บันทึกหมายเลข 001 ความเชื่อ: Belief
หลายท่านอาจกำลังสงสัยว่าทำไมความเชื่อจึงเป็นหัวข้อแรก
ของบันทึกในบล็อกที่ว่าด้วย อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรง
แต่ผมคาดว่าโดยส่วนมากมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับอันตราย
ซึ่งเกิดขึ้นจากความเชื่อเป็นอย่างดี
มีผู้คนจำนวนมากในโลกใบที่กำลังหดเล็กลงทุกวันใบนี้ ยอม
สละชีวิตของตนเองเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเชื่อที่ตนยึดมั่นถือมั่น
ยอมสละอนาคตของตนเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของตนเอง หรือ
แม้แต่ยอมสละชีวิตของคนทั้งครอบครัวเพื่อสังเวยความเชื่อของ
พวกเขา
สิ่งที่ผมกล่าวถึงข้างต้นนั้นได้รับการพิสูจน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ทั้งในประวัติศาสตร์โลก และประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในประเทศ
ไทยของเราเอง ผมจะไม่ขอกล่าวถึงกรณีตัวอย่างในบันทึกนี้
เนื่องจากความเชื่อนั้นมักจะนำมาซึ่งการโต้แย้งไม่สิ้นสุด ซึ่งไม่
ใช่จุดประสงค์ของการเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา
ตัวอย่างหนึ่งที่ผมน่าจะพอหยิบยกมาได้โดยไม่สร้างผลกระทบ
มากนักก็คือความเชื่อของชายชาวเยอรมันผู้หนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่ใน
ช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ เขาเป็นผู้นำและชายชาติทหารผู้ทรง
เกียรติในสายตาของเขาและผู้คนรอบตัวเขา ความเชื่อในชาติ
และเผ่าพันธุ์อย่างเหนียวแน่นของเขา นำมาซึ่งความตายของ
มนุษย์จำนวน 72,155,800 คน ภายในเวลาเพียงห้าปี จำนวน
ดังกล่าวนั้นมากกว่าปริมาณผู้เสียชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ในประ
เทศ ญี่ปุ่น ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ถึงกว่าสามร้อยเท่า
ตัวเลขในย่อหน้าที่แล้วนั้นเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ถึงความ
สำคัญของสิ่งที่เรียกว่า “ความเชื่อ” ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องเล็กน้อยในท้องถิ่นหรือปัญหาระดับโลก พื้นฐานความเชื่อ
ของบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่จะบ่งชี้ความเป็นไปทางด้านลบและ
ด้านบวกของสังคมนั้น ๆ ความเชื่อของคนในสังคมอาจสร้าง
ปัญหาเรื้อรังเช่นการแบ่งแยก แตกความสามัคคี จนอาจบาน
ปลายเป็นการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มบุคคลซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพี่
เป็นน้องกัน
และด้วยเหตุนี้เอง โลกยุคปัจจุบันจึงมีผู้แสวงหาผลประโยชน์
จากความเชื่อปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น
กลุ่มเล็ก ๆ อย่างหมอผี คนทรง ไปจนถึงลัทธิต่าง ๆ ซึ่งเป็นองค์
กรนานาชาติ จุดประสงของผู้นำทางความเชื่อเหล่านี้นั้นอาจ
จะบริสุทธิ์และไม่มาดหมายมุ่งร้ายต่อผู้ใด แต่กระนั้นก็ตามย่อม
มีกลุ่มคนซึ่งแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินและอำนาจ ใช้จุด
อ่อนทางความเชื่อของมนุษย์ เพื่อสร้างฐานกำลังให้กับตนเอง
อันตรายจากความเชื่อในยุคนี้นั้นมีอยู่มากมายหลายแบบ ไม่ว่า
จะเป็นการทำให้เสียทรัพย์อย่างที่พบเห็นกันได้ทั่วไป จนความ
เสียหายทางร่างกายที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เราในฐานะผู้
มีอารยะธรรม จึงควรศึกษาหาหนทางป้องกันตนเองและคนรอบ
ข้างรวมทั้งประเทศชาติโดยองค์รวมไม่ให้ถูกทำลายโดย อาวุธ
ที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรงชนิดนี้
การป้องกันตัวเองจากความเชื่อนั้น ถ้าจะให้พูดก็ไม่ยาก แต่การ
ปฏิบัติจริงนั้นยากเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะเราทุกคนย่อมต้อง
ถูกชักจูงโดยคนรอบข้างและสังคมหากไม่แยกตัวออกมาจาก
สังคมนั้น ๆ ก็คงต้องเอนเอียงไปตามกระแสความเชื่อและในที่
สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มความเชื่อนั้นไปในที่สุด หากว่า
กลุ่มความเชื่อนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์อันตรายใด ๆ ก็คงไม่เป็น
ปัญหาเท่าไรนัก แต่ถ้าตรงกันข้ามแล้วล่ะก็ ตัวคุณเองอาจจะ
กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับสังคม
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยก็เป็นได้
เอาล่ะครับ สำหรับบทความตอนนี้ก็มีความยาวพอสมควรแล้ว
หวังว่าทุกท่านคงได้ทราบถึงพลังทำลายล้างของอาวุธชนิดนี้
ไปตามสมควรแล้วนะครับ ในบันทึกหน้า ผมจะมาอธิบายถึง
ลักษณะของความเชื่อที่อาจก็ให้เกิดอันตรายต่อสังคมมนุษย์
และวิธีการป้องกันตัวนะครับ
ขอบคุณที่ตั้งใจอ่านครับ สวัสดีครับ
ไม่มีความเห็น