge is very important but Creativity is more important. เพราะนวัตกรรม (Innovation) คือสิ่งใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้ และใช้ความคิดอย่างสร้างสรรค์ ต้องมีความร่วมมือ (Collaborate) ในการจัดการอย่างเป็น “กระบวนการ” และเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวได้ว่า “เป็นการใช้ความคิด เปลี่ยนความรู้ เป็นทรัพย์” หากไม่เป็นไปตามนี้ก็อาจจะหมายความว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทำให้ การสร้างสรรค์นวัตกรรมไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งอาจเกิดได้ดังนี้
นวัตกรรมที่ไม่ประสบผลสำเร็จเกิดจากสิ่ง 3 สิ่งตามทฤษฎี (3C)
1. Communication Change หมายถึง บุคลากรไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในการสื่อสารของนวัตกรรมนั้น2. Customer Base หมายถึง นวัตกรรมเหล่านั้นไม่ตอบโจทย์ หรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่างๆได้3. Command Control หมายถึง การควบคุมสั่งการไปในทิศทางต้องถูกต้องเหมาะสมกับนวัตกรรมนั้นPeter Drucker พูดไว้ว่า “Ask a right question better than have a perfect answer”นางสาวญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา [email protected]
“A LEADING QUALITY UNIVERSITY FOR ALL”
1.เปรียบเทียบแนวคิดของ Peter Senge และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
2.สามารถนำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในสังคมวงกว้างได้อย่างไร
Peter Senge ได้เสนอ หลักสำคัญ 5 ประการ ในการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ และบุคคลเรียนรู้ ได้แก่
1. ความเชี่ยวชาญในการสร้างพลังแห่งตน (Personal Mastery)
2. การมีแบบจำลองความคิดที่ดี (Mental Models)
3. การที่สามารถสร้างวิสัยทัศน์ร่วมได้ (Building Shared Vision)
4. การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning)
5. การคิดเชิงระบบ (Systems Thinking)
ศ.ดร. จีระ ได้ให้ทฏษฎีเกี่ยวกับทุนมนุษย์ และ องค์กรแห่งการเรียนรู้ไว้ดังนี้
ทฤษฎี 4 L’s
1. Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้
2. Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
3. Learn Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้
4. Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้
ทฤษฎี 8 K’s
1. Human Capital ทุนมนุษย์
2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญา
3. Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม
4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
5. Social Capital ทุนทางสังคม
6. Sustainable Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
7. Digital Capital ทุนทางดิจิตอลหรือเทคโนโลยี
8. Talented Capital ทุนทางทักษะความรู้และทัศนคติ
ทฤษฎี 5 K’s (ประยุกต์มาจากทฤษฎี 8 K’s)
1. ทุนแห่งการสร้างสรรค์ Creativity Capital
2. ทุนแห่งความรู้ Knowledge Capital
3. ทุนทางนวัตกรรม Innovation Capital
4. ทุนทางวัฒนธรรม Cultural Capital
5. ทุนทางอารมณ์ Emotional Capital
ทฤษฎี ASV
โชคดีมากที่ผมเคยได้เดินทางโดยเครื่องบินกรุงเทพฯ-นครพนม ร่วมกับอาจารย์ จีระ ในขณะที่นั่งคุยกัน อาจารย์ได้ให้ ไอเดียเรื่องการจัดการความรู้ไว้เป็นทฤษฎี ASV ว่า
A คือ Knowledge Acquisition การได้มาซึ่งความรู้ทั้ง tacit และ Explicit
S คือ Knowledge Sharing การแบ่งปันความรู้ที่ได้มา
V คือ Knowledge Value Added การสร้างมูลค่าเพิ่มจากความรู้ที่ได้มาแบ่งปันกัน
1.เปรียบเทียบแนวคิดของ Peter Senge และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
แนวคิดในเรื่ององค์กรแห่งการเรียนรู้ของอาจารย์จีระจะเป็นทฤษฎี 4 L’s และ ASV ส่วนทฤษฎี 8 K’s และ 5K’s เป็นเรื่องของทุน (Kapital) มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบแนวคิดของ Peter Senge และ ทฤษฎี 4 L’s ของศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์พบว่าสามารถนำมา Mapping กันได้อย่างลงตัว (โป๊ะเช๊ะ) ดังนี้
Peter Senge | ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ 4 L’s |
1. ความเชี่ยวชาญในการสร้างพลังแห่งตน (Personal Mastery) |
Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ |
2. การมีแบบจำลองความคิดที่ดี (Mental Models) |
Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ |
3. การที่สามารถสร้างวิสัยทัศน์ร่วมได้ (Building Shared Vision) |
Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ |
4. การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning) |
Learn Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้ |
5. การคิดเชิงระบบ (Systems Thinking) |
Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ |
2.สามารถนำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในสังคมวงกว้างได้อย่างไร
ผมเชื่อว่าแนวคิดดังกล่าวต้องถูกปลูกฝังใน Human Capital ตั้งแต่เด็ก ๆ โดยที่ผู้ปลูกฝังต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการอย่างแท้จริง ทั้งที่บ้านและโรงเรียน แต่ก็เหมือนไก่กับใข่อะไรเกิดก่อนกันเพราะเราต้องการ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่เข้าใจและสามารถนำทฤษฎี 4 L’s และ The Fifth Discipline ไปปฏิบัติได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมีน้อยเหลือเกินที่เข้าใจวิธีเรียนรู้ สามารถสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้นำไปสู่โอกาสและชุมชนแห่งการเรียนรู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะใช้เวลาอีกยาวไกลกว่าสังคมบ้านเราจะเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง (คนไทยอ่านหนังสือปีละไม่กี่บรรทัด) คิดว่าเรากำลังเริ่มต้นก้าวแรกได้ดีแล้วครับ
นางเครือวัลย์ สมณะ
29 สิงหาคม 2550
ทำให้นึกถึงสมัยมัธยมปลายที่มี Home room ทุกเช้า
สร้างบรรยากาศที่ดี มีความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองแต่ระหว่างการสนทนาพวกเราก็รู้สึกว่าเริ่มหนาวเพราะ
อาจารย์บอกว่าจะสอบปากเปล่า
อย่างไรก็ตามอาจารย์ก็ยัง เน้นภาพการมองจาก Macro ไปสู่ Micro อาจารย์แนะให้ศึกษาเรื่อง HR ของกฟผ.โดยที่คาดหวังไว้ว่าถ้าสามารถทำได้จริงจะส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อประเทศชาติ ใน 2 ประเด็น
1. Succession plan เพราะเกิดช่องว่างของพนักงานในองค์กร เนื่องจากพนักงานของกฟผ.ที่มีศักยภาพสูงมีอายุใกล้เกษียณ ซึ่งกฟผ.ไม่มีการวางแผนเพื่อเตรียมไว้สำหรับปัญหานี้ 2. Team work เนื่องจาก กฟผ. มีการทำงานแบบแท่ง ที่ไม่เกิดการทำงานแบบคร่อมสายงาน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่าสนใจของแผนพัฒนาบุคลากร (HRD) ของกระทรวงวิทย์ ฯ และสุดท้ายต้องขอขอบพระคุณที่อาจารย์ให้โอกาสนักศึกษาไปพบที่เดคอร์ทุกวันพฤหัสบดีโดยแบ่งกลุ่ม ๆละ ประมาณ 7 คน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมจากการเรียนในชั้น
สำหรับการเรียนกับ อ.ศุภชัย หล่อโลหะการ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรรแห่งชาติ ในหัวข้อ Innovation Solution โดยที่อาจารย์ตั้งประเด็นว่าทำไมจึงต้องมีนวัตกรรม ตลอดระยะเวลาการบรรยายจะมีตัวอย่างผลผลิต ผลิตภัณฑ์ ที่เกิดจากนวัตกรรม มาประกอบทำให้สามารถอธิบายความหมายของคำว่า “นวัตกรรม” ได้อย่างชัดเจน
โลกในยุคศตวรรษที่ 21 ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรวดเร็วในทุก ๆด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ พลังงาน วิทยาศาสตร์ การแพทย์ เทคโนโลยี สังคม หรือแม้แต่ธรรมชาติ ดังนั้นจำเป็นต้องมีนวัตกรรมเพื่อให้สามารถดำรงอยู่อย่างเท่าทัน และแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดนวัตกรรมต่าง ๆ ก็คือคนที่ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐาน เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การบริหารธุรกิจในยุคโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงในเรื่องการค้าเสรี
ก็ในเมื่อโลกยังมีการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขนาดนั้นการที่เรายังทำงานแบบเดิม ๆก็เปรียบเหมือนกับการถอยหลังแล้ว ดังนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยการฝึกอบรม เทิ่มทักษะในการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายขององค์กรเพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพเนื่องจากอาจารย์เป็นนักปฏิบัติที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่บรรเจิด และมีความเชื่อว่าการสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Micro จะส่งผลให้ Micro แข็งแรงในที่สุดซึ่งตรงกับแนวคิดของญี่ปุ่น แต่สำหรับสังคมไทยเราคงต้องสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎี 4 L’s ของศ.ดร.จีระ และใช้ 2R’s ในการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ
แม้ว่าความรู้กับงานวิจัยไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ประเทศชาติเจริญโดยตรงแต่ก็เป็นฐานที่สำคัญในการส่งเสริมให้คนเกิดความคิดสร้างสรรค์ และที่สุดคือความคิดสร้างสรรค์ผนวกกับความเป็นผู้ประกอบการต่างหากที่ส่งผลให้ประเทศชาติเจริญ เพราะสิ่งสำคัญของนวัตกรรมคือการลงมือทำ
สรุป > ความหมายของนวัตกรรมว่า เป็นสิ่งใหม่ ที่เกิดจาก การใช้ความรู้และความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ที่มีประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจและสังคม
> ความสำคัญของนวัตกรรมคือการเชื่อมโยงกันระหว่างความรู้ (knowledge) กับผลผลิต (Productivity) อรพินท์ มณีรัตน์กราบเรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ (Homework 9)
จากการศึกษาเรื่อง Innovation Solutions กับ อ.ศุภชัย หล่อโลหะการ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2550 สรุปได้ดังนี้
สิ่งที่เราจะเรียกว่านวัตกรรม(Innovation) ต้องใหม่สำหรับคนคิด และต้องใหม่สำหรับคนฟัง เช่น การรญรงค์ใส่เสื้อผ้าไทยในยุคปัจจุบัน อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนที่ออกมารณรงค์ / คนคิด แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนฟัง จะไม่จัดเป็น นวัตกรรม หรือแม้กระทั่งการที่รัฐบาลออกมารณรงค์ให้ช่วยซื้อผลไม้ของไทย(มังคุด,ลองกอง ฯลฯ) ก็ม่ใช่เรื่องใหม่ จะไม่จัดเป็นนวัตกรรมได้เช่นกัน
ถ้านำคำว่า "นวัตกรรม" มาเปรียบเทียบกับการบริหารคนของ "รัฐบาลไทย" ก็คงเป็นยุคของท่านทักษิณ ชินวัตร นั่นคือคิดใหม่-ทำใหม่ แปลกใหม่กว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อเรานำคำ คำนี้มาเปรียบเทียบกันต้องอย่าลืมเรื่องของ "จริยธรรม" (Ethic) ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
"การปฏิวัติ" จัดเป็น "นวัตกรรม" หรือไม่ ? ต้องพิจารณาจาก 3 ประเด็น
และนวัตกรรมต้องมีกระบวนการ(Process) ไม่ใช่เหตุบังเอิญทำให้เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบัน นวัตกรรม เป็นตัวจักรสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญเติบโต (นั่นคือความรู้และการวิจัย ไม่ใช่ Key อีกต่อไป)
แม้ว่าโลกจะมีการพัฒนามากขึ้นเพียงใดก็ตาม สิ่งที่พึงตระหนักนั่นคือ
> คุณลักษณะของคนในชาติที่พัฒนา ซึ่งได้แก่
> ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและสังคมโลก
- ความรู้ เป็นบ่อเกิดแห่งทรัพย์สินทางปัญญา
- ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นบ่อเกิดแห่งนวัตกรรม
- นวัตกรรม จะต้องมีการคิดใหม่ - ทำใหม่ มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
> ในปัจจุบันชีวิตอาจเกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ได้ นี้คือพัฒนาการในยุคโลกาภิวัตน์
> โครงสร้างภาคเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงมาจากภาคเกษตรกรรม สู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิต > เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง R & D & I > ผลิตตามความต้องการเฉพาะและใช้ฐานความรู้
> เมื่อเปรียบความคิดสร้างสรรค์กับนวัตกรรม
- เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าความคิดนั้นใหม่หรือเก่า(ยกเว้นมีการอ้างอิงเปรียบเทียบ)
- เราจะไม่สามารถบอกได้ว่ามีคุณค่าหรือไม่ > จนกว่าจะผ่านการประเมินทางสังคม
> นวัตกรรม คือการคิดนอกกรอบ แต่ต้องอยู่ภายใต้ความเป็นไปได้ไม่ใช่ความเฟ้อฝัน
> นวัตกรมมการผสมผสาน
• เกิดจากการผสมผสานแนวความคิดที่แตกต่างกัน
• ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเท่านวัตกรรมเฉพาะทาง
• เกิดจากความเชื่อมโยงความคิดต่างๆเข้าด้วยกัน เช่น เสื้อซิลเวอร์นาโน,แป้งเด็กจากแป้งข้าวเจ้า,การรวมตัวออกเทปของศิลปิน เบิร์ด - เสก
อีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยพึงตระหนัก นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ท่านทรงได้รับการยกย่องว่าทรงเป็น "พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย" ท่านทรงเป็นนักคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ อาทิ กังหันน้ำชัยพัฒนา,การทำฝนเทียม ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมาจนถึงทุกวันนี้
Corporate Core Model = DARE
1. Discover 2. Achieve
3. Reword 4. Empower
แนวทางในการสร้างนวัตกรรม
1. แก้ปัญหาที่คาใจ > ทำอะไร > ทำอย่างไร > ใครทำ > ทำเองได้หรือไม่(หาคนช่วยทำ)
2. แนวทางการแสวงหาโครงการ
• หาความรู้ > Web Site > หนังสือ,เอกสาร > ผู้รู้
• หาเครือข่าย > หาพรรคพวกเรา
• หาแนวคิด > สัมนา,ประชุม
3. ประมวลผล > นำความรู้,รวมเครือข่าย,ประยุกต์แนวคิด มาเข้าสู่เป็นระบบของงาน > กระบวนการผลิต แต่ทั้งนี้ต้องมีเงินทุน Support ด้วย
4. ผลจากการประมวล > เลือกมาแล้วลองทำ
• เลือกมาแล้วลองทำ • ทดสอบความคิดกับผู้รู้
• ผลออกมาดี > ลุยต่อ • ผลอกมาไม่ดีเป็นประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม "เหนือฟ้ายังมีฟ้า" สิ่งที่เราคิดว่าเป็น "นวัตกรรม" ในวันนี้ ด้วยเนื่องจากมีการคิดค้นขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อชีวิตผ่านไป ก็จะเป็นเรื่องปกติถ้ามีการเลียนแบบทำซ้ำ ๆ กัน และมีการนำไปประยุกต์ให้ดีกว่าปัจจุบัน ก็จะเกิดเป็น "นวัตกรรมใหม่" เกิดขึ้นแทนที่เราก็เป็นได้
-ขอบคุณครับ-
สิทธิชัย ธรรมเสน่ห์
การบ้านครั้งที่ 9
Innovation Solution
เรียนวันที่ 25 สิงหาคม 50สอนโดย อ.ศุภชัย หล่อโลหการ
ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมแห่งชาติ
นักศึกษาชื่อ นายพนม ปีย์เจริญ
………………………………………………
ในโลกแห่งการแข่งขันที่ไม่หยุดนิ่ง ย่อมมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
สินค้าและบริการหลายอย่างที่เคยรุ่งเรือง ได้รับการยอมรับยกย่องในอดีต เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป สรรพสิ่งก็เปลี่ยนแปลง ไม่เว้นแม้แต่การยกย่องยอมรับของผู้คน เมื่อมาถึงวันหนึ่งก็อาจถูกนวัตกรรมใหม่ๆที่ถูกคิดค้นขึ้นมา เบียดแรงแซงทางโค้งแล้วทิ้งห่างไปจนมองไม่เห็นฝุ่น
และเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป เหตุการณ์เฉกเช่นนี้ก็เกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด อยู่ที่ว่าเราจะใช้กล้ามเนื้อในส่วนที่อยู่สูงจากคอขึ้นไปช่วยกันคิดว่าเราจะต่อยอดอย่างไร ให้เกิดสิ่งใหม่ๆที่สร้างสรรค์ขึ้นในโลกใบนี้
เพราะจุดเริ่มต้นที่สำคัญ คือความกล้าที่จะคิดและทำในสิ่งใหม่ๆ เพราะถ้าไม่มีความกล้าเราก็จะไม่มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น จึงต้องอาศัยความกล้า ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ ในการคิดและทำสิ่งใหม่ๆขึ้นมา
ดังนั้นเราจะเห็นได้จาก ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในประเทศที่เป็นเกษตรกรรมของเรา ถ้าไม่มีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆมาช่วยทำให้สินค้าเกษตรเกิดเป็นมูลค่าเพิ่ม เราก็จะเห็นลำไย ลองกอง ทุเรียน เงาะ มังคุด ล้นตลาดเป็นปัญหาของชาติกันอยู่ทุกฤดูกาล
เมื่อมองมุมลึกลงไป เหตุใดเราจึงขาดดุลการค้ากับต่างประเทศอยู่ร่ำไป ก็ทำไมเราจะไม่ขาดดุลในเมื่อประชากรของเราอ่อนด้อยในเรื่องการคิดและวิทยาศาสตร์ ด้วยเพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เราปลูกข้าวแทบเป็นแทบตาย เอาไปแลกโทรศัพท์มือถือได้กี่เครื่องต่อไร่ เราปลูกเงาะปลูกทุเรียน กี่ต้นจึงจะแลกนาฬิกาโรเล็กซ์ได้สักหนึ่งเรือน ฯลฯ
ใช่ว่าคนไทยไม่เก่ง เพียงแต่เราต้องปรับและพัฒนาระบบคิด ( Mindset) ของคนไทยกันเสียใหม่ ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ เพราะคนไทยเราคิดง่ายเกินไป อยู่ในประเภทคิดชั้นเดียว เกิดอะไรขึ้นข้างหน้าค่อยว่ากันใหม่เห็นอย่างไรก็คิดอย่างนั้น
“ เห็นน้ำขึ้น...ก็บอกว่า ให้รีบตัก”พอเห็นน้ำลดล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น อ้าว ! น้ำลดมดก็มากินปลานะซิ !
คนไทยแต่เดิมคิดอย่างนี้ และหล่อหลอม ปลูกฝังมาจนถึงลูกหลาน จนเด็กไทยถูกสอนให้รู้ ให้เชื่อมากกว่าสอนให้คิด ให้ค้น และรู้จักการต่อยอดทางความคิด
เช่นบางคนเห็นหญ้าเจ้าชู้ติดเสื้อติดกางเกง แทนที่จะแกะมันทิ้งไปเฉยๆ ก็หยิบมันขึ้นมาพิจารณาพินิจพิเคราะห์ว่า ทำไมมันถึงติดเสื้อผ้าเราได้ ว่าแล้วก็เอามันกลับไปส่องด้วยแว่นขยาย ดูว่ามันมีอะไรพิเศษในการยึดเกาะติดไปกับเสื้อผ้าของเราได้ จึงได้แกะออกยากเย็นนักจากปัญหา นำมาคิดด้วยปัญญา จึงทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ที่เราเรียกว่า “ตีนตุ๊กแก” นำไปใช้แทน ซิบ ใช้แทนกาว ใช้แทนสายรัด แทนเชือกมัดรองเท้า และแทนอีกสารพัด มีมูลค่านับเป็นพันล้านต่อปี ในการนำไปประกอบกับสินค้าประเภท กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า และสินค้าอื่นอีกนาๆชนิด
เฉกเช่นเดียวกับการที่นักคิด นักประดิษฐ์ มองเห็นน้ำกลิ้งอยู่บนใบบัว แทนที่จะมองเชิงคำคมโวหาร หรือสุภาษิตว่า “ ผู้ชายกลอกกลิ้ง เหมือนน้ำที่อยู่บนใบบัว ” นักคิดอีกกลุ่มหนึ่งกลับมองมันด้วยระบบคิดอีกแบบหนึ่งอย่างสงสัยว่า ใบบัวมันมีอะไรเคลือบอยู่ ทำไมน้ำจึงไม่สามารถเกาะได้ จากการคิด..นำไปสู่การค้นคว้าผสมผสานกันมากกว่าหนึ่งสาสตร์ ท้ายที่สุดก็ทำให้ได้ Silver Nano Technology ที่นำมาเคลือบผิวโลหะของถังซักในเครื่องซักผ้า เพื่อลดปัญหาการเกิดเชื้อรา และยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า และนำมาใช้กับการผลิตเสื้อผ้าที่ให้ความรู้สึกสวมใส่สบายไม่อับชื้น คราบน้ำและความสกปรกไม่สามารถซึมเข้าไปแทรกอยู่ในเส้นใยผ้า เป็นต้น
Innovation หรือ นวัตกรรม จึงเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคม
ประเทศเล็กๆในโลกนี้ จึงมีความร่ำรวยก้าวหน้ากว่าประเทศใหญ่ๆ ก็ด้วยเพราะระบบคิดที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้น จึงเกิดภาพสะท้อนให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่าในประเทศเล็กๆเหล่านี้ มีคนในชาติที่พัฒนาแล้ว น่าจะมีลักษณะดีอย่างน้อย 9 ประการคือ
1. มีจริยธรรม
2. มีความซื่อสัตย์
3. มีความรับผิดชอบ4. เคารพกฎหมาย
5. เคารพสิทธิของผู้อื่น
6. รักการทำงาน
7. รู้จักการออมและลงทุน
8. ตั้งทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
9. แม่นยำและตรงต่อเวลา
นวัตกรรมจึงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่นวัตกรรมเป็นสิ่งที่คนในชาติต้องคิด และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้น โดยที่ต้องยอมรับกันก่อนว่า ไม่มีสิ่งใดที่คิดแล้วจะถูกต้องและประสบความสำเร็จเสมอไป นวัตกรรมจึงเป็นอะไรที่เสี่ยง อาจจะออกผลได้ทั้งสองทางคือสำเร็จและล้มเหลว
ผู้นำหรือหัวหน้าจึงต้องพยายามผลักดันให้ลูกน้องคิดและทำ ซึ่งหัวหน้าต้องยอมรับไว้ในใจเสมอว่ามันอาจสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ เพราะฉะนั้นหัวหน้าต้องยอมรับในความเสี่ยง (Risk) อันอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าไม่กล้าเสี่ยงเอาแต่กลัวๆ กล้าๆ เราจะไม่มีโอกาสสัมผัสสิ่งใหม่ๆ เหมือนอารยประเทศที่เจริญทั้งหลายนวัตกรรมใหม่ๆไม่ใช่เกิดจากการที่เห็นแล้วลอกเลียนแบบ แต่นวัตกรรมต้องมองด้วยตา คิดด้วยสมอง แล้วใช้ความรู้ผสมผสานจากการมองและคิดข้ามศาสตร์ ทั้งวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะศาสตร์ ฯลฯ ผสมผสานกันให้เกิดความรู้ในการคิดค้น และสรรค์สร้างสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นตามแนวความคิดนั้น
ดังนั้นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการคิดสร้างสรรค์ กับการแข่งขันในโลกอนาคต ไม่ใช่สินค้าและบริการ แต่...เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า “ คน” ในองค์กรของเรา ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เรียนรู้สม่ำเสมอ
ต้องนำทฤษฎี 8 K มาพัฒนาคนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้คนในองค์กรของเรา เป็นคนในสังคมแห่งการเรียนรู้ และที่สำคัญต้องทำให้องค์กรของเราเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ( Learning Organization ) อย่างจริงจัง.
นายพนม ปีย์เจริญMr. Panom Peecharoen
30.8.2007
ประเทศ | มีรายได้ต่อหัว | ประเทศ | มีรายได้ต่อหัว |
ไต้หวัน | 18,100 | อินเดีย | 1,800 |
อิสราเอล | 18,300 | จีน | 3,800 |
ลิคเคนสไตน์ | 23,000 | รัสเซีย | 4,200 |
ฮ่องกง | 23,670 | บราซิล | 6,150 |
สิงคโปร์ | 27,800 | เม็กซิโก | 8,500 |
สำนักงานนวัตกรรมมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 50 นาย แต่มีผลงานวิจัยจำนวน โดยใช้การบริหารจัดการโดย Out Source ซึ่งมีผู้รับงานไปทำการวิจัยจำนวนมาก เช่น การผลิตภัณฑ์ยางพาราและไม้ยาง, การเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน เพื่อการส่งออก, ทั้งคอมโพสิท เป็นนวัตกรรมถึงบรรจุก๊าซในยุคน้ำมันแพง, พลาสติกชีวภาพทำจากธรรมชาติคืนสู่ธรรมชาติ, เตียงคราเป็นทร์! เตียงป้องกันและรักษาแผลกดทับเสื้อซิลเวอร์นาโน นวัตกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่, แป้งเด็กจากแป้งข้าวเจ้า, สเต็มเชลล์ เป็นต้น
การกระจายอายุพนักงาน สนช. เฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่จะรับสมัครผู้เรียนจบใหม่และอยู่ทำงานที่ สนช. ประมาณ 10 ปีHuman Capital Managment Homework โดยนายปรีติ ปิติอลงกรณ์ เสนอ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมย์ และ อ.ศุภชัย หล่อโลหะการ
สิ่งที่ได้จากการเรียนในครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเข้าใจในการจัดการนวัตกรรม เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ รวมทั้งทางด้าน HR ด้วย โดย อ.ศุภชัย ได้ให้เงื่อนไขของการสร้างนวัตกรรมว่า ต้องมีส่วนประกอบดงกล่าวเข้าไปด้วยคือ
1. ต้องเป็นของใหม่ (อาจเก่ามาจากที่อื่นก็ได้แต่มีBusiness Model ใหม่)
2. ต้องใช้ความรู้ความคิดสร้างสรรค์ (ทำสิ่งที่ลงทุนลงแรงน้อยๆ แต่สร้างผลกระทบได้มาก ๆ ใช้ความคิดเยอะๆ)
3. ต้องส่งผลดีกับ เศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ
ซึ่ง อ.ศุภชัย ได้อธิบายให้ฟังว่า ที่จริงแล้ว นวัตกรรมเป็น Process ไม่ใช่ Product แต่ก่อให้เกิดเป็น Product ในภายหลัง และนวัตกรรมเกิดจากความคิดเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุ และการทำวิจัยภายในหน่วยงานเพื่อสร้างนวัตกรรมนั้น ปัจจุบันอาจไม่ทันโลกทันเหตุการเนื่องจากตอนนี้มี Open Innovation Model คือ นวัตกรรม Out Source จากภายนอกได้ โดยที่ งานวิจัยเป็น Research Driven ส่วน นวัตกรรมเป็น Market Driven ยกตัวอย่างบ้านเราเอง คิดอะไรไหม่ๆ ได้เสมอแต่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง หรือนำไปปฏิบัติได้แต่ Scale Up ไม่ได้ เพราะ นวัตกรรมที่เห็นผลสำเร็จในเชิงพานิชย์และสามารถนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้ นอกจากความคิดสร้างสรรค์แล้วยังต้องการความเป็นผู้ประกอบการด้วย
นวัตกรรมนั้นคือตัวเชื่อมโยงระหว่างความรู้และการทำให้เกิดผล โดยที่คนที่ดีและการจัดการที่ดี จะนำไปสู่นวัตกรรมที่ดี ซึ่งในแต่ละประเทศคนและการจัดการมีความสำคัญกว่าทรัยากรที่มีในประเทศนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากๆ กลับเจริญน้อยกว่าประเทศที่มีทรัพยากรน้อย แต่มีคนและการจัดการที่ดี
Human Capital Managment Homework โดยนายปรีติ ปิติอลงกรณ์ เสนอ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมย์ และ อ.ศุภชัย หล่อโลหะการ
สิ่งที่ได้จากการเรียนในครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเข้าใจในการจัดการนวัตกรรม เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ รวมทั้งทางด้าน HR ด้วย โดย อ.ศุภชัย ได้ให้เงื่อนไขของการสร้างนวัตกรรมว่า ต้องมีส่วนประกอบดงกล่าวเข้าไปด้วยคือ
1. ต้องเป็นของใหม่ (อาจเก่ามาจากที่อื่นก็ได้แต่มีBusiness Model ใหม่)
2. ต้องใช้ความรู้ความคิดสร้างสรรค์ (ทำสิ่งที่ลงทุนลงแรงน้อยๆ แต่สร้างผลกระทบได้มาก ๆ ใช้ความคิดเยอะๆ)
3. ต้องส่งผลดีกับ เศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ
ซึ่ง อ.ศุภชัย ได้อธิบายให้ฟังว่า ที่จริงแล้ว นวัตกรรมเป็น Process ไม่ใช่ Product แต่ก่อให้เกิดเป็น Product ในภายหลัง และนวัตกรรมเกิดจากความคิดเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุ และการทำวิจัยภายในหน่วยงานเพื่อสร้างนวัตกรรมนั้น ปัจจุบันอาจไม่ทันโลกทันเหตุการเนื่องจากตอนนี้มี Open Innovation Model คือ นวัตกรรม Out Source จากภายนอกได้ โดยที่ งานวิจัยเป็น Research Driven ส่วน นวัตกรรมเป็น Market Driven ยกตัวอย่างบ้านเราเอง คิดอะไรไหม่ๆ ได้เสมอแต่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง หรือนำไปปฏิบัติได้แต่ Scale Up ไม่ได้ เพราะ นวัตกรรมที่เห็นผลสำเร็จในเชิงพานิชย์และสามารถนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้ นอกจากความคิดสร้างสรรค์แล้วยังต้องการความเป็นผู้ประกอบการด้วย
นวัตกรรมนั้นคือตัวเชื่อมโยงระหว่างความรู้และการทำให้เกิดผล โดยที่คนที่ดีและการจัดการที่ดี จะนำไปสู่นวัตกรรมที่ดี ซึ่งในแต่ละประเทศคนและการจัดการมีความสำคัญกว่าทรัยากรที่มีในประเทศนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากๆ กลับเจริญน้อยกว่าประเทศที่มีทรัพยากรน้อย แต่มีคนและการจัดการที่ดี
HomeWork# 10 Innovation (25-Aug-07)
Innovation Solutions.
อ.ศุภชัย หล่อโลหการ
ความรู้ที่ได้จากการเรียนในวันนี้
Innovation หรือ นวัตกรรม เป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องมีทรัพยากรมาก แต่ก็สามารถสร้างนวัตกรรมได้ หากประเทศไทยมีนวัตกรรมของตัวเอง เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรม เราจะได้ไม่ต้องเอาจ้างผลิตสินค้า ถ้าเราคิดค้นนวัตกรรม และจดสิทธิบัตร นำมาผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าเราเอง ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าขึ้นไป
คำจำกัดความระหว่างวัตกรรม กับ ปฎิวัติ จาก อ.ศุภชัย หล่อโลหการ
1.การปฎิวัติเป็นของใหม่ หรือไม่?
2.การปฎิวัติใช้ความรู้ใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ หรือไม่?
3.การปฎิวัติเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในแง่บอก หรือไม่?
ตัวอย่างของ นวัตกรรม เช่น
การจี้เครื่องบินชนตึก World Trade ก็เป็นนวัตกรรมด้านบวก ของ อัลเควดา แต่ถือเป็น นวัตกรรมลบของอเมริกาและพันธมิตร.
การออกเทปร่วมกันของ Bird ธงไชย และ เสก Loso ก็เป็นนวัตกรรม.
แต่การแสดงโขนประยุกต์ร่วมกันของ เสก Loso และ น้อยวงพรู ที่ อเมริกา ไม่แน่ใจว่าเป็นนวัตกรรมหรือไม่?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงได้รับการยกย่องเป็น “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” เนื่องจากทรงคิดนวัตกรรมออกแบบ กังหันน้ำชัยพัฒนา, ฝนเทียม และ ริเริ่มสิ่งอื่นๆด้านพลังงานและการอนุรักษ์ อีกมากมาย.
นวัตกรรม เป็น สิ่งใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
นวัตกรรม ไม่เพียงแต่มีคุณค่า แต่คนอื่นๆในสังคมต้องสามารถนำไปใช้ได้ด้วย.
นวัตกรรมผสมผสาน
- เกิดจากการผสมผสานแนวคิดที่แตกต่างกัน
- ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเท่านวัตกรรมเฉพาะทาง
- เกิดจากการเชื่อมโยงความคิดต่างๆ เข้าด้วยกันในทางที่ไม่ธรรมดา
- เป็นผลจากการเคลื่อนย้ายของผู้คน
- การบรรจบกันของศาสตร์สาขาต่างๆ
- การประมวลผลที่ล้ำยุค
แนวทางการสร้างนวัตกรรม
1.แก้ปัญหาคาใจ
- เข้าไปจุดไหนดี?
- เข้าไปทำอะไรดี?
- รู้ว่าทำอะไร แต่จะทำอย่างไร?
- ใครจะเป็นคนทำ?
- ความสามารถเรามีแค่ไหน ใครช่วยได้?
2.แนวทางการแสวงหาโครงการ
การหาความรู้
- Website
- หนังสือ,เอกสาร
- ผู้รู้
หาเครือข่าย
หาแนวคิด
- สัมมนา,ประชุม
3.การประมวลผล = Knowledge + Paradigm Shift + Investment + Work Process + Network.
เพราะฉะนั้นการที่ประเทศไทยจะมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้เอง อย่างสำเร็จและหยั่งยืนนั้น เราจะต้องผนวกเรื่องการจัดการ HR เข้ากับ Innovation ในภาพของ Macro Economic นั้นเพื่อให้ประชากรของประเทศมีความรู้ ความคิด สติปัญญา ในการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยน์สูงสุด.
For Successful Manager..........
ในวันนี้นักศึกษาปริญญาเอกได้มีโอกาสพบกับท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้กล่าวถึง ทุนทางจริยธรรม และทุนทางความสุข ซึ่งท่านได้มามอบความรู้จากประสบการณ์ของท่าน ให้มองการเปลี่ยนแปลง และปัญหาของ ภาค Macro เพื่อนำมาบริหาร Change ทั้งในด้านของ โอกาสและ ภัยคุกคาม การเรียนปริญญาเอกต้องมี Freedom (Development is freedom)
และวิเคราะห์แบบทฤษฎี 2 R's คือ1. Performance Planning / Goal-Setting นั่นคือ การกำหนดวัตถุประสงค์และบทบาทหน้าที่ของพนักงานให้ชัดเจนก่อน แต่ก็จะมีตัวช่วยทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์คือ Training & Development
2. Continuous Coaching and Feedback นั่นคือต้องดู ขีดจำกัดความสามารถของพนักงานว่า ดีหรือไม่ดี ถ้าไม่ดีพอก็ต้องแจ้งให้ทราบเลย ตัวช่วยทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์คือ Mentoring / Counseling
3. Performance Review and Evaluation นั่นคืออาจใช้สูตร 90/90 คือ 90 วัน /90 นาทีในการใช้เวลาคุยกับลูกน้อง ตัวช่วยทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์คือ Pay & Recognition
4. Corrective and Adaptive Action Career Development นั่นคือการปรับวิธีการทำงานให้สำเร็จตามกลยุทธ์ ไม่ควรไปปรับกลยุทธ์ ตัวช่วยทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์คือ การพัฒนาในอาชีพ
การตั้งเป้าหมายที่ดี SMART
Specific
Measurement
AttainableRelevant
Timebound
โดยมี Key performance indicator เป็นตัวปรับพฤติกรรมการทำงาน แต่ไม่ควรมี KPI แค่เพียงตัวเดียวต้องมีหลายตัวDashboard Metrics ในการวัดความแตกต่างของบุคคลในการทำงาน ซึ่งประกอบด้วยQuantity
Quality
Cost
Speed
Compliance
การบริหารผลการปฏิบัติงานนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของคนทำงาน และเป็นเรื่องที่ต้องมีกรอบทิศทางที่ออกแบบมาดี และเป็นที่ยอมรับของคนในองค์กร เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดี เกิดความยุติธรรม เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเพราะเป็นระบบที่มีการสื่อสารกันด้วยความเข้าใจในทุกส่วนขององค์กรเป็นอย่างดีมาแล้ว เช่นการให้ผลตอบแทนเป็นเงินเดือนก็จะพิจารณาจาก คุณค่าของพนักงานและ บทบาทหน้าที่ตลอดจนผลการปฏิบัติงานของพนักงาน (เป็นคนดีประกอบกับเป็นคนเก่งด้วย) ส่วนเรื่องของเงินโบนัส ก็เป็นการตอบแทนให้กับ คนที่นอกจากจะเป็นคนดีประกอบกับเป็นคนเก่งแล้วยังเป็นคนที่มีผลงานอีกด้วย ก็เป็นเรื่องที่มีความชัดเจนและเหมาะสมดีค่ะอาจจะใช้ เครื่องมืออีก 2 ตัวมาพิจารณาได้เช่น
1. Performance Results Rating Table2. Competency Rating Table
นางสาวญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา [email protected]
“A LEADING QUALITY UNIVERSITY FOR ALL”
Dear Prof. Chira,
On Saturday 1st September, 2007 we had k. Pojchanart C-Bangkerd as the instructor.
K. Pojchanart shared the class on "Performance Management". The essential factors in the organization which lead lead to the achievement were discussed in class.
The instructor showed us the illustration of the Grand Canyon, how each ending are on separate direction. There are no meeting point.
This is one of the classic example of how we can adapt this piece of beauty of the nature into the organization. How the management or the leaders do not have the "meeting points" with their employees or "doers".
This is why the Performance Management has to take the important roles. The PM are involving the transaction of :
Mission - vision - goals - objecties - strategies- tactics - roles - practices relationships.
The leader of organization must verify "who we are", "where are we going" and "what must happen we get to that point?".
Strategies/tactics are how are we going to make it happen.
Roles & Practices are how each individuals responsible for taking action of working together, supporting one another and make it to that point together.
PM is one the tool or excercise in "getting better results". Focusing is a must. We must be able to focus on what we need to do which on the same direction and allignment of the firm's strategies and to reach the goals.
The PM Process can not be success without the training & development, mentoring/counseling, pay & recognition and career development.
Along the line of the process there are supporting factors needed to be happening at the same time.
The instructor also shared her view on "feedback" and the "Dash Board Metrics"
The feedback can be in both negative and positive ways. It depends on the situation and each individual at times.
Dash Board Metrics are process of :
Quantity, quality, cost, speed and compliance.
The important on this metrics can become the Key Performance Indicators for the organization.
It was another fruitful and very much of learning and sharing. We are looking forward to have k. Potchanart as our instructor again in near future.
Thank you very much.
Best regards,
Sarah (NaPombhejara) Allapach
SSRU/DM
2 September, 2007
Surachet Suchaiya (Mobile: 089 205 3098, [email protected])
HomeWork# 11 Human Capital (1-Sep-07)
Performance Managemen System for Successful Manager.
Aj.Potchanart Seebungkerd
ความรู้ที่ได้จากการเรียนในวันนี้
Case Study : การ FeedBack
บอกเขาว่าสิ่งที่คุณทำอย่างนี้ดีแล้ว, อย่างนี้ก็ดี, อะไรๆคุณก็ดีหมด เขาจะรู้สึกมีคุณค่าถ้าคุณเพียงแต่ทำตรงนี้ให้ดีขึ้นอีก คุณจะพัฒนาเป็นคนเก่งกว่านี้
หรือ Perfect เลยแหล่ะ
การ FeedBack อย่างนี้ นุ่มนวล น่าฟัง น่าปฎิบัติตาม น่าเลื่อมใส ศรัทธา.
ผู้นำต้องฝึกตรงนี้ไว้.
Case Study : การดุลูกน้อง ที่ไม่ควรทำ
เช่น คุณมีลูกน้องที่เป็น Rising Star คุณรักเขามาก ทุ่มเท Energy ให้กับเขามาก.
อยู่มีวันหนึ่ง ลูกน้องคนนี้เกิดทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา.
คุณเกิดความไม่พอใจ และผิดหวังมาก ดุลูกน้องคนนี้รุนแรงมาก. พูดว่า คุณผิดหวังมากในการทำงานของเขาครั้งนี้ ลูกน้องคนนี้จะรู้สึก Fail มาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเคยทำให้เขามาไม่มีความหมายต่อเขาเลย ในที่สุดคุณก็ไม่สามารถ Promote เขาขึ้นมาได้อย่างที่คุณได้เคยหมายมั่นปั่นมือเอาไว้.
การติชมลูกน้อง.
การชมให้คุณใช้ U Message “You have done a good job”.
ที่ปิดงานได้เพราะคุณ , คุณเป็นกำลังสำคัญของบริษัทฯ , คุณเป็นตัวอย่างที่ดีมาก.
การติให้ใช้ I Message
ผมวางแผนงานไม่ดีเอง ทำให้คุณไม่สามารถต่องานจากผลได้ ,
คุณเป็นคนเก่งเป็นหน้าเป็นตาของบริษัทฯ อย่าทำอย่างนี้เลย ผมรู้สึกไม่ดีเลย อยากให้ช่วยปรับปรุง.
หน้าที่ของ Manager คือคนที่ Manage คนอื่นให้ทำงาน, Manager Motivate คนให้ทำงานได้บรรลุเป้าหมาย, Manger ที่ดีจะเป็นมากกว่า Manager แต่เป็น Leadership ขององค์กร.
การบริหารคนให้ทำงานได้ ไม่ใช่ปรับเป้าหมาย แต่ต้องปรับวิธีการบริหาร.
เช่น บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท/ปี คุณเป็นหัวหน้า แต่ลูกน้องไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้า เราไม่ควรปรับเป้าของยอดขายลง เพื่อให้ลูกน้องทำได้ แต่เราควรปรับวิธีการบริหารงานให้ลูกน้อง Motivate ลูกน้องให้สามารถทำได้ตามเป้า.
The Road to High Performance
- Performance Planning
- Coaching
- Feedback
- Development
- Performance Review & Appraisal
- Rewarding
- Etc.
Case Study การทำ Reward
คนที่ Generation ต่างกันมักมีความต้องการที่ต่างกัน คุณจะต้องสร้างแรงจูงใจที่ต่างกัน เช่น เด็กจบใหม่ไฟแรง มักต้องการเข้ามาหาประสบการณ์ คุณจะให้เขาอยู่กับองค์กรเราตลอดไปคงเป็นไปไม่ได้ คุณต้องศึกษาว่าเขาต้องการอะไรให้ในสิ่งที่เขาต้องการ.
การกรณีคนที่ทำงานมาหลายที่ค่อนข้างมีอายุมีประสบการณ์แล้ว ความต้องการของเขาจะต่างกับเด็กจบใหม่ แรงจูงใจที่คุณจะสร้างให้เขาก็จะแตกต่างจากเด็กจบใหม่คุณจะต้องศึกษาให้ทราบก่อนว่าเขาต้องการอะไร เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ตรงประเด็น “เกาตรงทีคัน”
ตัวอย่างความต้องการ เพื่อสร้างแรงจูงใจ
- บางคนต้องการประสบการณ์.
- บางคนต้องการเงินเดือนมากในระดับหนึ่ง.
- บางคนต้องการการยอมรับ.
- บางคนต้องการความสบายใจในการทำงาน.
SMART Goal การตั้งเป้าหมายที่ดี
Specific เฉพาะเจาจง
Measurable สามารถวัดได้
Attainable สามารถทำให้สำเร็จได้
Relevant สอดคล้องกับความเป็นจริง
Time bound กำหนดระยะเวลา
การ Link Sales ต้องมี Tactic (ต้องมีการ Training) ตัวอย่าง เช่น
ในร้านขายยา Booth พนักกงานของ booth ได้รับการ Training เรื่อง Link Sales ให้ลูกค้าไม่รำคาญในการขายของพวกเราหล่านั้น เมื่อลูกค้าที่เดินในร้าย Booth กำลังเลือกหาสินค้าพวกงานของ Booth จะพยายามช่วยลูกค้าหาสินค้า และแนะนำสินค้าไปด้วยในตัว แต่จะไม่ยัดเยียดสินค้าอื่นให้ลูกค้าแทน ตัวที่ลูกค้าต้องการ แนะจะเป็นการแนะนำอย่างนุ่มนวล ลูกค้าไม่เอาไม่เป็นไร.
Dashboard Metrics (ปัจจุบันนี้ Dashboard สำหรับผู้บริหารถูกจัดทำด้วยระบบ IT และ Link กับข้อมูลในส่วนต่างๆแบบ Real time เช่น การจัดส่งสินค้า , ยอดขาย , ยอดการผลิต , จำนวนวัตถุดิบ , จำนวนครั้งการให้บริการ , Customer Feedback , etc.
- Quantity
- Quality
- Cost
- Speed
- Compliance
Performance Management Architecture – Mixed Model
Values | R & R | Competence | Performance |
คนดี | คนเก่ง | มีผลงาน | |
Salary | Bonus | ||
Culture & Brand | Present Job Roles | - Core - Leadership - Technical | Market Benchmark Value to Organization Strategy Aligment |
Salary |
ตารางด้านบนนี้ใช้ในการพิจารณารับคนและจ่ายเงินเดือนรวมทั้ง Bonus เนื่องจาก คุณต้องพิจารณาจากความรู้ความสามารถที่คุณต้องการตรงกับ Industrial ขององค์กรหรือไม่ Knowledge บางอย่างมีคุณต่อธุรกิจของคุณมาก คุณจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าแรงให้แก่คนที่มีความรู้นั้นมากในระดับหนึ่ง แต่บาง knowledge มีค่าน้อยมากหรือไม่มีค่าเลยในองค์กรของคุณ.
วันที่ 1 สิงหาคม 2550
วันนี้มาสายน่าเสียดายมากที่ฟังศ.ดร. จีระ ได้น้อยกว่าทุกครั้งแต่ก็ได้เพื่อนที่ดี ช่วยทบทวนให้ทราบในวันต่อมา
ความสม่ำเสมอเหมือนทุกครั้งของอาจารย์ที่มีความหวังดี เป็นห่วง ลูกศิษย์ และพยายามย้ำเตือนว่าการเรียน Phd.
ของพวกเราต้องแตกต่าง ต้องมีการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง รู้จริงสร้างคุณค่าของความเป็นมนุษย์ จาก
Hunan capital คิดอย่าง Organic
และสุดท้ายมุ่งสู่สังคม มาช่วยในการพัฒนาชาติบ้านเมือง
การบรรยายของ อ. พจนารถ ซีบังเกิด เริ่มจากการให้ชม Clip VDO สั้น ๆ แล้วเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับการทำงานที่มีผู้นำที่แตกต่าง ส่งผลกระทบอย่างไร ทั้งในทางบวกและทางลบ แต่เมื่อมีการเปรียบเทียบภาครัฐและเอกชนทุกครั้งก็จะพบว่าในภาครัฐช่างไม่มีความคล่องตัวและไม่อิสระในการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ อาจารย์ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาแสนที่จะล้ำลึกอาจารย์ ยกตัวอย่าง แกรนด์แคนยอน ว่าได้มีการศึกษาอย่างมากมายว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่แกรนด์แคนยอน ก็ยังคงเป็นธรรมชาติที่สวยงาม แฝงด้วยความน่าสนใจ น่าศึกษาอยู่ตลอดเวลา และในความสวยงามนั้นก็มีความแตกต่างอย่างหลากหลายเช่นคดเคี้ยว สูงชัน ฯ เมื่อเปรียบกับการบริหารจัดการองค์กรก็จะพบซึ่งสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นผู้นำจึงมีบทบาทที่สำคัญและต้องตระหนัก เพราะไม่มีสูตรสำเร็จในการบริหารจัดการแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เพราะว่า
มนุษย์ทุกคนมีความต่าง
การประเมินศักยภาพของคนในองค์กรจึงมีบทบาทในเรื่อง HR และการบริหารผลการปฏิบัติงาน (P M : Performance management) เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จ
ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ
1. Performance Planning /Goal-setting2. Continuous coaching and Feed back
3. Performance review and evaluation
4. Corrective and adaptive action
ในแต่ละส่วนเชื่อมโยงกันโดยเริ่มที่การตั้งเป้าหมายในการบริหารผลการปฏิบัติงานการ และการตั้งเป้าหมายที่ดี (S MART Goals) จะต้องมีความเฉพาะเจาะจง กำหนดระยะเวลา สามารถวัดได้ สอดคล้องกับความเป็นจริง และสามารถทำให้สำเร็จได้ อาจสรุปได้ว่าทุกคนต้องรู้ทิศทาง(Vision, Mission และวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย) ขององค์กรอย่างเข้าใจและถ่องแท้ ตรงกับทฤษฏี 2R's ของ ศ.ดร.จีระ
SMART S :Specific
M :Measurable A :Attainable R :RelevantT :Timbound
สุดท้ายคือมี การพัฒนาปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ กระบวนการ P M ประสบความสำเร็จไ ด้แก่การฝึกอบรม และการพัฒนา มีที่ปรึกษาที่ชาญฉลาด เป็นที่ยอมรับ และเป็นที่ไว้วางใจ มีความก้าวหน้าในการทำงาน หรือมี Career Development
การเรียนวันนี้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขอขอบพระคุณศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ที่มอบโอกาสการเรียนรู้จาก “กูรู” เรื่องHR อย่างอาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด ที่สร้างบรรยากาศ การเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ อรพินท์ มณีรัตน์
การบ้านครั้งที่ 10
เรื่อง Performance Management System
อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด
เรียนวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 50
...................................................
“คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าสำคัญที่สุดในองค์กร ทำอย่างไรเราจึงจะทำให้ทรัพยากรบุคคลนั้นมีค่าเป็นสินทรัพย์ (Asset) ที่มีคุณภาพได้ตลอดไป เท่าที่เขายังอยู่ในองค์กรของเรา โดยเฉพาะ การทำให้เกิด Happiness Capital ในชีวิตของเขาเหล่านั้นด้วยการทำให้คนในองค์กรมองเห็นและรู้สึกว่า ตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณค่าเช่น- มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
- มีคุณค่าทางจิตใจ
- มีคุณค่าทางสังคม
แนวคิดเบื้องต้นเช่นนี้จะเป็นบ่อเกิดอันสำคัญในการสร้างทุนแห่งความสุข ซึ่งศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้พูดถึงเสมอ และเช้าของวันที่ 1 กันยายน 50 นี้ ท่านก็ได้กล่าวถึงทุนทางความสุข และทุนทางจริยธรรมอีกเช่นเคยด้วยการนำ ทฤษฎี 2 R คือ
- Reality การมองความจริง
- Relevance ความสอดคล้องตรงประเด็น
เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนที่ทำงานอย่างมีความสุข มักจะมีผลงานที่ถูกสร้างออกมาอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่ยอมทำงานด้วยความจำนนจากปัจจัยรอบด้าน
Performance Management Systemเป็นสิ่งที่องค์กรขนาดใหญ่ต้องทำและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการบริหารจัดการผ่านกระบวนการ และเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดี
Performance Management Process
1. Performance Plan / Goal – Setting
เป็นการกำหนดบทบาทหน้าที่ตาม Job description ของพนักงาน ว่ามีหน้าที่รับผิดชอบด้านใดบ้าง โดยใช้เครื่องมือในการช่วยบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ คือการฝึกอบรม (Training) และการพัฒนา (Development) ซึ่งต้องจัดให้เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน
2. Continuous Coaching and Feedback
ต้องอาศัย Mentoring และ Counseling ในการบริหารจัดการ ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ต้องทำหน้าที่เป็น Coach ให้กับลูกน้อง และไม่ว่าลูกน้องจะทำได้ดีหรือไม่ดีก็ต้อง Feedback ให้ลูกน้องได้รับรู้ จะใช้วิธีบอกด้วยตนเองหรือจะบอกเป็นลายลักษณ์อักษร ก็เลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ถ้าลูกน้องทำดีให้ใช้ You Message แต่ถ้าลูกน้องทำไม่ดีให้ใช้ I Message ในการพูดคุยกับลูกน้อง
3. Performance Review and Evaluation
จัดให้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับลูกน้องบ้าง อาจใช้สูตร 90/90 ก็ได้ คือทำงาน 90 วัน หาโอกาสพูดคุยกัน 90 นาที เครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ Pay & Recognition
4. Corrective and Adaptive Action
พิจารณาว่า มีอะไรต้องแก้ไขปรับปรุงบ้าง ให้พิจารณาการปรับจากวิธีการก่อน ไม่ควรไปปรับที่กลยุทธ์ ด้วยการใช้เครื่องมือคือ Career Development เป็นการพัฒนาสายงานอาชีพไว้รองรับ เมื่อเขาพัฒนาไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
การตั้งเป้าหมายที่ดี ( Smart Goal )
ต้องมีลักษณะดังนี้
1. Specific > เฉพาะเจาะจง
จะทำอะไรต้องกำหนดให้ชัดเจน เช่น การกำหนดเป้าหมายที่ยอดขาย 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ต้องกำหนดให้ชัดเจน
2. Measurable > สามารถวัดได้
มีการกำหนดกฎเกณฑ์ ที่สามารถใช้วัดได้ชัดเจน เช่น ยอดขายจากลูกค้าใหม่ หรือยอดขายจากลูกค้าเก่า จะตั้งเป้าหมายเท่าใด ต้องสามารถกำหนดวัดได้
3. Attainable > สามารถทำให้สำเร็จได้
การตั้งเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้จะขาดแรงจูงใจให้อยากทำ เพราะฉะนั้นการตั้งเป้าหมายต้องทำให้เห็นว่าถ้าพยายามก็มีโอกาสเป็นไปได้
4. Relevant > สอดคล้องกับความเป็นจริง
อย่าตั้งเป้าโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ต้องตั้งเป้าให้สอดคล้องกับทุกคนในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นตัวแปรในการส่งไปสู่เป้าหมาย
5. Time bound > กำหนดระยะเวลา
กำหนดเวลาวิ่งสู่เป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้แต่ละคนรู้เวลาที่มีและเวลาที่เหลือของตนเองในการวิ่งสู่เป้าหมาย
ซึ่งเวลาและเป้าหมายต้องมีความสอดคล้องกัน จึงจะเป็นแรงจูงใจให้อยากจะวิ่งไปสู่เป้าหมาย
นอกจากนั้นอาจารย์ได้ให้แนวคิด ในการใช้มาตรวัด Dashboard Metrics ซึ่งเป็นการวัดในแต่ละด้านเช่น
QualityQuantity
Cost
Speed
Compliance
ซึ่งการใช้ KPI ที่ดีนั้นต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้วย และการวัดผลงานนี้จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราได้รู้ว่า ใครเป็นคนเก่ง ใครเป็นคนดี สมควรได้รับผลตอบแทนที่ดี.
นายพนม ปีย์เจริญ
6.9.2007
อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจในหลักการเชิงทฤษฎีของตัวมันเองนั้น ดูเหมือนจะไม่ยาก แต่ความยากน่าจะอยู่การนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละหน่วยงาน เพราะถ้าหากไม่ยาก เมืองไทยก็น่าจะพัฒนามากกว่านี้เพราะว่าไปแล้ว ประเทศเราก็เป็นประเทศหนึ่งที่อุดมไปด้วยทฤษฎีการพัฒนามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีที่เอามาจากหนังสือของต่างประเทศหรือที่มีการสร้างนวัตกรรมขึ้นเอง แต่หน่วยงานอีกเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่ยังไม่สามารถ absorb องค์ความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในหน่วยงานของตนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่คนระดับผู้นำจะต้องหาทางแก้ไขให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเอาจริงเอาจังเพื่อให้การพัฒนามนุษย์มีการประสานสอดคล้องกันทุกองคาพยพ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการที่จะต้องหา facilitator ที่สามารถแปลงทฤษฎีมาอธิบายในบริบทของงานในหน่วยงานนั้น ๆ ให้เข้าใจตรงกันและเดินไปพร้อม ๆ กันให้ได้ ไม่เช่นนั้นแค่เถียงกันว่าสิ่งไหนคือ goal หรือ objective และสิ่งไหนคือ vision หรือ mission ก็จะใช้เวลาไปมากพอสมควรแล้ว และก็จะอยู่ในวังวนเดิมคือการพัฒนาไม่ไปถึงไหนเสียที เป็นการใช้งบประมาณไปอย่างไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
รักษเกชา แฉ่ฉาย
สรุป การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นกลยุทธ์ทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีกระบวนการปฏิบัติงานมีส่วนเข้าไปช่วย และปรับปรุงให้พนักงานแต่ละคนปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย และดัชนีชี้วัดที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการบริหารผลการปฏิบัติงานที่มีการประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีส่วนอย่างมากในการบูรณาการเป้าหมายในการปฏิบัติงานของพนักงาน หน่วยงาน องค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็คือเป้าหมายสูงสุดขององค์กรที่จะตอบสนองถึงความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียขององค์กรอันจะนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จในการบริหารองค์กรได้ในอนาคต
วันที่ 1 กันยายน 2550 บรรยายโดย อ.พจนารถ ชีบังเกิด
เรื่อง Performance Management
การบริหารองค์กรสมัยใหม่จะต้องบริหารในลักษณะ “บรรษัทรัฐบาล” คือ ต้องบูรณาการ ความต้องการและการคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กรเข้ามายังการปฏิบัติงานขององค์กร เพื่อที่จะต้องสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร ซึ่งความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กรมีหลายรูปแบบ
1. ผู้ถือหุ้น : ต้องการเงินปันผลที่สูงขึ้น
2. ผู้บริโภค : ต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตรงเวลาราคาเหมาะสม
3. พนักงาน เจ้าหน้าที่ : ต้องการรักษาผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงขึ้น
4. สังคม : ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดีหรือรักษาให้คงอยู่ โดยปราศจากมลพิษหรือสิ่งที่มารบกวนทำลายสังคมและสิ่งแวดล้อม
การบริหารองค์กรให้มีสมรรถภาพ
ผู้บริหารจะต้องดำเนินงานให้องค์กรสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย องค์กรจะต้องมีกลยุทธ์ในการบริหารงาน แต่ในการบริหารเชิงกลยุทธ์ขององค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาคล้ายๆ กัน อย่างหนึ่ง คือ องค์กรยังขาดประสิทธิภาพในการบูรณาการผลการปฏิบัติงานของ พนักงาน หน่วยงาน และองค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้ผลการปฏิบัติงาน โดยภาพรวมขององค์กรไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย ภารกิจ และวิสัยทัศน์ที่องค์กรกำหนดไว้ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้พัฒนาแนวคิดให้มีขึ้นมาโดยมีแนวคิดที่สำคัญว่า การปฏิบัติงานของพนักงานมีความจำเป็นที่จะต้องมีการบริหารทั้งนี้ เพื่อให้ผลการปฏิบัติงานของพนักงานมีการบูรณาการซึ่งกันและกัน สอดคล้องกับเป้าหมายของหน่วยงานและองค์กร โดยในท้ายที่สุดก็จะทำให้ผลการปฏิบัติงานขององค์กรบรรลุเป้าหมายในการที่จะตอบสนองความต้องการ ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร
จากแนวคิดดังกล่าวจึงมีการพัฒนากระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Appraisal) ขึ้น ซึ่งเป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานเปรียบเทียบกับมาตรฐานที่กำหนดไว้มาเป็นกระบวนการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ที่มีแนวความคิดสำคัญๆ ที่ต้องการพัฒนาพนักงานให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะในการปฏิบัติงานจนมีผลการปฏิบัติงานในอนาคตบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการบริหารผลการปฏิบัติงาน
ผลการปฏิบัติงานของพนักงานมีปรัชญา และแนวคิดสำคัญๆ ดังนี้
1. การบูรณาการเป้าหมายขององค์กรมาสู่เป้าหมายของหน่วยงาน และพนักงาน
2. การทำงานที่มองไปข้างหน้าโดยมุ่งเน้นที่กระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
3. มุ่งเน้นการปรับปรุงการปฏิบัติงานของพนักงานอย่างต่อเนื่อง
4. สร้างความร่วมมือ การยองรับ และเห็นพ้องต้องกันมากกว่าการควบคุม
5. ให้เกิดการยอมรับในสาเหตุของความบกพร่องในการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคน และยังสามารถบ่งชี้ได้ว่าจะแก้ปัญหาความบกพร่องนั้นด้วยวิธีการอย่างไร
6. กระตุ้นให้พนักงานรู้จักการบริหารการปฏิบัติงานของตนเอง
7. ต้องให้มีการบริหารงานแบบการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
8. ต้องนำข้อมูลจากผลการปฏิบัติงานย้อนกลับให้แก่พนักงาน และผู้บังคับบัญชาทราบอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง
9. การปฏิบัติงานไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักในการขึ้นค่าจ้างประจำปี
10. ผลการปฏิบัติงานไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักในการขึ้นค่าจ้างประจำปี
การบริหารผลการปฏิบัติงานของพนักงาน
การบริหารผลการปฏิบัติงาน หมายถึง กลยุทธ์ หรือกระบวนการในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่จะทำให้องค์กรมีผลการปฏิบัติงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยผ่านกระบวนการปรับปรุงผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และมุ่งพัฒนาพนักงาน องค์กรจะต้องสร้าง หรือผสมผสานมิติในการปฏิบัติงานของพนักงาน
1. แนวดิ่ง เป็นการเชื่องโยงวิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมายขององค์กร หน่วยงาน และพนักงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน
2. แนวทางราบ เป็นการนำผลการปฏิบัติงานของพนักงานไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เช่น การพัฒนา และฝึกอบรมการให้ผลประโยชน์ตอบแทน วางแผนอาชีพ การโยกย้ายเลื่อนตำแหน่ง เป็นต้น
สรุป การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นกลยุทธ์ทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีกระบวนการปฏิบัติงานมีส่วนเข้าไปช่วย และปรับปรุงให้พนักงานแต่ละคนปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย และดัชนีชี้วัดที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการบริหารผลการปฏิบัติงานที่มีการประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีส่วนอย่างมากในการบูรณาการเป้าหมายในการปฏิบัติงานของพนักงาน หน่วยงาน องค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็คือเป้าหมายสูงสุดขององค์กรที่จะตอบสนองถึงความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียขององค์กรอันจะนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จในการบริหารองค์กรได้ในอนาคต
เรื่อง การสร้างระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาลสำหรับทรัพยากรมนุษย์ Ethical Capital..........
ในวันนี้นักศึกษาปริญญาเอกได้มีโอกาสพบกับท่าน ดร.อรพินท์ สพโชคชัย กรรมการ ก.พ.ร. และเริ่มเข้าสู่บทเรียนอาจารย์เล่าว่าท่านมีประสบการณ์ด้านการปฏิรูประบบราชการ มากว่า 30 ปี ถ้าจะพูดถึงเรื่องของธรรมาภิบาล เป็นตัวที่ซ่อนอยู่ใน Result Base Management เดิม Capital นั้นแบ่งออกเป็น 2 เรื่องคือ Economics และHuman
วิวัฒนาการของ Ethical Capital :
ยุคที่ 1: คนนั้นต่อสู้กันด้วยกำลังคนที่มากกว่าเป็นเรื่องที่ได้เปรียบยุคที่ 2 : ปัจจุบันเป็นยุคที่ต่อสู้กันด้วย Knowledge คุณภาพของคน ดังเช่น ดร. มหาเธ โมฮัมหมัด พยายามผลักดันให้เกิด Malasia Vision 2000 นั่นคือคนในชาติมาเลย์ ต้อง Superior ที่สุด การแข่งขันจึงเป็นเรื่องของ Knowledge ตลอดจนการสร้าง Gifted &Talent ให้ความสำคัญของ Brain ของประเทศ และการลงทุนกับ Human Capital
ยุคที่ 3: คนจะต่อสู้กันด้วย Ethical ดังเช่น การที่ EU พยายามขอเข้ามาดูระบบและกระบวนการเลือกตั้งของประเทศไทย ทำให้มีนักศึกษาท่านหนึ่งถามว่าแล้วเมื่อก่อน ไม่เห็น EU ขอเข้ามาดูเลย หมายความว่า ที่ผ่านมาการเลือกตั้งมันบริสุทธ์ยุติธรรมหรืออย่างไร ทำไมตอนนี้จึงอยากมาดูล่ะ? ดิฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนเกินกว่าที่จะมานั่งเดาว่า Why? หลายคนคงทราบดีว่าขณะนี้บ้านเราเมืองเรามันอยู่ในภาวะที่เกินความปกติ หรือมันอยู่ต่ำกว่าเส้นปกติที่ควรจะเป็น ดิฉันเห็นด้วยกับคำถามนั้นคล้ายกับคนไทยอีกหลายคน แต่ก็พอจะมีโอกาสได้รู้มาจากแหล่งข่าวที่คอยประเทืองปัญญาให้คนไทยได้หูตาสว่างมากขึ้นว่า .......... อะไรจะเป็นอะไร อิทธิพลจากอำนาจเก่า หรือเกมการเมืองที่ต้องชิงไหวชิงพริบกันอย่างดุเดือดหรืออย่างไร ตอบไม่ได้หรอกค่ะ วันหนึ่งประเทศไทยคงดีกว่านี้ ก็ได้แต่เพียงหวังจะเห็นเช่นนั้น 555 ประเทศแถบเอเชียมีความพยายามที่จะรวมตัวกันให้เป็นกลุ่ม Asean money และความพยายามนี้เองหากประเทศได้รับความร่วมมือในการรวมกลุ่มจะทำให้ได้ Privilledge หลากหลายประการ กลุ่มใดได้เข้าเป็น OECD นั้นเป็นมาตรฐานยืนยันความมี Ethical ที่สูง เป็นที่ยอมรับกัน
Good Governance :"ธรรมาภิบาล (Good Governance)" มาเผยแพร่ และได้กระแสการตอบรับจากสังคมเป็นอย่างดี คำว่า "ธรรมาภิบาล" เกิดจากคำว่า "ธรรม" สนธิกับคำว่า "อภิบาล" (การรักษายิ่งซึ่งธรรม) มาจากคำในภาษาอังกฤษคือคำว่า Good Governance คำนี้คณะกรรมการบัญญัติศัพท์รัฐศาสตร์ของราชบัณฑิตยสถาน ได้บัญญัติไว้ว่า "วิธีการปกครองที่ดี" แต่ทางผู้แทนราษฎรได้ใช้คำว่า "ธรรมรัฐ" ซึ่งไม่ตรงกับความหมายในภาษาอังกฤษ เพราะ"ธรรมรัฐ" แปลว่า "รัฐที่มีธรรม" ทาง คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) ก็ได้บัญญัติศัพท์ใหม่ว่า "สุประศาสนการ" แต่ทาง ราชบัณฑิตยสถานก็ยังไม่เห็นด้วย ปฐมเหตุของ ธรรมาภิบาล หรือ ธรรมรัฐ ก็คือการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี (Good Governance) อีกทั้งเป็น วาทกรรมทางการเมือง ที่ องค์กรเหนือรัฐ คือธนาคารโลก ได้นำเสนอหยิบยื่น ให้กลุ่มประเทศ ที่ 3 (ประเทศลูกหนี้) นับตั้งแต่ปลายคริสต์ศักราช 1980 เป็นต้นมา เพราะเล็งเห็นความไม่ได้มาตรฐานสากลในการบริหารบ้านเมือง ของกลุ่มประเทศดังกล่าว อันเนื่องมาจาก ความไร้ประสิทธิภาพ และการคอร์รัปชันของรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ ในแถบลาติน อเมริกาและ แอฟริกา ที่ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้เงินกู้จากธนาคารโลก โดยได้ให้คำนิยามความหมายของ Good Governance ว่า เป็นลักษณะและวิถีทางของการใช้อำนาจรัฐ เพื่อการจัดการทรัพยากรทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพื่อการพัฒนา ความหมายของธรรมาภิบาลคือ การบริหารจัดการบ้านเมือง สังคม หรือองค์กร สถาบันธุรกิจ ด้วยความซื่อสัตย์ (Honesty) ความเปิดเผยโปร่งใส (Transparency) ความรับผิดและรับชอบที่ตรวจสอบได้ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ ความสำนึกในความรับผิดชอบ ต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง และกระตือรือร้นในการแก้ปัญหา ตลอดจนการเคารพ ในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความกล้าที่จะยอมรับผลจากการกระทำของตน ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ ความสำนึกในความรับผิดชอบ ต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง และกระตือรือร้นในการแก้ปัญหา ตลอดจนการเคารพ ในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความกล้าที่จะยอมรับผลจากการกระทำของตน(Accountability) ความชอบธรรม ยุติธรรม (Fairness)ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในชาติ โดยปรับปรุง กลไกการทำงานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก และมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้ ความมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ (Quality & Efficiency) การมีมาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรมเป็นการทั่วไปได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม ซึ่งมีในหลายแง่มุม เช่น เมตตาธรรม คือความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข จริยธรรม ทำอะไรก็ให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน กตัญญู กตเวทิตา การรู้จักบุญคุณ และคิดจะตอบแทน หิริโอปตัปปะ การรู้จักละอาย และเกรงกลัวบาปกรรมไม่ดี เป็นต้น โดยรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐยึดถือหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างของสังคม และสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริต จนเป็นนิสัยประจำชาติอันจะช่วยยกคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้สูงขึ้น เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป (General Ethical & Moral Standard) หลักความมีส่วนร่วม ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และเสนอความเห็น ในการตัดสินปัญหาสำคัญของประเทศ ไม่ว่าด้วยการแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพิจารณ์ การแสดงประชามติ หรืออื่น ๆหลักความคุ้มค่า ได้แก่ การบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม โดยการรณรงค์ให้คนไทยมีความประหยัด ใช้ของอย่างคุ้มค่า สร้างสรรค์สินค้าและบริการที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกและรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน บทสรุป ถ้าเป็นบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ก็จะหมายถึง การกำกับดูแลกิจการในภาคธุรกิจที่ต้องอาศัยความโปร่งใส รับผิดชอบ และเที่ยงธรรม ทั้งภาคทฤษฎีและภาคการปฏิบัติ โดยผู้มีอำนาจตัดสินใจในบรรษัทภิบาลที่ดี จะต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท (shareholder) และควรปฏิบัติอย่างเสมอภาค เพื่อการดำเนินการภายในองค์กรให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดนั่นเอง โดยทั้งนี้ทั้งนั้นต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากสมาชิกทุกคนภายใน องค์กร โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมอย่างมีจิตสำนึกหรือ จิตสาธารณะ (Public consciousness) ตลอดจนความสมัครสมานสามัคคีร้อยรัด ของสมาชิกที่เข้ามาเพื่อรังสรรค์ สิ่งที่ดีงามแก่องค์กรธุรกิจโดยรวม ในการทำงานของระบบงาน เพื่อความก้าวหน้าและความยั่งยืนต่อไป แต่ถ้าจะให้จำกัดความสั้นๆคือ “ไม่โกง” เปรียบเสมือน ภูมิคุ้มกันที่ดีของระบบ ปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับมาตรฐานของการอยู่ร่วมกันมากขึ้น ความสมานฉันท์ และสังคมเสถียรภาพ สังคมแห่งการเรียนรู้ พิจารณาจาก วิวัฒนาการของการเมือง ที่ขณะนี้เราเป็นยุคที่ 3 ของประชาธิปไตย เริ่มจาก
1.Direct Democracy 2.Representative Democracy3.Participate Democracy สังคมธรรมาภิบาล : ต้องมีความเท่าเทียมกัน มีคนดี ระบบดี คนสุจริต และความโปร่งใส รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ได้วางหลักเรื่อง ธรรมาภิบาลไว้อย่างมากมาย แต่มีปัญหาตรงที่ การนำไปปฏิบัติซึ่งไม่ตรงตราเจตนารมย์ของการร่างรัฐธรรมนูญ ระบบอะไรที่ดีนั้น คำว่าดีมีประสิทธิภาพ มิใช่แค่เพียงการร่างนโยบายที่สวยหรูเท่านั้น การนำนโยบายไปสู่ขั้นตอนการปฏิบัติต้องดีมีคุณธรรม มีประสิทธิภาพด้วย มิฉะนั้นเกิดปัญหาตามมาอีก ในขั้นตอนของการแปลงนโยบายไปใช้ ถ้ามี Human Capital มากๆปัญหานี้คงน้อยลงปัญหาในเรื่องที่คนมักไม่มีความไว้วางใจ กลไกตรวจสอบอีกต่อไปแล้ว ทำให้เกิดช่องว่าง เป็นมหันตภัยที่คุกคามประเทศในเรื่องความมั่นคง การที่จะลดวงจรอุบาทว์ของการรับสินบน คอร์รัปชั่นให้หมดไปเป็นเรื่องที่ยากและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เมื่อไม่มีผู้ให้ก็จะไม่มีผู้รับ หรืออยากรับแต่รอไปเป็นชาติเลย เพราะไม่มีคนให้อีกแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่พอ ภาครัฐบาลในสถานภาพของผู้ใบริการสาธารณะต้อง นำเรื่อง Good Governance มาลดวงจรนี้โดยตัดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากของรัฐบาลลง ทำให้เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เมื่อคนรู้สึกว่าเกิดความรู้สึกสะดวกสบายขึ้น ไม่มีภาระ ไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเวลา จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อความสะดวกอย่างเคยอีกต่อไป เช่นในประเทศโบลิเวีย ที่มีการนำแนวคิดนี้มาใช้แล้วประสบความสำเร็จ และยังสามารถนำเงินที่ถูกต้องนี้มาบริหารจัดการให้เกิดความพึงพอใจ พอเพียงของพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วยการเพิ่มเงินเดือน ให้อีก พนักงานเลยเกิดมีสังคมใหม่ เป็นสังคมวัฒนธรรมแห่งความพอเพียงทั้งกายและใจ นำไปสู่ มาตรฐานธรรมาภิบาล :ประเทศไทยมีคนยากจนที่คิดจากเกณฑ์ว่า มีรายได้ มีความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต ที่ต่ำกว่าเส้นมาตรฐาน ประมาณ 9 ล้านคน ตามสถิติ ของสภาพัฒน์ฯ จึงต้องมีการสร้างดัชนีตัวชี้วัด แล้วหารด้วยจำนวนจังหวัดกับ 9 ล้านคน แล้วแต่ละจังหวัดก็เป็นเจ้าภาพรับไปดูแลต่อ ด้วยการสร้างรายได้ ลดวงจรความยากจน ตามแผนและนโยบายที่ได้ Commit กับประชาชนและจะเป็นผลงานของรัฐบาลในภาพรวม แต่ระบบนี้ต้องต่อสู้กับตนเอง และ หนีสถิติเดิมที่ทำได้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีคนจนเหลืออยู่ดังเช่นคนใน USA และ Singapore และการสนับสนุนให้เกิด พระราชบัญญัติธรรมาภิบาล ให้ประสบความสำเร็จต่อไป.....
นางสาวญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา [email protected]“A LEADING QUALITY UNIVERSITY FOR ALL”
Dear Prof. Chira,
We had K. Aurin Sopchokchai from Government sector as our instructor yesterday, September 8, 2007.
Her topic was on the Ethical Capital and the definition of Good Governance. She described the level of good standard for being good governance and good citizen for the organization, especially for the government sectors.
The Ethical Capital is allignment with the good governance. Ethical is a must for any aspect of life, not only for the work wise but it should be for the moral of life. People are mostly focus only on the human and social capital, the ethical is another key factor for making well output. Most of the countries doing the heavy work on the human capital. Education is the key to develop people and the country. The ethical must be a drive with going together with the human and social capital.
Ethical standard for the country can not be accomplish without the full cooperation from population of the country. Create the awareness of how to be a good citizen and how to be allignment on being good citizen by against the wrong attitude, behavior on the under standard of ethical level is should be influence at all working places not only for government sections.
The right behavior, attitude will creat the better living environment and better society. Develping country, as a macro aspect must concerns on the level of standard of living. This aspect should not be only concern on the income, work , education but should also apply to the main concern on ethical standard.
The important of being good citizen and create good governance as the work wise and broad to the country aspect must be together with the full participation, accountability of the leaders and followers and the tranparency.
Awareness of being good citizen to the society, having good level standard and understand and accept the ethical capital as part of the key standard in life will makes the work place and the society become much better place to lives.
It was one of the key topic which we need to share visions together and learning from the govenment aspect.
Thank you very much & Best regards,
PS: I will not be in class on Saturday 15 September as I will be attending the Marketing Conference in Manila, Phillipine. My apology for the absence. Thank you very much.
Sarah (NaPombhejara) Allapach
SSRU/DM
9/9/07
เมื่อกล่าวถึง Capital จะแบ่งออกเป็นหลายด้าน อาทิเช่น ทุนด้านทรัพยากรธรรมชาติ , Social Capital , Human Capital , ทุนทางเศรษฐกิจ ซึ่งในอดีตจะเน้นการพัฒนา 2 ด้านนี้ เช่น เกาหลี พัฒนาHuman Capital โดยพัฒนาการศึกษา เน้นด้านวิทยาศาสตร์ มีโรงเรียนที่ศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะมานานหลายปีและหลายแห่ง หรือแม้แต่การผลิตโทรศัพท์มือถือ ก็ส่งวิศวกรไปเรียนรู้ยังต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยมีโรงเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์น้อยมาก และเริ่มต้นเพียงไม่นาน ฉะนั้นจึงควรหันมาให้ความสนใจเพื่อส่งเสริมพัฒนามากขึ้น หรือแม้แต่มาเลเซียที่มี Mission ปี 2000 ว่า คนมาเลเซียต้องเป็น Superior ในภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นผู้บริหารประเทศไทย ต้องมีความชัดเจนในทิศทาง มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ แผนบริหารราชการแผ่นดิน มีเป้าประสงค์ เป้าหมาย กลยุทธ์ ตัวชี้วัด ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น
อีกทั้งปัจจุบัน หลายฝ่ายได้หันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะ EU ในเรื่อง Ethical Capital มี Ethical Standard ที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ หันไปยึดปฏิบัติ เช่น Toyota สร้างคุณภาพตีตลาดรถยุโรปหรือGM , เกาหลีผลิตเกมส์ออนไลน์ ที่มียอดขายมากกว่างบประมาณแผ่นดินเรา แต่ต้องถามว่า Ethical Standard อยู่ที่ไหน
ฉะนั้นควรเร่งสร้าง Ethical Standard และ Ethical Capital โดยเฉพาะภาครัฐ หรือระบบราชการ ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคโลกาภิวัตน์หรือสังคมยุคใหม่ เราจะทำอย่างไร ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีเสถียรภาพ อย่างต่อเนื่อง มีมาตรฐานของการอยู่ร่วมกัน มีสันติ สมานฉันท์ ความขัดแย้งลดน้อยลง นำไปสู่สังคมที่มีเสถียรภาพ อีกทั้งยุคประชาธิปไตย แบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ 1. การโหวตโดยตรง 2. มีตัวแทน 3. ประชาชนมีส่วนร่วม
นำไปสู่หลักการบริหารภาครัฐสมัยใหม่ = Good Governance = สังคมมีความเป็นธรรม เท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายทุกเรื่อง โปร่งใส จากการเปลี่ยนแปลงสู่..การบริหารราชการตามหลักการธรรมาภิบาล คือ2. ทำให้มีความโปร่งใสชัดเจน (ทำสิ่งที่คลุมเครือให้หายไป)
จากอดีตสู่ปัจจุบัน มีเรื่องราวมากมายที่สะท้อนถึง Ethical ที่เกี่ยวกับผู้นำประเทศ เพราะผู้นำประเทศเปรียบเสมือนต้นแบบ ในการพาประเทศไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น ประธานาธิบดี บลิน คลินตัน กับ ลูวินสกี หรือแม้แต่ประเทศไทย อดีตนายกทักษิณ เช่นในเรื่องขายหุ้น ฯ ที่เป็นต้นแบบในทางลบ แต่ต้นแบบในทางบวก เช่น นายกรัฐมนตรี,ผู้จัดการธนาคารของญี่ปุ่น ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ธนาคารมีปัญหา เขาเหล่าต่างแสดงความรับผิดชอบจากการบริหารงาน โดยการลาออกทันที ฉะนั้น การที่จะปลูกฝังความมี Ethical ในคน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศได้ ควรเริ่มต้นที่ผู้นำ โดยเฉพาะภาครัฐหรือราชการ ถือเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด มีหน้าที่บริการ รับผิดชอบต่อประชาชน ควรมีความตั้งใจในการทำงาน บริการด้วยความเต็มใจ ต่อประชาชน ต่อประเทศชาติ รวมทั้งมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นธรรม เท่าเทียมกันทุกฝ่าย ยึดมั่นในความถูกต้อง จริงใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รู้จักบุญคุณกตัญญูกตเวทิตา เมื่อผู้นำมีสิ่งเหล่านี้ ความเชื่อถือ ความไว้วางใจย่อมเกิดขึ้นพร้อมเป็นเบ้าหลอมให้ประชาชนในประเทศ ยึดถือและนำมาเป็นแบบอย่างปฏิบัติตาม คุณธรรมและจริยธรรม ความสุข ความยั่งยืน ความมีเสถียรภาพ ย่อมเกิดขึ้น ประเทศก็จะพัฒนาเจริญเติบโตต่อไป......แต่สำหรับประเทศไทย......วันนี้คงต้องถามว่า Ethical Standard อยู่ที่ใด ? มีมากน้อยแค่ไหน ? ช่วยหาคำตอบด้วย.... ขอบคุณค่ะ
การบ้านครั้งที่ 11
“ การสร้างระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล สำหรับทรัพยากรมนุษย์ ”( Ethical Capital)
สอนโดย ดร.อรพินท์ สพโชคชัย
เรียนเสาร์ที่ 8 กันยายน 50
นักศึกษาชื่อ นายพนม ปีย์เจริญ
.......................................
“ กว้างยิ่งกว่าท้องฟ้า ลึกกว่ามหาสมุทร ”
เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เรามา พร้อมๆกับการสร้างมนุษย์ ด้วยการวางไว้ในตำแหน่งสูงที่สุดในร่างกายของเรา และเราเรียกมันว่า “สมอง” หรือ “Brain”
สมองมีความลึกซึ้งซับซ้อนเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆอยู่ตลอดเวลา สมองมีการเรียนรู้และมีพัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้ง ขึ้นอยู่กับการพัฒนาการในการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมมาตั้งแต่ต้น จากการทดลองพบว่า เมื่อมนุษย์แรกเกิดจนถึงอายุ 11 เดือน เขาถูกนับว่าเป็นประชากรของโลก แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาถูกหล่อหลอมด้วยภาษา วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม พฤติกรรมของพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูที่อยู่ใกล้ชิด ตั้งแต่ขั้นปฐมภูมิ ทุติยภูมิ เขาก็จะกลายไปเป็นประชากรของประเทศนั้นๆไปแล้ว
โดยเฉพาะในประเทศไทยของเรา แต่เดิมมาเราพัฒนาและปลูกฝังคนของเรา ด้วยการพัฒนามาจากภายใน คือการพัฒนาทางด้านจิตใจ
ด้วยไตรสิกขา คือ ศีล... การพัฒนาด้านพฤติกรรมสมาธิ... การพัฒนาด้านจิตใจ
ปัญญา.. การพัฒนาด้านความรู้ สติปัญญา
ดังนั้นการพัฒนาคนของไทยเราจึงปลูกฝังเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ไปพร้อมๆกับการพัฒนาด้านความรู้ มาถึงในยุคหนึ่ง เราหันไปพัฒนาตามแนวทางตะวันตก ด้วยการพัฒนาคนจาก Vision และ Skill แล้วละเลยการปลูกฝังพัฒนาทางด้านจิตใจ จนเราได้ “ คนเก่ง แต่ไม่ดี ” มาอยู่ในสังคมระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับผู้นำของประเทศ กว่าเราจะรู้ตัวก็เหมือนทฤษฎี “ กบต้ม ” ไปเรียบร้อยแล้วเราจึงรีบหันมามองเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมกันอีกครั้งหนึ่ง ชนิดที่ถ้าเป็นรถก็เลี้ยวกลับจนเกือบตีลังกาหงายท้องยังไงอย่างนั้น เหตุผลก็เพื่อเราอยากได้สังคมตามที่เราต้องการคือ
1. สังคมคุณภาพ
2. สังคมแห่งการเรียนรู้
3. สังคมแห่งความสมานฉันท์ และเอื้ออาทร
ซึ่งการที่สังคมจะเป็นเข่นนี้ได้ ก็ต้องได้รับการสนับสนุน ร่วมมือจากทั้ง 3 ภาคส่วนคือ
1. ภาครัฐ ที่ต้องมีธรรมาภิบาล ( Good Governance )
ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค และดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีเอาไว้
2. ภาคเอกชน ที่ต้องมีบรรษัทภิบาล ( Corporate Governance )
ทำธุรกรรมด้วยความสุจริตถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม
3. ภาคประชาชน ต้องมีประชาสังคม ( Civil Society )
เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน โดยที่บุคคล ( Individual ) ต้องมีสุขภาพดี มีการศึกษาที่ดี มีการพัฒนาอาชีพ
- กลุ่มหรือทีม ( Team ) ต้องมุ่งเป้าไปสู่การทำให้เกิดรูปแบบของประชาสังคม (Society)
- ชุมชน (Society) ต้องเป็นชุมชนเข้มแข็ง
ซึ่งในความเป็นจริงของโลกปัจจุบัน ในบ้านเมืองเรา สังคมยังยังไม่มีโอกาสเป็นไปตามสังคมที่เราต้องการ เพราะปัญหาต่างๆยังมีอยู่คือ1. ปัญหาความยากจน
2. ปัญหายาเสพติด และ
3. ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น
สาเหตุใดเล่าที่ทำให้สังคมไทยเราเป็นเช่นนี้ และทำไมถึงแก้ไม่หายเสียที สาเหตุหลักๆที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยเพราะ คนไทยเราด้วยกันเอง
1. เกิดจากบุคลิกภาพของคนไทยเราเอง ที่ไม่ชอบเอาตัวเข้าไปยุ่ง เพราะคิดว่าธุระไม่ใช่จึงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และใส่หน้ากากเข้าหากัน เมื่อถึงเวลาที่จะเด็ดขาดก็ใช้หลัก ประนีประนอม รอมชอมกัน2. โครงสร้างทางสังคม เป็นลักษณะโครงสร้างหลวม (Loose Structure) ชอบทำงานเฉพาะกิจไม่ชอบทำงานที่ผูกพันระยะยาว ขาดวินัย มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง คล้อยตามกลุ่ม ที่สำคัญเมื่อมีการกระทำผิดการลงโทษก็อ่อน3. การกล่อมเกลาทางสังคม ขาดต้นแบบที่ดีทั้งในส่วนปฐมภูมิ และทุติยภูมิ ที่ยังขาดแบบอย่างที่จะทำให้สังคมเด็กๆและวัยรุ่น เอาเป็นแบบอย่างได้ ทั้งโรงเรียน เพื่อน กลุ่มอาชีพ และสื่อต่างๆ
4. ค่านิยมระบบอุปถัมภ์
เป็นค่านิยมที่ปลูกฝังมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และถูกพัฒนารูปแบบมาตามกาลเวลา แต่ก็ยังแสดงออกมาในลักษณะประจบสอพลอ ขาดความเสมอภาค มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน และยึดประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม
5. กระแสโลกาภิวัตน์
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ( Cross Culture ) อย่างรวดเร็วจึงทำให้เกิด
- บริโภคนิยม- วัตถุนิยม
- เห็นเงินตราและวัตถุมีคุณค่า มากกว่าคุณธรรมและจริยธรรม
สาเหตุทั้งหลายเหล่านี้คือต้นเหตุของปัญหาของสังคมไทย ที่ทำให้เรามีปัญหาอยู่ทุกวันนี้ เราต้องแก้ไขด้วย 3 ภาคส่วน ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ
ภาครัฐต้องมีธรรมาภิบาล
ภาคเอกชนต้องมีบรรษัทภิบาล
ภาคประชาชนต้องมีชุมชนที่เข้มแข็ง แล้วช่วยกันสร้างให้สังคมเป็นสังคมที่
1. มีคุณภาพ
2. มีการเรียนรู้และภูมิปัญญา
3. สมานฉันท์ และอื้ออาทรซึ่งเราจะต้องทำให้การเมืองบ้านเรา ที่เป็นระบอบประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ด้วยการทำให้การเมืองเป็น การเมืองระบบเปิด ( Political Open System ) ซึ่งจะเป็นการเมืองตามที่ประชาชนต้องการโดยที่
1. ภาคประชาชน
ต้องพยายามสร้างค่านิยมในการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองมากยิ่งขึ้น
2. ภาคตรวจสอบ
ต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ พยายามอย่าให้เป็นลักษณะ “ สภาผัวเมีย ” ดังที่เคยเป็นมา
3. ภาคตัวแทนต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีอุดมการณ์ในการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนโดยแท้จริง
เพราะพรรคการเมืองที่เป็นพรรคเสียงข้างมาก ที่จะเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล และมาใช้อำนาจในการบริหารประเทศ
ทั้ง อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ ต้องได้บุคคลที่มีจริยธรรม คุณธรรม เข้าหลักเป็นคนดีและเก่งด้วย จึงจะเข้ามาช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่เช่นที่เคยเป็นมา
เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองทั้งหลายที่ต้องทำหน้าที่ สรรหา.. ตรวจสอบ.. คัดเลือก.. บุคคลที่จะมาทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับประชาชนในเบื้องต้นเสียก่อน ก่อนที่จะมาให้ประชาชนเป็นผู้เลือกเข้าไปเป็นตัวแทนให้เขาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เราได้ผู้นำที่เป็นคนเก่ง คนดี มีจริยธรรม คุณธรรม ในการบริหารบ้านเมืองอย่างมี ธรรมาภิบาล ด้วยการยึดหลักการต่างๆดังต่อไปนี้
1. หลักคุณธรรม
2. หลักนิติธรรม
3. หลักความคุ้มค่า ในการใช้ทรัพยากร
4. หลักความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
5. หลักการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้เป็นหลักยึดให้กับ ผู้แทนที่จะก้าวไปสู่ผู้นำในระดับต่างๆเพื่อให้ยึดถือปฏิบัติ และถือได้ว่าเป็น KPI ที่สำคัญในการตรวจสอบมาตรฐานของผู้นำในแต่ละระดับของประชาชน.
นายพนม ปีย์เจริญ
Mr. Panom Peecharoen
11.9.2007
Surachet Suchaiya (Mobile: 089 205 3098, [email protected])
HomeWork# 12 Human Capital (1-Sep-07)
Ethic Capital.
ดร. อรพินท์ สพโชคชัย
ดร.อรพินท์ สพโชคชัย ท่านเป็น กรรมการ ก.พ.ร. จบปริญญาโท และ ปริญญาเอก ด้าน Public Administration จากต่างประเทศ
ความรู้ที่ได้จากการเรียนในวันนี้
ดร.อรพินท์ ได้เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานบริหารงานภาครัฐกว่า 20 ปี ให้ผมได้รับทราบและเกิดแนวคิดใหม่ ท่านเล่าถึง กพร.ใช้ระบบ Result Based Management ซ่อมหลักธรรมภิบาลเอาไว้ มีการทำ Bottom Line เป็นเส้นวัด
คุณธรรมกับจริยธรรมในองค์กร Good Corporate Governance ท่านมี คำคมว่า “You must be something right” หมายความว่าคุณทำสิ่งที่ถูกต้อง ได้ยกตัวอย่างการพัฒนาในเรื่องต่างๆที่แฝงไว้ด้วย Ethics
Case Study : เกี่ยวกับเรื่อง Give and Talent ของประเทศเกาหลีใต้.
เรื่องจากประเทศเกาหลีใต้มองเห็นความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องทุนมนุษย์ตั้งแต่เมื่อกว่า 20ปี ที่แล้ว รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ ได้สร้างโรงเรียนที่สอนเด็กที่มีความเก่ง, ความถนัดด้านต่างๆ และมีพรสวรรค์ ทำการเรียนการสอนคล้ายๆกับ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ของเรา แต่ในประเทศไทยมีเพียงแห่งเดียว ประเทศเกาหลีใต้มีโรงเรียนแบบนี้ 20 กว่าแห่งทั่วประเทศ เปิดสอนมากกว่า 20 ปี แล้วในขณะที่ประเทศไทยมีเพียงแห่งเดียวเปิดสอนได้ไม่ถึง 10ปี ปัจจุบันนักเรียนเหล่านี้ของเกาหลีใต้จบออกมาเป็นระดับผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงขององค์กรต่างๆในประเทศแล้ว.
Case Study : การลงทุนด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศเกาหลีใต้ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงการโทรศัพท์มือถือ
ประเทศเกาหลีใต้ผู้นำด้านอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่นโทรศัพท์มือถือ โดย บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในเกาหลี ส่งนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรผู้ออกแบบมือถือ/คอมพิวเตอร์ ไปเข้า course fashion design ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อให้เกิดแนวคิดใหม่ๆในการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลผลลัพท์ที่ออกมานั้น ทำให้เกิดการผลิกโฉมหน้าวงการอุปกรณ์สื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือ จากที่เคยมีแต่ โทรศัพท์มือถือ สีดำและสีเทา กลับมือถือสีแดง , สีเขียว , สีฟ้า เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง , เด็กวัยรุ่น เป็นต้น.
ดร.อรพินท์ยกตัวอย่างของคำบางคำที่ไม่มีคำแปลในภาษาไทย อาจต้องใช้คำหลายๆคำเพื่อบอกความหมายของคำเหล่านี้.
- Integrity คือ เป็นคนดี ยืนหยัดในหลักการ อยู่ฝ่ายดี Integrity คำคำนี้ยังรวมความหมายถึงการสร้างความเจริญให้เกิดขึ้นในสังคมได้ (Civili society) อาจจะเกินกว่าคนในสังคมไทยส่วนใหญ่จะเข้าใจ.
- Accountability คือ ความพร้อมรับผิดชอบ
Case Study : การโกหกของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน กับ โมนิกา ลูวินสกี
อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่ง สหรัฐอเมริกา กับ โมนิกา ลูวินสกี มี "ความสัมพันธ์ไม่เหมาะสม" (inappropriate relationship) ในช่วงที่ลูวินสกีเป็นนักศึกษาฝึกงานในทำเนียบขาว ระหว่าง พ.ศ. 2538-2539 ตลอดเวลาที่มีเป็นคดีอยู่นั้น คลินตัน
ปฎิเสธตลอดเวลาว่า “ไม่เคยมีความสัมพันธ์” ทางเพศกับ ลูวินสกี แต่เมื่อคดีดำเนินมาถึงที่สุด อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ต้องออกมายอมรับ ว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับ
โมนิกา ลูวินสกี ทำให้ประชาชนอเมริกาช๊อคไปตามๆกัน กับการโกหกของผู้นำของเขา.
วิวัฒนาการประชาธิปไตย
Direct Democracy : ประชาธิปไตยโดยตรง.
Representative Democracy : ประชาธิปไตยแบบตัวแทน.
Participative Democracy : ประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วม.
การบริหารตามหลักธรรมาภิบาล
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (การเมืองภาคประชาชนและปัญหาความโปร่งใส่ transparency Problem )
- ปัญหาและกระแสกดดันทางเศษฐกิจสู่การแข่งขันและการอยู่รอด (ภาคเอกชน ภาคผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค Technocrats , ภาควิชาการ , ภาคประชาชน)
- กระแสกดดันเวทีนานาชาติ (มาตรฐานการบริหารจัดการตามหลักประชาธิปไตยและธรรมภิบาล)
รัฐบาลที่แล้ว ในยุคของนายกทักษิณ ชินวัตร ซื้อ Brain ได้ แต่ Ethics ซื้อไม่ได้ รัฐบาลที่แล้วสอบตกเรื่อง Ethics ทำให้เกิดการปฎิวัติ
Unexpected expenses คือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถทราบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่.
ดร.อรพินท์ ยกตัวอย่าง การให้บริการของภาครัฐ เช่น โรงพยาบาล ที่ให้บริการแก่ประชาชน ไม่จำเป็นต้องให้ “ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” แก่หมอและพยาบาล.
Case Study : โบลิเวีย กับการจัดการคอร์รับชั่น.
ในอดีตประชาชนในโบลิเวียเมื่อการธุรกรรมที่ต้องติดต่อกับทางราชการ จะต้องเสียเวลานานมากในการติดต่อ และต้องจ่ายใต้โต๊ะจำนวนมากให้แก่เจ้าหน้าของทางราชการ นายกรัฐมนตรีท่านหนี่งของโบลิเวีย มองเห็นปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเป็นกาฝากของทางราชการอย่างมาก จึงได้จัดการกับเจ้าหน้าที่ที่เรียกรับสินบนเหล่านี้.
จากนั้นเมื่อ kill the big fish แล้ว นายกรัฐมนตรีของโบลิเวียท่านนี้ มีนโยบายให้จัดเก็บค่าธรรมสูงขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อเทียบกับเงินสินบนที่เคยจ่ายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อแลกกับความเร็วในการติดต่อธุรกรรม ถือมากน้อยกว่ามาก. ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นทำให้รัฐได้เงินเข้ามาพัฒนาระบบการบริการให้ดีขึ้น รวดเร็ว.
ปัจจุบันอดีตนายกรัฐมันตรีของโบลิเวียท่านนี้เมื่อครบวาระแล้ว ท่านได้ไปเป็น อาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในโบลิเวีย.
อยากให้ประเทศไทยสามารถทำได้อย่างประเทศเกาหลี ที่อดีตประธานาธิบดีของเกาหลีเคยสร้างความเจริญ ให้ประเทศอย่างมาก แต่เมื่อมีการคอร์รับชั่นเกิดขึ้น ประชาชนของเขาแยกแยะออกว่า สิ่งใดคือความดี สิ่งใดคือความเลว มันสมานท์ฉันกันไม่ได้ เขาไม่ต้องการคนที่เก่งแต่โกงมาก เมื่อมีประธานาธิบดีอีกคนจากที่เคยเป็นแกนนำนักศึกษาล้มรัฐบาลที่โกงได้ แต่เมื่อโตขึ้นมาเป็นรัฐบาลและได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแล้ว ก็แสดงพฤติกรรม “มือหนึ่งทำแต่อีกมือหนึ่งล้วงกระเป๋า” ประชาชนจากที่เยรักก็ไม่ศรัทธา และเมื่อการตรวจสอบดำเนินคดีถึงที่สุด ก็เป็นประธานาธิบดีคนที่สองที่ได้เข้าคุกไปอีกคน. ผิดว่าไปตามผิด ไม่ใช่ คนที่เราชอบผิดไม่เป็นไร ความผิดกองเป็นภูเขาเหลากา ทำเป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขา.
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ (Homework 11)
จากการศึกษาเรื่องการสร้างระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาลสำหรับทัรพยากรมนุษย์(Ethical Capital) กับ ดร.อรพินท์ สพโชคชัย กรรมการ ก.พ.ร. เมื่อวันเสาร์ที่ 8 กันยายน 2550 สรุปได้ดังนี้
หน่าวยงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานที่ผลัดดันให้เกิดคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ในการบริการจัดการภาครัฐ
Capital หมายถึง ทุน ซึ่งในอดีตจะวัดกันที่ปริมาณคน(Human Capital) แต่ปัจจุบันวัดกันที่ความคิดของคน(Thinking Capital)
การที่ EU ขอเข้ามาดูการเลือกตั้งของไทย เขาต้องการมาสังเกตการณ์เรื่องความยุติธรรม ความโปร่งใสของการเลือกตั้ง หรือปัญหาต่างๆอันอาจจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
ฟินแลนด์, สิงค์โปร์ ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มี Ethical Standards
เกาหลีเป็นประเทศที่เป็นผู้นำด้าน Human Capital ของเอเชีย
ปี ค.ศ. 1983 เริ่มนำคำว่า Good Governance มาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะถือว่าประเทศใดมี Good Governance ถือเป็นประเทศที่มีการบริหารแบบโปร่งใส
นักวิชาการของไทยได้มีการบัญญัติศัพท์ คำว่า Good Governance ไว้หลากหลาย เช่น
- ประชารัฐ (โดย ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช),
- ธรรมรัฐ (โดย ศ.พงษาพิชญ์ และ อ.ธีรยุทธ บุญมี),
- สุประศาสนการ(โดยอนุกรรมการบัญญัติศัพท์ทางการบริหารของก.พ.),
- ธรรมมาภิบาล(โดย ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล)
จากการกล่าวถึงบทนำดังกล่าวข้างต้น จะโฟกัสมาที่
ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการปรับกระบวนทัศน์และวัฒนธรรมข้าราชการ
ปี 2539 -2540 เป็นช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออก ประเทศไทยได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก สิ่งที่ตามมาคือ
กระแส 4 I เข้ามามีบทบาทในยุคโลกาภิวัตน์/สังคมยุคใหม่
• Investmant • Industry
• Information Technology • Individual
สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกยุคไร้พรมแดน
โลกยุคโลกาภิวัตน์ เดิมเรียกว่า "โลกานุวัฒน์"
เมื่อพูดถึงธรรมาภิบาลมักจะมองไปที่การบริหารจัดการภาครัฐเป็นหลักและจะมองไปที่ตัวผู้บริหาร ตลอดทั้งมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารจะต้องตระหนักให้มาก ในประเทศไทยเริ่มมีการรณรงค์เรื่องดังกล่าว (คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล) ตั้งแต่เจอกับภาวะวิกฤตในการบริหารบ้านเมือง ในยุคของอดีต นายกรัฐมนตรี ทักษัณ ชินวัตร ซึ่งทำให้ทุก ๆ องค์กรหันมาจริงจังในเรื่องดังกล่าว
จากอดีตในการเป็นผู้นำประเทศตั้งแต่สมัยแรก(2544 -2548) มาถึงสมัยที่ 2(2549) อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บริหารประเทศจนทำให้ประชาชนตายใจจนในที่สุดเป็นไปตามคำพังเพยที่ว่า "ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด" ดังนั้นตั่งแต่ กันยายน 2549 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องต่าง ๆ ที่อดีตนายกรัฐมนตรีทำไว้จึงปรากฏออกมาในเชิงลบต่อสาธารณชนทั่วประเทศ และทั่วโลก แทบไม่เว้นแต่ละวัน
นี่คือ "บทเรียนราคาแพง" ที่สุดของคนไทย และของประเทศไทย ที่ทำให้ต้องหวนกลับมาดูตัวเองว่า "การก้าวเดินอย่างช้าๆ" บางครั้งมันย่อมดีกว่า การก้าวแบบ "ก้าวกระโดด" เป็นไหนๆ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการตำหนิภาครัฐในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล จาก Cast ข้างต้นแล้วก็ตาม แต่การจะสร้างระบบคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล สำหรับทรัพยากรมนุษย์เราก็ต้องมองตั้งแต่ภาครัฐอยู่ดี เพราะถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ นั่นคือภาครัฐควรมีบทบาทหน้าที่ในการกระตุ้น เศรษฐกิจ และดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน(Welfare State)
หลักการบริหารภาครัฐสมัยใหม่
Good Governance <---> New Public Managementโดยข้อ 3 หลักดังต่อไปนี้
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงตรัสกับประชาชนชาวไทยในวันเสด็จขึ้นครองราชย์ นั่นคือ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ซึ่งพระองค์ท่านทรงถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนชาวไทยดังกล่าว จนเห็นได้ว่าพระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญกับเรื่อง "ธรรม" กับการปกครองประเทศ เปรียบเสมือนกับ "ธรรมภิบาล" ในปัจจุบันนั้นเอง
แสดงให้เห็นได้ว่าคนยิ่งเป็นผู้นำระดับสูงมากเท่าใด ยิ่งต้องรักษาคำพูดมากเท่านั้น นั่นคือ "ธรรมาภิบาล" ซึ่งต้องทำให้ได้อย่างที่พูดไว้
หลักการธรรมาภิบาลให้ความสำคัญกับ
• ภาครัฐ • ภาคเอกชน • ภาคประชาชน
ปรัชญาและหลักธรรมาภิบาล
วิวัฒนาการของการบริหารภาครัฐ
- ค.ศ.1950 การบริหารรัฐกิจ แบบดั้งเดิม
- ค.ศ.1970 การบริหารภาครัฐ
- ค.ศ.1980 การบริหารภาครัฐแบบสมัยใหม่
- ค.ศ.2000 การบริหารภาครัฐ ตามหลักธรรมาภิ บาล
ข้อคิดสำหรับผู้บริหารยุคใหม่
"องค์กรธรรมาภิบาล และการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากผู้บริหาร"
• Appreciation • Positive thinking
• Vision and Career path • Self-development
• Role model • Learning by Doing
ข้อคิดสำหรับคนทั่วไป
- Ethic ไม่มีขาย - อยากได้ต้องสร้างเอง
- คนควรยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง และควรทำจึงจะเริ่มสร้างธรรมาภิบาลได้
- มโนสุจริต Integrity ยืนหยัดในหลักการ ใฝ่คุณธรรม
ข้อคิดสำหรับภาครัฐ
- การบริการประชาชนให้เกิดประโยชน์ ต้องยึดหลักดังนี้
- ควรสร้าง Ethical Standards ทั้งระบบ
สรุป คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม เข้าจะให้ทั้ง 3 ส่วนเป็นรูปธรรมได้ ต้องใช้ 3จ. เข้าช่วย
1. ตั้งใจ 2.จริงใจ 3.ใส่ใจ
แล้วนั่นแหละถึงจะรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของคำทั้ง 3 ดังกล่าวข้างต้น
- ขอบคุณครับ -
สิทธิชัย ธรรมเสน่ห์
กรรมการ กพร.
เรียนอาจารย์ดร.จีระ ต้องขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่อาจารย์ได้รับ วันนี้พวกเรารู้สึกแปลก ๆที่ไม่ได้มีการพูดคุยกันก่อนเข้า class แสดงว่าสิ่งที่เงื่อนไขการเรียนนอก class เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ดึงดูดในการเรียนรู้แบบไม่ได้ตั้งใจแต่ได้ประสิทธิผลดี
จากประสบการณ์หลากหลายในระบบการบริหารงานภาครัฐของอาจารย์ ดร.อรพินท์ สพโชคชัย การบรรยายจึงประกอบด้วยการยกเป็นกรณีศึกษาหลายกรณี ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย ชัดเจน โดยมีหลักการบริหารภาครัฐสมัยใหม่ของ กพร.ใช้ระบบ Result Based Management และ bottom line การบริหารภาครัฐสมัยใหม่จะเป็นเรื่อความสัมพันธ์ของ Good governance กับ New Plublic management ซึ่งภายในประกอบด้วย หลักประชาธิปไตย
กลไกการตลาด และการบริหารสมัยใหม่
อย่างไรก็ตาม Human capital เปลี่ยนตามยุคตามสมัยดังนั้นการลงทุนเรื่องทุนมนุษย์จึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในการขับเคลื่อนขององค์กร และเนื่องจากมนุษย์มีความคิดซึ่งมีได้ทั้งด้านที่ดีและไม่ดี ในเรื่องมาตรฐานของคำว่าดี อาจารย์ยกตัวอย่างคำว่า Integrity คือ การเป็นคนดี อยุ่ในหลักการหรือมโนสุจริตที่ดี และสร้างความเจริญให้เกิดขึ้นในสังคมได้ แต่สำหรับคำว่าAccountability คือ ความพร้อมรับผิดชอบ เช่นการฮาราคีรี ของญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนนี้สำหรับวัฒนธรรมของประเทศไทยไม่มี
จากการเปลี่ยนแปลงยุคโลกาภิวัตน์สู่การบริหารราชการตามหลักธรรมาภิบาลซึ่งมีหลายมิติ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ความโปร่งใส ประชาชนมีส่วนร่วม และในทางด้านเศรษฐกิจก็มุ่งสู่การแข่งขันเพื่อการอยู่รอด และกระแสกดดันเวทีนานาชาติ ประชาคมโลกต่างให้ความสำคัญของ Ethic capital ซึ่งเป็นหนึ่งในทฤษฎี 8K's ของดร.จีระ หงส์ลดรมภ์
เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๐ อาจารย์อรพินท์ สพโชคชัย ซึ่งเป็นกรรมการ ก.พ.ร. ได้มาบรรยายในเรื่อง “การสร้างระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาลสำหรับทรัพยากรมนุษย์ (Ethical Capital)” โดยได้ชี้ให้เห็นว่าทุนมนุษย์นั้นจะให้ความสำคัญเฉพาะในเรื่องความรู้หรือความเก่งอย่างเดียวไม่ได้แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเน้นให้ความสำคัญ พัฒนา และส่งเสริมในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม เพราะหากได้คนเก่งแต่เป็นคนไม่ดี ก็จะทำให้ชาติล่มจมได้ ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็นทั่วโลก ภาครัฐต้องให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดธรรมาภิบาล (Good Governance) ซึ่งอาจารย์อรพินท์ได้นำเสนอว่าหลักการธรรมาภิบาลนั้นให้ความสำคัญกับหลักความสุจริตชัดเจน และโปร่งใส (Honesty and Transparency) หลักความพร้อมรับผิดชอบ (Accountability) หลักคุณธรรม จริยธรรมและมโนสุจริต (Integrity) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) และหลักความเท่าเทียมกันในสังคมและเป็นธรรม (Equity and Fairness) อาจารย์อรพินท์บอกว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนนโยบายในเรื่องนี้อย่างแข็งขัน โดยมีการสร้างกลไกการปฏิบัติงาน รวมทั้งกลไกการติดตามประเมินผลและตรวจสอบ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ก็เพิ่มความเข้มข้นในเรื่องการตรวจสอบจริยธรรมไว้ค่อนข้างมากและครอบคลุมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ โดยให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหน้าที่นี้ ซึ่งก็คงจะต้องติดตามดูกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผม(รักษเกชา)เห็นว่าลำพังองค์กรภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ทุกภาคส่วนของบ้านเมืองจะต้องรวมพลังช่วยกัน ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคม (Civil Society) ความจริงแล้วเรื่องจริยธรรมไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันเฉพาะตอนเกิดวิกฤตเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่จะต้องปลูกฝังให้อยู่ในกมลสันดานตั้งแต่เด็ก แต่เราเองบางครั้งกลับมีส่วนในการทำให้เด็กรับรู้เรื่องการติดสินบนตั้งแต่วัยเยาว์ เช่น นอนซะลูกเดี๋ยวตื่นมาจะพาไปเที่ยว และบางคร้งก็ไม่ได้ส่งเสริมให้เด็กเป็นผู้คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาช่วยแก้ไขสิ่งผิด เช่น เราอาจจะบอกเด็กว่าเห็นอะไรไม่ถูกต้องให้บอกนะ แต่ครั้นเด็กมาบอก นอกจากเราจะไม่เอาธุระหรืออธิบายให้เด็กเข้าใจเพราะอาจเป็นการเข้าใจผิดได้แล้ว เรายังกลับบั่นทอนกำลังใจเด็กด้วยการดุว่าเด็กคนนี้ทำไมเป็นคนช่างฟ้องจัง ซึ่งพอโตขึ้นเห็นความไม่ถูกต้องของบ้านเมืองก็อาจจะเฉยๆ ขืนพูดไปเดี๋ยวกูซวยอีก ซึ่งก็มีให้เห็นเช่นกัน เหตุเช่นนี้อาจดูเป็นเรื่องเข้าใจได้ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปสู้รบกลับใคร แต่หากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือภาคธุรกิจเอกชนที่มีอำนาจวาสนาหรือบทบาทอำนาจหน้าที่โดยตรงล่ะ มิใช่เป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือ เรื่องนี้อาจโต้แย้งได้ว่าต้องเป็นไปตามหลักฐาน ก็จริงอยู่ แต่ในเรื่องจริยธรรมมันต้องการอะไรมากกว่านั้นคือถึงแม้จะไม่ได้มีกฎหมายห้ามไว้ แต่หากเห็นว่ามันขัดต่อมโนสุจริตหรือ integrity แล้ว เราก็เลี่ยงที่จะไม่ทำมันได้ เมื่อก่อนเคยมีบทเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม แต่เดี๋ยวนี้วิชานี้ไม่รู้ว่านำเอาไปใส่ไว้ในบทเรียนช่วงไหน แต่ไม่เห็นวิชานี้มีการสอนกันเป็นบทเรียนวิชาหนึ่งเลยเหมือนเมื่อก่อน หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะอย่างนี้หรือเปล่า บ้านเมืองเราจึงประสบปัญหาเรื่องจริยธรรมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนหรือสาขาวิชาชีพที่ควรจะมีจริยธรรมมากกว่ากลุ่มอื่นด้วย (ขออนุญาตที่จะไม่ระบุวิชาชีพ แต่สังคมคงใช้วิจารณญาณได้ว่ามีอะไรบ้าง) การเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องต้องเริ่มตั้งเด็กในยามที่เป็นไม้อ่อน เพื่อไม่ให้ดัดยากในตอนแก่ และไปก่อให้เกิดปัญหากับบ้านเมือง โดยเฉพาะผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โตทั้งหลายในบ้านเมือง จำเป็นต้องได้คนเก่งที่ดี คำเปรียบเปรยที่ว่า “ไวน์ดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ไวน์แพงจำเป็นต้องดี” สามารถนำมาใช้เทียบเคียงกับกรณีนี้ได้ คือ “คนดีไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง แต่คนมีตำแหน่งจำเป็นต้องดี” และผมว่าจริยธรรมที่แท้มันมีปรัชญาเช่นที่ว่านี้จริงๆ
รักษเกชา แฉ่ฉาย
จากการฟังบรรยายเมื่อวันเสาร์ที่ 18 กันยายน 2550 ETHICAL CAPITAL
อาจารย์ อรพินท์ สพโชคชัย
ดิฉัน นางสาว กฤษณา ปลั่งเจริญศรี ได้รับความรู้ ความเข้าใจ
การบริหารราชการแผ่นดิน ควรยึดหลักธรรมาภิบาล และมีการปรับปรุงระบบราชการ เพื่อให้มีประสิทธิผล และสนองความต้องการของประชาชน
หลักธรรมาภิบาล
หลักการบริหารราชการที่ดี ได้ยึดถือตาม พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินตาม ม.3/1
การบริหารราชการตาม พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินตาม ม.3/1 นี้ ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ ทางลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจ และยุบหน่วยงานเล็กๆ ที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจ และทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงาน
มีการปรับปรุงระบบราชการ
แนวทางสำหรับผู้บริหารนำไปปฏิบัติ
จากการบรรยายของอาจารย์ อรพินท์ สพโชคชัย ด้าน MACRO รัฐบาล “ทักษิณ” ได้วางนโยบายไว้หลายเรื่อง มีทั้งดี และไม่ดี
ช่วยเหลือคนจน 30 บาท รักษาทุกโรค ทำให้ประชาชนได้รับการรักษาโรค โดยไม่ต้องเป็นหนี้สินเพิ่ม และสาเหตุของโฉนดที่ดินที่ถูกยึด เนื่องจาก ต้องเดินทางไปถนนสายนายทุน คือต้องไปขอยืมเงินจากนายทุน เพื่อไปทำการรักษาโรคที่เกิดขึ้นกับครอบครัว และเมื่อไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล จึงต้องจำยอมเสียดอกเบี้ยคิดรายวัน 100 บาท ต่อเงินต้น 100 บาท ให้นายทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว
การทำให้ประชาชนมีหนี้สินลดลงบางส่วน ทางกระทรวงสาธารณะสุขได้เล็งเห็นว่าการนำเข้ายารักษาโรคควรจะลดลง เนื่องจากองค์การเภสัชกรของประเทศไทยก็สามารถผลิตหรือปั๊มยาเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำเข้ายาที่มีต้นทุนสูงมาก ทำให้ประเทศไทยมีงบประมาณในการบริหารด้านโรงพยาบาลของรัฐเพิ่มมากขึ้น
ดิฉัน นางสาว กฤษณา ปลั่งเจริญศรี ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ อรพินท์ สพโชคชัย ที่ให้ความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 8 กันยายน 2550
บรรยายโดย ดร. อรพินท์ สพโชคชัย
บรรยายเรื่อง การสร้างระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาลสำหรับทรัพยากรมนุษย์ (Ethical Capital) การปรับกระบวนทัศน์ และวัฒนธรรมข้าราชการวิวัฒนาการของระบบการบริหารราชการแผ่นดิน
1. ระบบการบริหารราชการยุคต้น (ปลายทศวรรษที่ 19)
- การบริหารหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (Frederick Tailor)
- การสร้างระบบราชการที่เป็นสถาบันที่เป็นมืออาชีพ ใช้ระบบคุณธรรมปลอดการแทรกแวงทางการเมือง (Max Weber)
- สร้างระบบราชการเป็น Rule-based ที่เรียกว่า Public Administration
2. ค่านิยมความเชื่อว่ารัฐควรมีบทบาทหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน (Welfare State)
- ภาครัฐจำเป็นต้องแทรกแซง และให้บริการสาธารณะหลักๆ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความเป็นธรรมในสังคมความพยายามในการปรับเปลี่ยน
1. กระบวนการบริหารราชการที่ได้รับอิทธิพลจากนักคิดเชิงระบบ และเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิกถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่สามารถเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
2. เกิดกระแสกดดันทางการเมืองภายใต้การบริหารราชการดั้งเดิม
- ด้านการเงินการคลัง
- ด้านคุณภาพบริการ และการบริหารงาน
- การปรับเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับบทบาทของภาครัฐ (บทบาทของภาคประชาสังคมในการกำหนดนโยบาย) หลักการบริหารภาครัฐสมัยใหม่ New Public ManagementGood Governance |
New Public Management |
หลักประชาธิปไตย |
หลักกลไกตลาด |
หลักการบริหารสมัยใหม่
|
1. หลักการและทฤษฎีในการบริหารจัดการในองค์กรภาครัฐและเอกชนไม่น่าจะแตกต่างกัน ดังนั้น อาจจะใช้ทฤษฎีการบริหารจัดการที่เหมือนกันได้ประยุกต์
2. จำเป็นต้องปรับจากการบริหารที่เคยเน้นความรับผิดชอบต่อกระบวนการ กฎ ระเบียบ มาสู่การบริหารที่รับผิดชอบต่อเป้าหมาย และผลงาน ผู้บริหารงานสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับการวางระบบความรับผิดชอบต่อผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบมากกว่ากระบวนการ
3. เน้นการประยุกต์ให้ความรู้ความชำนาญในการบริหารจัดการ ผู้บริหารต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ และทักษะการบริหารและวิชาการที่เกี่ยวกับงาน
4. กระจายอำนาจการควบคุมลงสู่ผู้ปฏิบัติให้มากที่สุด โดยต้องถ่ายโอนอำนาจการบริหารและการตัดสินใจลงสู่ระดับล่าง ควบคู่ไปกับการจัดระบบการควบคุมผ่านการรายงานผลงานที่มีประสิทธิภาพ การติดตามตรวจสอบ และจัดกระบวนการความรับผิดชอบ
5. แยกหรือสลายระบบราชการขนาดใหญ่ให้เล็กเท่าสุดเท่าที่จะทำได้ (Small is beautiful) แบ่งแยกระบบการบริหารงาน ขององค์กรขนาดใหญ่ออกเป็นรูปแบบการบริหารงานต่างๆ นอกภาคราชการ (quasi – autonomous agencies, non – and commercial functions)
6. สร้างความเป็นเจ้าของในระดับล่าง วางระบบการแข่งขัน และระบบการซื้อบริการสาธารณะ มุ่งให้ภาคเอกชนหรือภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมดำเนินการ โดยให้ความสำคัญในการสร้างระบบการแข่งขัน (Contestability) ใช้งบประมาณในการจ้างงาน แทนการดำเนินงานโดยหน่วยงานภาครัฐ
7. ใช้ระบบสัญญาที่ระบุถึงผลงานและประสิทธิผลที่ชัดเจน แทนการจ้างหรือมอบหมายที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเป็นวิธีการของภาคเอกชนในการจ้างงาน เช่นการจ้างบุคลากรระยะสั้นๆ ใช้การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ การทำแผนปฏิบัติงาน การจัดทำข้อตกลงการปฏิบัติราชการ การเชื่อมโยงหลักการปฏิบัติงานกับระบบการให้ค่าตอบแทนและรางวัล
8. การใช้การเงินรางวัลเป็นเครื่องจูงใจการทำงาน โดยประยุกต์ใช้หลักปฏิบัติที่เหมาะสมจากภาคธุรกิจเอกชน เช่น การจ้างตามสัญญาจ้างพร้อมระบบสวัสดิการที่เหมาะสม การให้รางวัลตอบแทนวัดผลสำเร็จของงาน และอาจจะเน้นการให้รางวัลเป็นตัวเงิน (Performance Pay)
9. ให้ความสำคัญในการบริหารงานที่ลดค่าใช้จ่าย การสร้างประสิทธิภาพและการลดขนาดระบบบริหารจัดการ
10. เน้นหลักความเป็นธรรมจากการเปลี่ยนแปลงสู่....การบริหารราชการตามหลักการธรรมาภิบาล
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (การเมืองภาคประชาชน และปัญหาความโปร่งใส)
- ปัญหาและกระแสกดดันทางเศรษฐกิจ สู่การแข่งขันและการอยู่รอด(ภาคธุรกิจเอกชน ภาค technocrats ภาควิชาการ และภาคประชาชน)
- กระแสกดดันเวทีนานาชาติ (มาตรฐานการบริหารจัดการตามหลักประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล)หลักการธรรมาภิบาลให้ความสำคัญกับ
- ความสุจริต ชัดเจน และโปร่งใส (Honesty & Transparency)
- ความพร้อมรับผิดชอบ (Accountability)
- คุณธรรมจริยธรรม และมโนสุจริต (Integrity)
- การมีส่วนร่วม (Participation)
- มีความเท่าเทียบกันในสังคม และเป็นธรรม (Equity and Fairness)ปรัชญาและหลักธรรมาภิบาลในภาครัฐ
- หลักสังคมประชาธิปไตยที่เคารพสิทธิ และความเท่าเทียมกัน (Equity) ของประชาชน เน้นหลักการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หลักการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม การจัดบริหารสาธารณะที่มีคุณภาพ และมีคุณค่าปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ
- หลักความรับผิดชอบ (Accountability) ต่อการตัดสินใจสาธารณะ เน้นความเป็นมืออาชีพ การยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง มีความซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ มี Integrity และมีคุณธรรม
- หลักยุติธรรม (Fairness) เน้นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน กระจายบริการสาธารณะ กำหนดกติกาเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม บริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล
- หลักความโปร่งใส (Transparency) เน้นการบริหารราชการอย่างซื่อสัตย์สุจริตเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย บริหารราชการที่ชัดเจน และโปร่งใส
- หลักการมีส่วนร่วม (Public Participation) เน้นการกำหนดนโยบาย และการให้บริการสาธารณะโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมในกระบวนการรับรู้ เรียนรู้ การให้ข้อเสนอแนะ การรับฟังความคิดเห็น การให้ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้อง และร่วมตัดสินใจ มีการกำหนดแนวทาง กฎหมายและมีโครงสร้าง ระบบการบริหาร และข้าราชการที่พร้องและเข้าใจการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม การพัฒนาระบบราชการระบบราชการในอดีต | หลักในการพัฒนาระบบราชการ | ระบบราชการที่พึงปรารถนา |
- เป็นระบบราชการที่บริหารงานแบบดั้งเดิม | - ประยุกต์หลักการบริหารราชการยุคใหม่ (NPM) | - สนองความต้องการและประโยชน์สุขของประชาชน- บริหารงานมุ่งผลสัมฤทธิ์- ประสิทธิภาพประสิทธิผล- เน้นหลักคุ้มค่า ทันสมัย |
- มีปัญหาด้านธรรมาภิบาล | - สร้าง GOOD GOVERNENCE | - เที่ยงธรรมและรับผิดชอบ- ยืนหยัดในความถูกต้อง- ประชาชนมีส่วนร่วม- สุจริต โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ |
การพัฒนากระบวนทัศน์วัฒนธรรมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีสำหรับภาคราชการ และข้าราชการ
- วัฒนธรรมข้าราชการ
- วัฒนธรรมองค์กร
- วัฒนธรรมการบริหารราชการ
- วัฒนธรรมการให้บริการประชาชน
การพัฒนาระบบราชการและบทบาทพฤติกรรมของข้าราชการเพื่อส่งเสริมและสร้างส่วนราชการให้มีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีข้อคิดสำหรับผู้บริหารยุคใหม่
“องค์กรธรรมาภิบาลและการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากผู้บริหาร”
- ทำความเข้าใจและเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้น (Appreciation)
- คิดเป็นคุณและคิดเป็นธรรม (Positive thinking)
- กำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมายการทำงาน และอนาคต (Vision and career path)
- เดินหน้าพัฒนาตนเอง (Self - development)
- เป็นคนดีมีอุดมการณ์ ราชการและเป็นตัวอย่าง (Role modle)
- บริหารชีวิตอย่างสมดุล มีสติและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด แนวทางในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
- ทำความเข้าใจประเด็นที่ต้องเปลี่ยนแปลง “what and why”
- กำหนดแผนและแนวทางเพื่อการเปลี่ยนแปลง “How, when and who responsible”
- เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลง “what actions and how much”
- สร้างวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง “keep change momentum”
ในวันนี้นักศึกษาปริญญาเอกได้มีโอกาสพบกับท่าน อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด ก่อนเริ่มบทเรียนอาจารย์ได้อบหมายให้นักศึกษารวมกลุ่มกันเพื่อเล่นเกม Jigsaw โดยกำหนดเวลาให้ 3 นาทีและถือว่าเป็น KPI ในการเล่นเกม อาจารย์ได้สังเกต และประเมินการเล่นเกมของนักศึกษาโดยตลอด และก็มอบอุปกรณ์เพิ่มเติมให้เพื่อเป็นตัวช่วยให้เป้าหมายของภารกิจง่ายขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนการที่ผู้บริหารคอยอำนวยการให้การสนับสนุนทรัพยากรที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานที่ได้มอบหมายไปแล้วให้ประสบความสำเร็จนั่นเอง เกมนี้สนุกและแฝงไปด้วยกุศโลบายในเทคนิคการถ่ายทอดความรู้ของท่านอาจารย์ที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ทำให้เราทราบและมีความเข้าใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้นจากเกมที่ได้เล่น ได้แง่คิดในเรื่องของการทำงานมากมาย การทำงานใดที่ได้รับมอบหมายต้องมีความร่วมมือที่ดี การวางแผนการทำงาน การใช้ระบบคิดที่สอดคล้องกับความสำเร็จของงาน เรากำลังจะกล่าวถึงเรื่องที่จะได้ศึกษาร่วมกันในวันนี้ คือ Organization alignment การทำงานที่ไม่มีจุดหมาย เปรียบเสมือนการต่อภาพ Jigsaw ที่มองไม่เห็นภาพและทิศทางขององค์กร และเปรียบเหมือนกับการพายเรือไปกันคนละทิศคนละทาง ไร้จุดมาย ยากที่จะบรรลุวัตถุประสงค์และความสำเร็จขององค์กรได้ เสียเวลา เสียทรัพยากร และสัมพันธ์กับเรื่องของ Leadership ด้วย แม้ว่ามีภาวะผู้นำที่สูงอย่างไรก็ต้องคำนึงถึงเรื่องธรรมาภิบาล Governance ด้วย เรื่องของการ Alignment ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ (แผน 10) ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาคนเอาไว้มากมาย สิ่งที่สำคัญคือการให้การศึกษากับคนซึ่งเปรียบเหมือนกับการพัฒนาทุมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการเองก็มีการให้ความสำคัญกับการพัฒนา การศึกษาของคนให้มากขึ้นก็จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สรุปได้ว่า The Unfocused Organization ให้คนทำงานกันแบบไร้ทิศทาง ทำให้เกิดความสูญเสียทรัพยากรที่เกินกว่าความจำเป็นที่ควรเป็นไป และแตกต่างจาก The Aligned Organization ซึ่งมีผลกระทบในด้านที่ดีต่อองค์กรเป็นอย่างมากในองค์กรธุรกิจมักให้ความสำคัญกับเรื่องของ ผลกำไร ผลประกอบการของธุรกิจ Business Governance เช่นเรื่องผลประกอบการPerformance โดยมุงเน้นที่จะสร้าง วิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ แต่ควรจะมุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของ Corporate Governance เช่นเรื่องของConformance ก็จะดีไม่น้อย เพื่อให้เกิดมีAccountability Assurance เช่น การหาคนมารับผิดชอบในเรื่องต่างๆของบริษัทที่เกี่ยวกับ ที่มาของคณะกรรมการอิสระที่จะมามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ทิศทางของบริษัท กลุ่มคนเหล่านี้เองควรจะนำมาซึ่ง Knowledge และ Know how ตลอดจนการ Oriented Board Member เพื่อให้ทุกคนมีทิศทางเดียวกันเห็นภาพของบริษัทร่วมกันเป็นภาพเดียวคือ Organization Vision ร่วมกันนั่นเอง...เป็น Traditional เพื่อใช้ในการกำหนด ค่านิยม แล้วค่านิยมนี้เองจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของคนทำงานให้มีผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจขององค์กร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเดียวกันกับการกำหนด Vision Mission Values Goals Objectives นั่นเองเพียงแต่ว่า เดิมนิยมใช้เป็นแบบนั้นมากกว่า ความหมายก็เป็นไปในทางเดียวกันคือเรื่องของทิศทางของธุรกิจว่าเราจะเป็นใคร และอยู่ในจุดไหนของธุรกิจMission คือการตอบคำถามให้ได้ว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไร เช่น ก็จะเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรมเพื่อความพึงพอใจของประชาชนทั่วไปและมีวิสัยทัศน์ที่บอกให้โลกรู้ว่าเขาจะต้องมีสินค้าที่มีเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ในอดีตที่คนมองว่าสินค้าของทางญี่ปุ่นไม่มีคุณภาพ เมื่อ Sony กำหนดวิสัยทัศน์ไว้เช่นนี้ นั่นก็หมายความว่า ฝ่ายวิจัยและพัฒนาสินค้าจะต้องทำอะไรบ้าง Value นั้นสามารถนำมาเป็น วิสัยทัศน์ หรือ พันธกิจก็ได้ และ ของ Sony ก็คือการมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพสินค้าและคน และเป็นผู้บุกเบิกซึ่งต้องคำนึงถึงเรื่องของ Trust ซึ่งสร้างยากกว่า Competencyแต่ในปัจจุบันนิยมใช้คำว่า Brand Statement มากกว่า แต่ที่สำคัญคือต้อง Align กับ วิสัยทัศน์และ พันธกิจ และในเรื่องของกลยุทธ์นั้น ต้องพัฒนาคนให้มีความเป็น Dynamic สามารถปรับเปลี่ยนได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานตาม Procedure ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของคนในการทำงานร่วมกัน ซึ่งคนนั้นมีหลายประเภทที่แตกต่างกันไป เช่น ยกตนเป็นที่ตั้ง , คนประเภทที่ยอมให้คนอื่นก็จะได้ความสัมพันธ์ที่ดีแต่ผลงานอาจจะออกมาไม่ดีเพราะไม่มีความคิดเห็นเป็นของตนเองเลย ,คนประเภทหลีกเลี่ยงปัญหา, คนที่ประนีประนอม แต่การประนีประนอมนั้นอาจส่งผลให้เกิดผลงานได้ไม่เหมาะสมแม้ว่าจะมีความยุติธรรมก็ตาม,ส่วนคนประเภทที่ดีที่สุดในการทำงานคือประเภท Collabolative เพราะจะทำให้เกิดทั้งผลงานและความสัมพันธ์ที่ดีของการทำงานร่วมกัน ดังกล่าวว่า...Good leader creates good culture and motivated working environment …นางสาวญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา คณะวิทยาการจัดการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
“A LEADING QUALITY UNIVERSITY FOR ALL”Dear Prof. Chira,
I missed Human Capital class on Saturday 15 September, 2007 as I was attending Baker & McKenzie's Regional Marketing Conference in Manila during 12-15 September, 2007.
I recieved a class material from AJ Supara and after reading through the handouts, I found it very much an essentail topic to be discussed.
K. Potchanart Seebungkerd was the lecturer and her topic was "Workforce Alignment in an Organization".
This is one of the essential topic and it's always an issue among the organization of how the employees have the understanding of the vision, mission, strategy of their organization. How can we reach our goal? How can we achieved our target? These questions would come up among most of the board meeting, manager meeting etc. However, the vision, mission, strategy will not become the key of the organization if the employee do not have their engagement and their responsibilities in working as a team.
Workforce Alignment is a must and key factor for all type of organization. It doesn't take much to be on the same direction but it's not easy to get the team in one alignment. This is always a difficult issue to get the message across to everyone in the organization. The employee engagement can not be happen and the management drive can not be accomplished if the rest of the employee are not in the same direction.
The individual's vision and the company's vision must be on the shared purpose. The mission can happen if both individual employee and the management or owner of the company can get the understanding and message is going through the team as a holistic perception.
Direction of the company or organization must come from :
-Mission or company's core purpose, who is our group of customers and what value can the company offer to the customer?
-Vision or what does the company wishes to be known as?
-Values or what are the company's principles and behavior? What are the company cherish and uphold?
K. Potchanart has her theory and illustration on the "Workfoce Alignment Model for Successful Strategy Execution". It's very interesting of the way these transations works. The illustration showing as :
1. Aligned Goals
2. Business Acumen/Skills
3. Measured Accountabilities
4. Linked Rewards
5. Ownership Thinking
These are the step to follows in making the "smooth landing". The company must understand and able to coach their employee into the right direction. The implementation can easily happen if the clear message has been interpretred in the right way and clearly understanding.
Successful is the key words. At the end of the day, the company is looking for the dynamic support from the staff. Working as the team and having the clear directions will lead to the "Workforce Alignment".
"Together we acheived more" would be the clear meaning if the company can set up the implementation and the accomplishment can happen within the target.
K. Pochanart's class and her topic is always useful and fruitful for the class. I do hope to have her as my lecturer again in the near future.
Thank you very much & Best regards,
Sarah (NaPombhejara) Allapach
SSRU/DM.
16 September, 2007
การบ้านครั้งที่ 12
เสาร์ที่ 15.9.2007
อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด
เสนอโดยนายพนม ปีย์เจริญ
..............................................
Workforce Alignment in an Organization
ในการบริหารจัดการให้องค์กรมุ่งสู่จุดมุ่งหมายที่เราต้องการ สิ่งที่เราปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง คือการที่คนในองค์กรของเรามีความเข้าใจ มีจุดมุ่งหมาย มีความร่วมมือร่วมใจมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน เพราะมันจะทำให้เกิดพละกำลังในการฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการที่รอเราอยู่ข้างหน้า ทั้งจากคู่แข่ง จากปัญหาที่เราคาดไม่ถึง อันเกิดจากปัจจัยต่างๆ อีกทั้งเงื่อนไขที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลกโลกาภิวัตน์อยู่ตลอดเวลา
แต่ถ้าหากคนในองค์กรของเรา ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ไม่มีการปรึกษาหารือกัน เกิดความขัดแย้งกันตลอดเวลา ทำให้สัมพันธภาพในองค์กรแย่ ขาดความจริงใจต่อกัน ต่างคนต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันละกันหวาดระแวงกันอยู่ตลอดเวลา ทุกคนสนใจแต่เรื่องของตัวเอง กลุ่มตนเองทำงานกันไปคนละทิศละทาง ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้นอกจากจะไปไม่ถึงเป้าหมาย หรือไปถึงช้าแล้วยังจะสร้างความเสียหาย เสียโอกาสดีๆที่รอเราอยู่ข้างหน้าด้วย
ดังนั้นผู้นำในองค์กรจะต้องทำให้พนักงานทุกระดับมุ่งหน้าสู่เป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน ผมจึงมองว่าผู้นำมีบทบาทอย่างยิ่งที่จะทำให้องค์กรและคนในองค์กรมีความสอดคล้องกันในการก้าวเดินไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน ผู้นำจึงต้องมีคุณสมบัติที่ดีและพร้อมที่จะนำพาให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้อย่างราบรื่น โดยไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคใดๆที่รออยู่ข้างหน้า
ผู้นำที่จะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายจึงควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีความรู้ความสามารถในการบริหารองค์กร ( Organizational Ability )
2. มีความสามารถในการบังคับบัญชา หรืออำนวยการได้เป็นอย่างดี ( Direction and Leadership)
3. เป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวกในการตัดสินใจของทีม ( Facilitating Team Decision Making)
4. เป็นผู้กระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงาน ( Motivation)
5. มีความสามารถในการประสานความขัดแย้ง ( Conflict Resolution)6. มีความสามารถในการสร้างความเป็นเอกภาพของทีม ( Team Unification)
7. มีความสามารถในการมองการณ์ไกล และเข้าถึงงานต่างๆได้ ( Visibility And Access Ability)
8. มีความสามารถจัดการและเชื่อมโยงผู้บริหารในระดับสูง หรือมีการเชื่อมโยงสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหาร ( Top Management Linkage )
ผู้นำจึงต้องมี Vision ที่ต้องมองข้าม shot และคาดการณ์ล่วงหน้าได้ดีและแม่นยำ พร้อมทั้งต้องกำหนด Mission Objective values Goals ว่าเราจะทำอะไร อย่างไร เสร็จสิ้นเมื่อใด เพื่ออะไรในที่สุด ทุกอย่างต้องมีความสอดคล้องกันในทุกด้าน และไปในทิศทางเดียวกันในลักษณะ The Aligned Organization
ในส่วนของ Workforce Alignment Model for Successful Strategy Execution อันประกอบด้วย
1. Aligned Goal
2. Business Acumen Skills ที่ต้องประกอบไปด้วย - ความรู้ Knowledge - ความเข้าใจ Understand เพราะบางคนมี ความรู้แต่ไม่มีความเข้าใจ
3. Measured Accountabilities
4. Linked Rewards
5. Ownership Thinking
ไม่ว่าเราจะดำเนินกลยุทธ์อะไรก็ต้องตอบโจทย์นั้นด้วย ที่สำคัญทุกภาคส่วนที่กล่าวมานี้ ต้อง Align กันทั้งหมด อย่าลืมว่าในองค์กร องค์กรหนึ่งเฟืองทุกตัวมีความสำคัญแตกต่างกันออกไป แต่ที่สำคัญเฟืองทุกตัวต้องหมุนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การสนับสนุนกันและกัน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
พึงระลึกไว้เสมอว่า “ เขาและเราทำให้สำเร็จได้ ” เฉกเช่นชายหาดสวยมิได้เกิดจากทรายเพียงเม็ดเดียว แม่น้ำใหญ่ก็มิได้เกิดจากน้ำหยดเดียวเช่นกันเพราะ....
“ แต่ละเกล็ด เม็ดทราย เป็นชายหาดแต่ละหยด แต่ละหยาด เป็นธารใส
แต่ละจิต รวมใจ เป็นหนึ่งใจ
แต่ละเล็ก สร้างใหญ่ ให้องค์กร ”
นายพนม ปีย์เจริญ
Mr.Panom Peecharoen
18.9.2007
เรื่อง.. Workforce Alignment In an Organization
ก่อนการเรียนในวันนี้ อาจารย์เริ่มต้นด้วยการ ให้พวกเราแบ่งกลุ่มเพื่อต่อ Jigsaw รูปต่างๆแข่งกัน โดยให้เวลา 3 นาที ซึ่งหลายท่านคง งง ? ว่า ทำไมอาจารย์ต้องให้พวกเราต่อ Jigsaw ถือเป็นเทคนิคชั้นเยี่ยมของอาจารย์ในการที่จะนำพาพวกเราเข้าสู่บทเรียน เพราะในการต่อ Jigsaw อาจารย์พยายามช่วยโดยการมีเครื่องมือช่วย ซึ่งหลายกลุ่มก็ร้องขอ แต่บางกลุ่มก็ไม่ร้องขอ เมื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน ทำให้ทราบว่า การต่อ Jigsaw ต้องมีกรอบแนวคิด วางแผน เวลา รูปตัวอย่างหรือต้นแบบ ร่วมมือร่วมใจ เปรียบได้กับ การที่ผู้บริหารมอบหมายงาน ถ้าพนักงานมีข้อมูลไม่เพียงพอแก่การทำงาน ก็ต้องทำการหาข้อมูลเพิ่ม หรือนำประสบการณ์จากที่อื่นมาใส่ และทิศทางต้องไปทางเดียวกับ Target ถ้ามีหลายทิศทาง จะไม่มีการโฟกัสไปสู่จุดหมาย ฉะนั้น Leadership มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ในส่วนของ Enterprise Governance แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
ซึ่งการเป็นผู้นำนั้นเป็นได้ไม่ยาก แต่การเป็นผู้นำที่ดีให้ได้นั้น ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ของการบังคับบัญชา ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐต้องมีความรู้บางอย่างในทุกอย่าง หรือรู้ทุกอย่างในบางอย่าง “ Know Something in Everything “ หรือ “ Know Everything in Something “ สามารถนำไปใช้ได้ทุกวิชาชีพ มีการกล่าวกันว่า ในชีวิตของคนๆหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำอะไรได้สำเร็จ 80 % เกิดจากภาวะผู้นำ อีก 20 % เกิดจากวิชาการ หรือเรียกว่ากฎ 80 : 20 ของ Pareto’s Law ดังนั้นเพื่อให้องค์กรมีการดำเนินงานที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ขององค์กร ทั้งระหว่างแต่ละหน่วยในองค์กร หรือระหว่างหน่วยงานสนับสนุน หรือระหว่างหน่วยงานสนับสนุนกับกลยุทธ์ขององค์กร หรือระหว่างคณะกรรมการองค์กรกับการดำเนินงานขององค์กร หรือ partner ภายนอกกับกลยุทธ์ขององค์กร และความสำคัญของ Alignment คือ ถ้าทุกองคาพยพขององค์กรไม่สอดคล้องกัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลยุทธ์ ก็ยากที่จะทำให้การบริหารกลยุทธ์เป็นไปอย่างสัมฤทธิ์ผล กลยุทธ์ขององค์กรต้องมาก่อน(กลยุทธ์ใหญ่ๆ) และทุกกลยุทธ์ย่อยๆ ต้องตอบสนองขึ้นข้างบน จึงจะ Alignment รวมทั้ง Kaplan , Norton ได้นำเรื่องของ BSC เข้ามาผสมผสานหลักการ Alignment ด้วย ฉะนั้น Direction Statement จะเป็นเครื่องชี้ว่า ตกลงแล้วองค์กรเราจะไปทางไหนกันดี ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ต้อง Alignment กับ Vision , Mission , Values ซึ่งเป็นสิ่งที่คนภายในองค์กรรู้ และ Goals , Objectives และ Brand เพื่อให้คนภายนอกองค์กรรับรู้ รับทราบ
เช่น Mission of Sony in the 1950s คือ เกิดมาเพื่อทำเทคโนโลยี ที่มี Innovation ที่มีประโยชน์ (ที่แสดงถึงว่า ทำไมถึงเกิด ทำไมถึงอยู่ อยู่เพื่อใคร ทำเพื่อใคร) Vision of Sony in the 1950s คือ ทำอะไรแล้วผู้คนฮือฮา เป็นสินค้าแรกที่บุกตลาด USA และจะทำให้สำเร็จทุกเรื่องที่ USA ทำแล้วล้มเหลว Values of Sony in the 1950s คือ ไม่ลอกเลียนแบบใคร ฉะนั้น Trust สูงเป็นสิ่งที่มาแรงและสำคัญกว่า Competency เป็นต้น นอกจากนี้ R & R : Roles & Responsibilities ก็สำคัญเช่นกัน ถ้าใครทำตอบกลยุทธ์ก็ต้องได้รับผลตอบแทน เพราะกลยุทธ์สามารถพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
Workforce Alignment Model for Successful Strategy Execution ส่วนของสมองซีกซ้าย ประกอบด้วย
จากการที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้างต้น ผมเห็นว่า workforce alignment in an organization นั้นเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน เห็นความสำคัญของแต่ละองคาพยพ ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์ไปทั้งหมด แต่ก็อยู่ในฐานะที่จะพัฒนาได้ ควรที่ผู้ที่มีความพร้อมจะได้ช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส กล่าวถึงตรงนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนทำโครงการร่วมมือทางด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระหว่างสำนักงาน ก.พ. กรมวิเทศสหการ และโครงการความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เมื่อปี ๒๕๔๒ ซึ่งผมได้เขียนกลอนแปดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษลงไว้ในหนังสือนอง ก.พ. ซึ่งเป็นผลิตผลภายใต้โครงการ ซึ่งเคยนำมาลงใน blog นี้บางส่วนแล้ว แต่ครั้งนี้เห็นว่าน่าจะเหมาะกับบรรยากาศของเรื่องที่เรียนและเป็นการสะท้อนตัวอย่างของต้นทุนทางสังคม (social capital) อีกมุมหนึ่ง จึงขอนำมาประกอบเป็นการบ้านอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเสริมกับบทกลอนที่อาจารย์พนม ปีย์เจริญ ร้อยกรองลงในการบ้านครั้งนี้ด้วยอีกโสตหนึ่ง ดังนี้
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา
As development cooperation,
ทรงคุณค่าความเอื้อเฟื้อและเผื่อแผ่
it’s funded to be complimentary.
ยามขาดแคลนมีเพื่อนช่วยคอยดูแล
When we lack, we’re given caring tree.
เป็นหุ้นส่วนได้ถึงแม้แตกต่างกัน
Partnership could be though we’re different.
ร่วมกันคิดร่วมกันทำร่วมกันสร้าง
Let’s initiate and implement together
ร่วมกันแผ้วร่วมกันถางทางสร้างสรรค์
to stir, to find the way to strengthen.
ร่วมกันพัฒนาไปด้วยกันCollaborative pursuing shall maintain.
ทั้งในปัจจุบันและต่อไป
Now and then, our friendship comes true.
แม้บางครั้งผิดพลั้งไปขอใจสู้
Once mistake occurs, don’t give up.
ผิดเป็นครูรู้แก้ยังไม่สาย
Set it up as lesson learned and module.
ประสานมือกันมั่นปัญหาคลาย
Join and tighten our hands we can do;
ทุกข์กลับกลายเป็นโอกาสพัฒนา
turn the problems into opportunities.
ทรัพยากรมนุษย์สุดยิ่งใหญ่
Human Resource Development is a must.
เป็นปัจจัยตัดสินสิ้นกังขา
It entrusts with success on duty.
จะพัฒนาผู้ใดในโลกา
To develop whoever, you and me
อย่าลืมว่าต้องเริ่มต้นที่ตนเอง
have to be firstly self begun.
รักษเกชา แฉ่ฉาย
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2550
"Work force Alignment an Organization"
อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด
President of Human Capital Club (Thailand) and Executive Coach
วันนี้ก็เหมือนทุกครั้งของการนำเข้าสู่การเรียนของอาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด ที่มีเอกลักษณ์ ในการดึงดูดความสนใจเป็นอย่างดี โดยการแบ่งกลุ่มให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการต่อ Jigsaw เป็นการมอบหมายงานที่มีการกำหนดเวลาให้เสร็จภายใน 3 นาที แต่ทุกกลุ่มไม่สามารถต่อได้ทันเวลา กิจกรรมนี้เป็นไปตามทฤษฎี 4 L’s ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์เราได้เรียนรู้อย่างมากมายจากการต่อ Jigsaw การบริหารองค์กรโดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน (The unfocused organization) หรือมีทิศทางที่ชัดเจน (the focused organization) แต่ขาดผู้นำที่มีความสามารถในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ตามทิศทางขององค์กรและการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคโลกาภิวัตน์ นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง น่าเสียดายที่ผู้นำในภาครัฐเกิดการเรียนรู้และการยอมรับในสิ่งนี้น้อยมากทำให้การพัฒนาประเทศ ชาติไม่ทันกระแสการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญต้องไม่ลืมในเรื่องของวัฒนธรรมองค์กรและพฤติกรรมของคนเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยากดังนั้นการเน้นในเรื่อง R&R (Roles & Responsibilities) จะทำให้เกิดการ Organic และการ SWOT ก็ต้องดูทั้งตัวเราและคู่แข่งเพื่อมองให้เห็น Critical Success Factors :CSF แต่ถ้ายังไม่พบก็มีทางเลือก 2 ทาง ทางแรกก็ต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ทางที่สองคือ Out sourcing หรือซื้อเข้ามา แล้วมี Action plan เพื่อดูแนวโน้มว่า จะเป็นไปได้อย่างไรซึ่งต้องมี JD (Job Description) หรือ R&R แต่ส่วนมากนิยมใช้ R&R เพราะปรับเปลี่ยนได้ง่ายกว่า JD ปัจจุบันการพิจารณาค่าตอบแทน หรือ Bonus ได้มีการปรับตามบทบาทความรับผิดชอบ ที่ตอบสนองนโยบาย และทิศทางขององค์กร ดังนั้นการกำหนด Roles ต้องรู้ว่าทำอะไร เพื่อหรือมีประโยชน์อย่างไร ซึ่งต้องมี Requirement หรือ Competency เพื่อการวัด หรือประเมินผลงานเพื่อให้ Accountabilities แต่ทียากที่สุดคือการที่จะหาคนที่จะเชื่อมโยง Job ต่าง ๆในองค์กร (Change agencies & Change champion) ถ้ามั่นใจในทิศทางองค์กรว่าไปได้ถูกทางและมีผู้นำที่มีทุนมนุษย์สูงตามทฤษฎี 8 K ’s ของศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ จะต้องสามารถเปลี่ยนCulture ได้
ดังนั้นการบริหารองค์กรโดยมีทิศทางที่ชัดเจนและประสบผลสำเร็จจะต้องเป็นการทำ Alignment สิ่งต่าง ๆเข้าด้วยกันอย่างประสานกลมเกลียวกันในเรื่อง Roles, Goals, Culture, Practices, Strategy, Mission /Purpose, Structure, People, Relationships, Processes, Customers เพราะถ้าไม่ Align จะทำให้เสียเวลาและเสียกำลังใจ
สุดท้ายอาจารย์ สรุปว่า Workforce Alignment Model for Successful Strategy Execution ประกอบด้วย 1.Alignment goals 2. Business Acumen /Skills หรือ Competency หรือ Job requirement หรือ KUSA (K=Knowledge, U=Understanding, S=Skills and A=Attitude) 3. Measured Accountabilities4. Linked Rewards5. Ownership Thinking
ขอขอบพระคุณศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ให้พวกเราได้มีโอกาสได้รับความรู้จาก Excellence coacher อย่างเช่นอาจารย์พจนารถ ซีบังเกิดอรพินท์ มณีรัตน์
ป.เอก มรภ.สวนสุนันทาAurapin_m@yahoo,com20 กันยายน 2550นางเครือวัลย์ สมณะ
20 กันยายน 2550เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ (Homework 12)
จากการศึกษา เรื่อง Workforce Alignment in an Organization กับ ท่านอาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด President Human Capital Club (Thailand) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2550 สรุปได้ดังนี้
The Unfocused Organization ในองค์กรโดนทั่วไป พนักงานโดยทั่วไปจะมีทิศทาง (เป้าหมาย)ไปคนละทิศละทาง และไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับองค์กรซึ่งเป็นหน้าที่ของหัวหน้า หรือผู้บริหารที่จะต้องเปลี่ยนความรู้สึก ทัศนคติ และทิศทางความคิดของพนักงานให้เปลี่ยนเป็นมีทิศทาง(เป้าหมาย) อย่างเดียวกันกับทิศทางขององค์กร The Aligned Organization
1. Goods Culture
2. Motivate ให้ลูกน้อง
Enterprise Governance ประกอบด้วย
1. Conformance Process
- Chairman/CEO - Non Executive Directors
- Audit Committee- Risk Managemant
- Internal Audit
2. Performance Process
- Strategic Planning and Alignment
- Strategic Decision Making
- Strategic Risk Management
- Scorecards
- Strategic Enterprise Systems
- Continuous Improvement
Alignment จะเกิดขึ้นได้ต้องมีการปรับให้ Vision ของคนในองค์กร กับ Vision ขององค์กรเป็นทิศทางเดียวกันก่อน เพื่อให้
Practices > Roles > Goals เป็นอย่างเดียวกัน
Direction Statement ประกอบด้วย
- Vision - Mission - Values
- Goals - Objectives - Brand
> Vision / Mission เป็นการบอกคนในองค์กร
> Brand เป็นการบอกคนนอกองค์กร
> ผู้ที่จะทราบปัญหาขององค์กรมากที่สุด และรู้ก่อนผู้อื่นคือผู้ที่อยู่หน้างาน/ผู้ที่เจอเหตุการณ์จริง ณ ปัจจุบัน
> Values ค่านิยมเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และปลูกฝังให้เกิดเป็น Trust
> Objectives ต้อง Align กับ Vision และ Mission
> การทำงานต้องจริงจัง จริงใจ เอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำ
> Strategy กลยุทธ์ สามารถทำได้โดย 1.สร้าง 2.ซื้อ
- ปรับเปลี่ยนได้เมื่อมีความต้องการ
- ทุกกลยุทธ์ต้องตอบสนองวัตถุประสงค์ของ องค์กร
- โดยทั่วไปจะเปลี่ยนทุก 3 ปี
> Roles & Responsibilities(R&R)
- คนที่ทำ R&R จะต้องได้ผลตอบแทนจากองค์กร
- การกำหนด R&R เพื่อไปให้บทบาทของคนในองค์กร นิ่ง
> ในองค์กรแต่ละองค์กร จะประกอบด้วยจิ๊กซอร์หลายๆ ส่วนดังนี้
- Structure - Mission/Purpose
- People - Culture
- Practices - Processes
- Relationships - Customers
- Roles - Goals
- Strategy
Workforce Alignment Model for Successful Strategy Execution
ท้ายที่สุด "ผู้บริหารองค์กรทุกองค์กร ควรให้ความสำคัญกับ คนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหน้าที่หรือตำแหน่งใด เพราะทุกคนเปรียบเสมือน ฟันเฟือง ขององค์กรทั้งสิ้น ถ้าองค์กรขาดคนใดคนหนึ่งไป นั่นคืองานส่วนหนึ่งขององค์กรจะมีผลกระทบไม่มากก็น้อย เฉกเช่นเดียวกับ "การต่อจิ๊กซอร์" ถ้าจิ๊กซอร์ขาดไปเพียงตัวเดียว ภาพก็จะออกมาไม่สมบรูณ์ในที่สุด ดังนั้น ผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับบุคลากรในทุกระดับขององค์กรและใช้หลักคุณธรรม จริยธรรม ในการบริหารบุคคล จงให้ความสำคัญกับ "คน" ในทุกระดับ แล้วจะได้ชื่อว่าเป็นนักบริหาร "ทุนมนุษย์" Human Capital ที่แท้จริง
- ขอบคุณครับ -
สิทธิชัย ธรรมเสน่ห์
วันที่ 15 กันยายน 2550
Workforce Alignment in an Organization
บรรยายโดย
อาจารย์ พจนารถ ชีบังเกิด, President, Human Capital club
นำเสนอ นายปลื้มใจ สินอากร
The focused Organization
องค์กรจะต้องมีเป้าหมายในการทำงาน
องค์กรที่เกิดขึ้นมาถ้าเป็นอะไรก็ต้องกระจายกับกับสังคม | Enterprise Governance | |
¯ |
¯ | |
ต้องทำให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย |
Corporate Governance Conformance | Business Governance is Performance |
¯ | ¯ | |
ต้องมีการตรวจสอบและมีผู้รับผิดชอบ | Accountability Assurance | Value Creation Resource Utilization |
การแต่งตั้ง Board of Direction ต้องมีการ Selection Committee |
Add Value สู่สังคม |
Alignment Shared Purpose | ||
Individual Vision |
«Mission | Organization Vision |
Goals « |
||
Roles « |
||
Practices« |
Direction of Organization
- Vision
- Mission
- Value
- Goals
- Objectives
- Brand
How to Set Direction
- Mission
What is our core purpose?
Who is our customer?
What value do we bring them?
- Vision
What do we dream of becoming?
- Value
What Principles and Behaviors?
Do We cherish and up hold?
Strategy in Organization Corporate StrategySBU/Division Strategy |
||||||
Departmental Strategy |
Work force Alignment Model for Successful Strategy Execution
1. Aligned goals
2. Business Acumen/Skills
3. Measured Accountabilities
4. Linked Reward
5. Ownership Thinking
สรุปการบรรยายครั้งที่ 13 (เสาร์ที่ 15 กันยายน 2550) โดย อาจารย์ พจนารถ ซีบังเกิด ในหัวข้อ WORKFORCE ALIGNMENT IN ORGANIZATION
อาจารย์ได้นำเข้าสู่บทเรียนด้วยการแบ่งกลุ่ม แจก jigsaw ให้ช่วยกันต่อพร้อมกับตั้งคำถามและอธิบายถึงการทำงานในองค์กรว่าจะประสบผลสำเร็จได้คนในองค์กรจะต้องมีเป้าหมายที่มีทิศทางเดียวกันกับองค์กร คือต้อง เป็น The Aligned Organization ไม่ใช่ The Unfocused Organization และองค์กรจะเป็น The Aligned Organization ที่จะส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ อีกอันได้แก่
หลักการของ ENTERPRIGE GOVERNANCE ประกอบด้วย
1. CONFORMANCE PROCESS 1.1 ผู้นำต้องตอบรับการเปลี่ยนแปลง 1.2 ผู้นำต้องมีแนวทางของตนเอง 1.3 ผู้นำต้องมีคณะกรรมการ 1.4 ระบบการจัดการต้องไม่เสี่ยง 1.5 มีการตรวจสอบการปฏิบัติงาน
2. PERFORMANCE PROCESS 2.1 มีการวางแผนเชิงกลยุทธ์ 2.2 มีการวางแผนด้านการตลาด 2.3 การจัดการเชิงกลยุทธ์ต้องไม่เสี่ยง 2.4 ระบบการวางแผนกลยุทธ์ ต้องกล้าได้กล้าเสีย 2.5 ต้องเป็นกระบวนการที่ต้องทำติดต่อกัน
Workforce Alignment Model for Successful Strategy Execution
ขอบคุณครับ
5. Ownership Thinking คือ การให้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ
ขอบคุณครับสรณิต พุ่มพฤกษ์