วันนี้หลังจากไปโรงพยาบาลมาแล้วก็ได้พักสบายๆ ที่บ้านหนึ่งวัน หลังจากที่ตะลอนทำงานและไปสัมมนาที่เชียงใหม่ เปิดคอมเช็คอีเมล์ ปรากฏว่าได้รับอีเมล์จากลูกค้าให้เสนอช่วยทำโปรเจคใหม่หนึ่งงาน กำลังตอบอีเมล์ หลานก็มาอ้อนอยากให้เล่นด้วย ก็บอกเขาว่ากำลังทำงานอยู่ ตอบอีเมล์ลูกค้า พึ่งมีคนสั่งงานอามาหลายแสนนะ หนูไม่ดีใจเหรอ เราก็คุยเล่นเรื่องงานกับเด็กไปยังงั้น ไม่คาดว่าจะได้คำตอบแบบสะอึก ถึงกับต้องปล่อยมือจากแป้นพิมพ์หันมากอดเขาเพราะรู้สึกเสียใจ
เขาตอบว่า
"ไม่ดีใจหรอก เดี๋ยวอาก็ต้องไปทำงานไกลๆ หรือกลับดึก ทอดทิ้งผมให้อยู่บ้าน" เราก็พยายามอธิบายว่า
"ถ้าอาไม่ทำงานแล้วจะเอาตังค์ที่ไหนมาซื้อของเล่น ของกิน เสื้อผ้าให้หนู ไหนจะค่าเรียนหนังสือ และที่จะพาไปเที่ยวอีกนะ" น้องทีมบอกว่า
"ก็ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หรือเอาบัตรเครดิตจ่ายเอาก็ได้" เฮ้อ...เด็กหนอ เขาคิดว่าเงินพวกนั้นได้มาฟรี ไม่ต้องจ่ายคืน เคยอธิบายไปหลายครั้งแล้วก็ไม่เข้าใจ
แต่ช่างเถอะ สิ่งสำคัญที่สอนเราในการสนทนาระหว่างอาหลานวันนี้ก็คือ
....เงินทองไม่มีความสำคัญสำหรับเด็กเท่ากับเวลาที่เรามีให้เขา หลายครั้งเรานึกว่าเรากำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเขา แต่เราไม่เคยถามว่าสิ่งที่เขาต้องการจากเราคืออะไร ผู้ใหญ่มักจะเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นดีที่สุดสำหรับเด็ก ไม่ฟังเสียงเล็กๆ หรือไม่มีแม้แต่เวลาที่จะฟังเพราะคิดว่าไร้สาระ ไม่สำคัญ...ตั้งแต่นี้ไป เราตั้งใจไว้ว่าจะให้เวลากับเขามากขึ้น อยู่กับเขามากขึ้น เพราะ
จะมีเวลาอีกสักเท่าไหร่ที่เขาจะอยู่ในวัยเด็ก ที่เขาจะเรียกร้องให้เรากอดและเล่นด้วย อีกไม่นานเมื่อเขาก้าวเข้าสู่วัยรุ่น สิ่งเหล่านี้คงลดน้อยลง แล้ววันนั้นเราเองจะเป็นฝ่ายเสียใจว่า
...เมื่อมีโอกาสไม่ไขว่ขว้าไว้ แต่เมื่อโอกาสหลุดลอยไปก็จะเรียกร้องหา ขอบใจมากน้องทีมหลานรักที่มอบบทเรียนที่มีค่าเตือนสติอาในวันนี้