Guidance- Angel--เทพธิดาผู้เป็นแสงประทีปของครอบครัว


Guidance Angel --
มีต่อ

สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย อย่าจัดวางเฟอร์นิเจอร์มากไป และเกาะเป็นกลุ่ม เลือกสีที่ให้ความสงบทางใจ หลีกเลี่ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นอันตราย

สวัสดีค่ะ

แปะก๊วยนี่เขาใช้ใบอย่างเดียวหรือเมล็ดมันด้วยคะ ที่ช่วยรักษาโรคนี้

สวัสดีค่ะ

สารที่สกัดได้จากใบแปะก๊วยค่ะ ไม่ใช่ลูกแปะก๊วย

คนเชื่อกันว่า  มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Free radical)ในบริเวณตา ป้องกันการ เกิดโรคเบาหวานขึ้นตาได้

เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปสู่สมอง ปลายมือปลายเท้า

ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด ส่งผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพของสมอง ทำให้เกิดการหลงลืมในผู้สูงอายุ หรือโรคความจำเสื่อมที่เรียกว่า อัลไซเมอร์ (Alzheimer disease)

ดังนั้น นอกจากเราจะให้การดูแลผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์แล้ว บางครั้งต้องดูแลผู้ที่ดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ด้วยครับ

สวัสดีค่ะ

ใครก็ตามที่เคยดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ก็จะเข้าใจในชีวิตกันดีขึ้นทุกคน ซึ้งจริงๆว่าตนเอง น่าจะต้องมีกรรมมาไม่แพ้กันหรอกค่ะ

แต่ความรัก ความเมตตามีมากกว่าค่ะ ยังไงก็ต้องพยายาบาลดูแลจนถึงที่สุดค่ะ

สวัสดีครับ

ผมสนใจเรื่องการใช้ดนตรีบำบัดน่ะครับ ช่วยขยายความหน่อยครับ

 

สวัสดีค่ะ

คือสามีของพี่ปริมนั้น ทางคุณหมอที่รักษาได้ ลองใช้ดนตรีและเสียงเพลงมาช่วย ปรากฏว่า ผู้ป่วยจำเพลงบัวขาวได้ และร้องต่อได้จนจบ และเล่นตีระนาดได้บ้างค่ะ

ส่วนเรื่องไพ่ ทางคุณหมอจะให้เรียงไพ่และสับไพ่ เป็นสีๆหลายสี แต่ผู้ป่วยเรียงไพ่ได้ แต่สับไพ่ยังไม่ได้ค่ะ

คิดว่าเรื่องเพลงนี้ เซลล์ประสาทในเรื่องเพลงนี้ ยังใช้การได้อยู่ คงเรียกว่าร่องความจำ Memory traces

พอเสียงเพลงผ่านเข้าไปในร่องความจำนี้ เซลล์ประสาทจะรับรู้ และสามารถส่งสัญญาณเดิมได้ค่ะ

สวัสดีครับ

ป้าผมป่วยไปหาหมอๆบอกว่า เป็นโรคขี้ลืม ดี-เมน-เชีย ไม่ทราบจะโรคเดียวกับโรคนี้ไหมครับ

สวัสดีค่ะ

คือ  โรคอัลไซเมอร์จะเริ่มจากปัญหาเรื่องความจำและจะจบลงด้วยการที่สมองถูกทำลายอย่างรุนแรง

 อาการแรกเริ่มของโรคอาจจะเป็นอาการขี้หลงขี้ลืมแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน

จนไปถึงขั้น ดีเมนเชีย คือการสูญเสียความสามารถทั้งทางสังคมและส่วนตัว จนถึงขนาดทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ค่ะ

 
  • สวัสดีค่ะพี่ sasinanda
  • ตอนนี้ผู้ใหญ่ทางบ้านก็เริ่มมีอาการขี้ลืมบ้าง
  • แต่ท่านชอบทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ชมรมผู้สุงอายุกัน    ทำให้ได้ฝึกอะไรหลายอย่าง
  • ก็ได้แต่หวังว่าท่านคงจะไม่เป็นอัลไซเมอร์ค่ะพี่

ความจริงที่น่ากลัว


คาดยอดอัลไซเมอร์ทั่วโลกพุ่ง 4 เท่าในปี 2050


 

เตือนหากไม่เตรียมการจะรับมือลำบาก เผยอาจมีมากกว่า106ล้านคนทั่วโลก สำนักข่าวบลูมเบิร์กออนไลน์รายงานวานนี้ว่านักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2050 หรืออีก 43 ปีข้างหน้าทั่วโลกจะมีผู้ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์เพิ่มมากขึ้นเป็น 4 เท่าของที่มีอยู่ในปัจจุบัน
และได้เรียกร้องว่าควรต้องหามาตรการในการชะลออาการของโรคความจำเสื่อมนี้ออกไปให้ได้สักปีก็ยังดีเพราะจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลได้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้จากการคาดการณ์พบว่าภายในปี 2050 จะมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จำนวนมากกว่า 106 ล้านคนทั่วโลก
อันมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน และหนึ่งในปัจจัยหลักก็คือการที่มีจำนวนประชาการสูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในประชากรภูมิภาคเอเซีย ซึ่งจะมีจำนวนผู้ป่วยอัลไซเมอร์คิดเป็นจำนวน 59 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั่วโลก จากปัจจุบันที่มีอยู่แค่เพียง 48 เปอร์เซ็นต์ การคาดการณ์เรื่องจำนวนผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์นี้ทำโดยทีมนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาและมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ 

นักวิจัยกล่าวว่าถ้าคิดตามอัตราการป่วยในปัจจุบัน จะพบว่ามีผู้ป่วย 1 คนในประชากรทุก 85 คน และ 43 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยจำนวนนี้จะเป็นอัลไซเมอร์ขั้นสุดท้ายที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลแบบเนสซิ่งโฮม

 

 

 ด้วยเหตุผลหนึ่งที่ว่าโรคอัลไซเมอร์ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาดและสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐระบุว่าเป็นโรคที่เป็นเป็นสาเหตุหลักของการเป็นโรคสมองเสื่อมในคนสูงอายุ และค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ก็ค่อนข้างสูงเพราะจำเป็นต้องได้รับการดูแลในสถานบริการเฉพาะด้าน
โดยเดือน ๆ หนึ่งค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ ประมาณ 5,000 เหรียญสหรัฐฯต่อคน ประเด็นอยู่ที่ว่าเราไม่ต้องการปล่อยให้ไปถึงจุดวิกฤตตรงนั้นนายรอน บรู๊กเมเยอร์ผู้นำการวิจัย และเป็นนักชีวสถิติประจำอยู่ที่โรงเรียนการสาธารณสุขบลูมเบิร์ก มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ๊อปกินส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บัลติมอร์ กล่าว
 และว่า จะเป็นการดีอย่างมากหากว่าเราจะสามารถชะลอระยะเวลาการเกิดอาการของโรคออกไปได้บ้างเพราะจะสามารถช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้มากพอสมควร
 ทั้งนี้การวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ๊อปกินส์นี้ศึกษาพบว่าแม้เพียงการชะลอการเกิดอาการของโรคอัลไซเมอร์ออกไปได้สัก 1 ปี ก็จะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยโรคนี้ไปได้ถึง 12 ล้านคนภายในปี 2050 ผลการศึกษานี้เตรียมตีพิมพ์เผยแพร่ใน
วารสารวิชาการ ด้านโรคอัลไซเมอร์และความจำเสื่อม เจอร์นัล ออฟ อัลไซเมอร์ แอนดีเมนเชียฉบับประจำเดือนกรกฎาคม 
นายบรู๊กเมเยอร์กล่าวว่า สำหรับโรคอัลไซเมอร์นั้นโดยปกติแล้วมักจะตรวจพบในคนสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและอัตราป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงอายุที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ปีหลังจากอายุ 80 ปีไปแล้ว  
ด้านแนนซี สไตล์สซึ่งเป็นนักวิจัยอาวุโสประจำที่ศูนย์การวิจัยโรคอัลไซเมอร์ของมหาวิทยาลัยแห่ง เคนตัคกี กล่าวว่าการวิจัยนี้ได้ชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องพัฒนาการตรวจหาโรคอัลไซเมอร์ให้ได้แต่เนิ่น ๆ ขึ้นกว่าเดิม และจำเป็นต้องสร้างความตระหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดนับตั้งแต่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพไปจนถึงพนักงานบริการของธนาคารกันเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าคนที่เป็นโรคความจำเสื่อมระดับน้อย ๆ ไปจนถึง กลาง ๆ กว่าครึ่ง ถึง 3 ใน 4 คนยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อยู่เลย
อาการของโรคนี้บางทีก็ดูยากซะจนทำให้การตรวจวินิจฉัยที่ใช้กับโรคทางกายโดยทั่วไปไม่สามารถตรวจเจอได้สไตล์สซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิจัยของทีมมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ๊อปกินส์กล่าวและว่าคนอื่น ๆ ในชุมชนเดียวกันน่าจะต้องช่วยกันสังเกตุซึ่งกันและกันว่าใครน่าจะมีอาการของโรคนี้ พนักงานธนาคารจะสังเกตุอาการของโรคนี้ได้ดีเพราะว่าพนักงานเหล่านี้จะเป็นคนที่เห็นว่าใครมีปัญหาเรื่องความจำเป็นต้นว่าคนที่ไม่สามารถกรอกเช็กได้ถูกต้องสไตล์สกล่าว 
ด้านสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯระบุว่าอาการของโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มจากปัญหาเรื่องความจำและจะจบลงด้วยการที่สมองถูกทำลายอย่างรุนแรง อาการแรกเริ่มของโรคอาจจะเป็นอาการขี้หลงขี้ลืมแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน    

สวัสดีค่ะ

P

 

ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะคนเราทุกคนแก่ไม่เท่ากันค่ะ 

ในอายุเท่าๆกัน และการที่ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทำอยู่เสมอ ทั้งกิจกรรม เป็นหมู่คณะหรือ ส่วนตัวก็ดี ก็จะเป็นการกระตุ้นในเรื่องของสติปัญญา ดีกว่า คนที่อยู่เฉยๆไปวันๆ

 ท่านผู้ใหญ่คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจารย์ก็ดูแลท่านหน่อยนะคะ

สวัสดีครับพี่ sasinanda

           ได้ทราบภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ทำให้ความจำดีแม้จะสูงอายุก็ตาม คือก่อนตื่นนอนเมื่อรู้สึกตัวอย่าเพิ่งลืมตาให้นึกทบทวนเรื่องราวสำคัญวันก่อนว่ามีอะไรบ้าง นอนคิดไปก่อนใช้เวลาพอสมควรแล้วจึงลืมตาตื่นขึ้น จะเป็นการฝึกให้ความจำดี ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด กำลังจะทดลองดูครับ

 สวัสดีค่ะ

อาการหลงๆ ลืมๆ อันเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอในผู้ป่วยสูงอายใช่ใบแปะก๊วยดี

แต่ผลแปะก๊วยที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจีนหลากหลายชนิด ก็คงมีส่วนมีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก  ไม่มากก็น้อยเหมือนกันนะคะ

ใบมีประโยชน์กว่าผลอีกค่ะ 

P
สวัสดี่ค่ะ
การนอนคิดไปก่อนใช้เวลาพอสมควรแล้วจึงลืมตาตื่นขึ้น จะเป็นการฝึกให้ความจำดี ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด

 ค่ะ เรื่องนี้ ก็คงเป็นเรื่องของการฝึกสติ  การทบทวนความจำ และเรื่องสุขภาพ  โดยให้เวลาเลือดลม เดินให้สะดวกทั่วร่างกายก่อนจะลุกขึ้นค่ะ มิฉะนั้น จะเกิดอาการ เวียนศรีษะ หน้ามืดได้ เพราะเลือด ยังวิ่งไปไม่ถึงสมอง

น่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เราควรทำเลยค่ะ


  P

บ่าววีร์

 

 

สวัสดีค่ะ

 ยินดีต้อนรับค่ะหนุ่มช่างคิด ช่างเปิดประเด็น และมีอารมณ์ขันนะคะใช่ค่ะ เรื่องนี้ น่าเศร้า แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่กำลังคุกคามชาวโลกผู้สูงอายุอยู่ ปัจจัยหลักก็คือการที่มีจำนวนประชาการสูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในประชากรภูมิภาคเอเซีย ซึ่งจะมีจำนวนผู้ป่วยอัลไซเมอร์คิดเป็นจำนวน 59 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั่วโลก  ถ้ามีญาติผูใหญ่ ก็ช่วยสังเกตอาการนะคะกรณี สามีของพี่ปริม มีอาการแสดง และลูกเขาเป็นคนบอกแม่ให้พาไปตรวจค่ะ ตอนแรกไม่ยอมไป ตอนหลัง เจอลูกเพื่อนเป็นหมอ สะดวกหน่อย เลยยอมไปค่ะ 
P กว่าจะเข้าประเด็นผมก็ลอยไปไหนต่อไหนแล้วนะครับ. ญาติที่อายุมากๆ ตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่ปู่ครับ. แต่ว่าปู่ท่านดูจะความจำดีกว่าผมอีกครับ. 

ผู้ป่วย Dementia  หรือว่า "ภาวะสมองเสื่อม"  มีความชุกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

แต่อย่างไรก็ตาม  ในฐานะที่ผมเป็น "นักกิจกรรมบำบัด"  เคยทำงานด้านผู้สูงอายุ   ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม  จะเกิดอุปสรรคในการดำเนินชีวิตมากน้อยแตกต่างกันไปครับ   ส่วนใหญ่เกิดปัญหาหลักจากพยาธิสภาพทางสมอง  ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง...

แม้ว่า คนใกล้ตัวของเราอาจจะพบกับปัญหาและอาการของภาวะสมองเสื่อมได้มากขึ้น ๆ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ความเข้าจากญาติ/ผู้ดูแล".. ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความ เข้าอกเข้าใจ  Empathy เข้าถึงหัวใจของผู้ป่วยสมองเสื่อม  และยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขครับ ... หมายถึง ต้องเข้าใจเวลาที่ผู้ป่วยมีสภาพอาการที่แปลก ๆ เช่น  หลง ๆ ลืม ๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ สูญเสียความจำระยะสั้น.. ทำให้เขาหงุดหงิด  รำคาญใจ  รวมถึงคนใกล้ตัวก็จะพลอยเกิดปัญหาในการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัวด้วยครับ..

นอกจากปรับที่ญาติหรือผู้ดูแลแล้ว.. เช่นที่คุณศศินันท์ ได้วิเคราะห์ในเรื่อง "สภาพแวดล้อม"  ต้องเน้นการปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยครับ  การจัดวางสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นระบบระเบียบ  ไม่เกะกะ  จัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้อยู่เป็นประจำ  ฝึกกระตุ้นให้ผู้ป่วยคุ้นเคยกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้เป็นประจำ เช่น  หวี  แปรงสีฟัน  กระจก  แป้งทาหน้า  ขัน  แก้วน้ำ ฯลฯ

ทำไมผมถึงแนะนำให้ผู้ป่วยสมองเสื่อม  และญาติ กระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้สิ่งจำเป็นพื้นฐานเหล่านี้.. เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกง่าย ๆ เหล่านี้  เป็นเครื่องมือสู่ การทำกิจวัตรประจำวัน  (Activity of Daily Living หรือ ADL) 

ADL จะช่วยให้ผู้ป่วยสมองเสื่อม ได้ฝึกการดูแลตัวเอง  ง่าย ๆ ฝึกท่านประจำ ซ้ำ ๆ ค่อยเป็นค่อยไป  ไม่ให้ท่านอึดอัด.. ค่อย ๆ ค่อย ๆ จนเกิดความคุ้นเคย และทักษะเดิมที่มีบวกกับประสบการณ์ใหม่ที่ง่าย

"คุณค่าในตัวเอง"  ของผู้ป่วย จะเกิดขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์ใจครับ... สำหรับในผู้ป่วยระดับที่มีภาวะสมองเสื่อมเล็กน้อย   อยากให้ลองนำแนวปฎิบัติจากนักกิจกรรมบำบัดอย่างผม ไปดูแลคนใกล้ตัวครับ ...

ที่สำคัญที่สุดคือ "ทัศนคติที่ดีของผู้ดูแลต่อผู้ป่วยสมองเสื่อมครับ"  ... เข้าอกเข้าใจ  เข้าถึงหัวใจ และยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข  .. ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อเป้าหมายในอิสระในการใช้ชีวิตครับ...

ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพียงเท่านี้ก่อนครับ

ขอบพระคุณครับ

  • สวัสดีค่ะ คุณพี่ศศินันท์ ..

ไม่เคยมีคนใกล้ตัวเป็นอัลไซเมอร์  แต่เคยมีพี่สาวที่รักมากเล่าให้ฟังว่า  พ่อของเพื่อนเธอเป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์ วัยประมาณ 70 กว่า   พี่สาวคนนี้เคยขับรถไปเจอพ่อของเพื่อนเดินท่อม ๆ อยู่ข้างถนนกลางกรุง  ก็เลยรีบโทรบอกเพื่อนก็ทราบว่าพ่อออกไปตัดผม  แต่ตอนนี้ยังกลับไม่ถึงบ้านเลย  พี่สาวคนนี้เลยรีบหาที่จอดรถแล้วลงไปยึดตัวพ่อของเพื่อนไว้พร้อมกับถามไถ่  ปรากฎว่าท่านจำทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้    ได้ยินแล้วก็น่าเป็นห่วงนะคะ  สำหรับผู้ป่วยโรคไซเมอร์ทุกคน    ควรจะต้องได้รับการใส่ใจและดูแลให้มาก ๆ

ย้อนกลับมามองตัวเอง  ก็กลัวเหมือนกันว่าอีกหน่อยหากอายุมากขึ้นแล้วมีอาการแบบนี้จะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างนะ?  เพราะแค่อายุไม่ถึง 30  ก็มีอาการน่าเป็นห่วงเสียแล้ว    เลยกลายเป็นวิตกจริตไปเลย    น่าเศร้ามาก    ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ต้องมีการทำบันทึกหรือเขียนโน๊ตเตือนความจำไว้    แรก ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ก็ขำ  แต่พอเห็นอาการหลงลืมของต้อมที่มีมากขึ้น ๆ ก็ชักจะเป็นห่วงว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่นำมาล้อเล่นเสียแล้ว    TT_TT   

 

สวัสดีค่ะ คุณศศินันท์

            คนเป็นอัลไซเมอร์จะมีทางหายขาดไหมค่ะคุณตาหนูก็เริ่มเป็นเหมือนกันค่ะ

ดิฉันเห็นคุณยายเพื่อน อายุ  70  ปี  เดินหายไปจากบ้าน  ป่านนี้ยังหาไม่พบเลยค่ะ  3  วันแล้ว  กำลังตามอยู่ กลุ้มใจกันมากเลยค่ะ

ดิฉันมีคุณตา ตอนนี้มีอายุ  92  ปี  แล้ว  ต้องคอยดูแลกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ขยับตัวไม่ได้  จำใครไม่ได้เลยขนาดไปดุแลกันทุกวันยังไม่รู้เลยว่าเป็น ใคร ชื่ออะไร แต่คุณตายังโชคดีที่มีญาติพี่น้องคอยดูแล ถ้าเป็นโรคนี้แล้ว  ไม่มีใครดูคงจะลำบากเหมือนกัน  ในอนาคตข้างหน้าดิฉันว่าคงจะมีคนเป็นมากขึ้นกว่าปัจจุบันแน่นนอนค่ะ

Joy ไม่มีรูป

 

 

สวัสดีค่ะ

 

การวิจัยถึงผลดี ผลเสีย ของแปะก๊วย ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในวงการ เพราะอาจจะยังไม่ถูกหลักวิชาวิจัย เท่านั้นค่ะ

แต่คนก็มีความเชื่อมานานว่า แปะก๊วยจะช่วยได้มาก ไม่น่าเสียหายอะไรที่จะทานค่ะ
ดิฉันอ่านดูแล้วค่ะ  ดิฉันว่าตอนนี้ดุไ ว่าคนเป็นโรคนี้กันมากขึ้นค่ะ  อีก  10  ปี อาจจะมากกว่านี้มากเลยน่าจะให้มีการให้ความรู้และเตรียมพร้อมไว้  จะดีกว่าเพราะไม่ทราบว่า จะเกิดกับครอบครัว หรือไม่

สวัสดีค่ะ

P

คุณบ่าววีร์บอกว่า

 

 กว่าจะเข้าประเด็นผมก็ลอยไปไหนต่อไหนแล้วนะครับ. ญาติที่อายุมากๆ ตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่ปู่ครับ. แต่ว่าปู่ท่านดูจะความจำดีกว่าผมอีกครับ.
  ก่อนอื่น ขอถามว่านื่คือ ภาษาอะไรคะ   वीर 
 สำหรับผู้สูงอายุ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคสมองฝ่อทุกคน นะคะคุณปู่ คุณย่า อายุ 85-86ปี คุณพ่อ 85 ปี เสียแล้ว แต่ทุกคนปกติหมด

คุณย่าของลูก ตอนนี้ อายุ 95 ก็ปกติ  มีพูดแล้ว พูดอีกบ้าง แต่ความจำยังดี

 เพียงแต่เรี่ยวแรง ลดน้อยถอยลงเป็นธรรมดาค่ะ 

กรณี คุณพ่อคุณแม่เพื่อน ที่เป็นทั้งคู่นี่ ค่อนข้างแปลกใจ คุณพ่อเป็นก่อน คุณแม่เป็นตามค่ะ

 

 แต่ลูกๆเขาก็เห็นเป็นธรรมดา ทำใจได้ อ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟังบ่อยๆ แวดล้อมด้วยลูกหลานที่รักและเข้าใจ ก็ไม่มีอาการอะไร นอกจากเงียบๆลงไปทุกที และไม่ค่อยทานอาหาร ต้องคอยป้อนค่ะ ปัจจัยกดดันทางสิ่งแวดล้อมไม่มี  จึงทำให้ท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดีพอสมควรค่ะ
 กรณีคุณบ่าววีร์ โชคดีแล้วค่ะ ขอให้คุณนึกถึงท่านมากๆ ไปเยี่ยมหรือโทรหาท่านบ่อยๆ ท่านจะมีกำลังใจมากค่ะ ความกตัญญูรู้คุณจะปกป้องไม่ให้คุณเจอกับโรคร้ายๆ   เมื่ออายุมากขึ้นนะคะ

 
ดิฉันสงสัยค่ะ  มีครอบครัวหนึ่งเป็นทั้งสามี และภรรยา เป็นโรคเดียวกันเลยค่ะ ยังนี้เป็นเพราพันธุกรรม หรือเปล่าค่ะ  ที่จริงไม่น่าจะเป็นพันธุกรรมน่ะ เห็นแล้วจึงแปลกใจค่ะ  หรือเป็นเพราะอายุมากแล้วจึงมีสิทธิที่จะเป็นได้เหมือนกันไม่จำเป็นต้องมาจากพันธุกรรม ขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ
P

 

สวัสดีค่ะ

     ขอบคุณที่เข้ามาให้ความคิดต่อยอดอย่างเป็นประโยชน์ที่สุดค่ะ 

  ในฐานะที่เป็น "นักกิจกรรมบำบัด"  เคยทำงานด้านผู้สูงอายุ   ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมมาก่อน 

      ตัวดิฉันเอง ไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์เลยค่ะ เพราะญาติๆ ผู้ใหญ่ไม่มีใครเป็น

แต่คุณพ่อคุณแม่เพื่อนสนิทเป็นโรคนี้ทั้งคู่  โดยคุณพ่อเป็นก่อนหลายปี และเสียชีวิตแล้ว ส่วนคุณแม่ เพิ่งเป็นมา3-4ปีแล้ว

สิ่งที่แปลกคือทั้งคุณพ่อ คุณแม่เพื่อน ไม่มีใครในครอบครัวเป็นมาก่อนเลย   เพิ่งจะมาเป็น และเป็นทั้งคู่เสียด้วย  แต่โชคดี ลูกๆดูแลดีมากค่ะ และไม่มีความกดดันเบื่อหน่ายอะไร  ทำเหมือนปกติค่ะ

      และที่ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจคือ สามีพี่ปริม   ผู้บังคับบัญชาเก่า เป็นโรคนี้มา 7 ปีแล้ว มีอาการทางสมอง ถึงกับชัก และต้องผ่าดัด 2 ครั้ง แล้ว ทางพี่ปริม ดูแลดีมาก ด้วยความเต็มใจอย่างไม่มีเงื่อนไขค่ะ  ด้วยความรักและเข้าใจ

ในสายตาของทุกคนที่รู้จัก พี่ปริม เป็นคนดีมากๆ  เสียสละเพื่อลูกและสามีมาตลอด ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์บ้างเล็กๆ

            แต่ทุกข์ครั้งนี้ เป็นทุกข์ครั้งใหญ่ของเธอค่ะ และคงอีกนาน กว่า จะสิ้นสุด  แต่เธอเป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดีมาก   ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชตาค่ะ  แต่ก่อนดิฉันเคยไปรับเธอไปวัดหลายครั้ง แต่หลายปีมานี่ ไม่มีเวลาได้ไปเลย  แต่เธอ ก็เข้าถึงสัจธรรมของชีวิตด้วยตัวของเธอเอง  อย่างแท้จริงค่ะ

          ดิฉันได้ศึกษาทางธรรมะมาพอควร  เชื่อมั่นค่ะ ว่าทุกชีวิต มิได้มีเพียงชีวิตนี้  แต่ทุกชีวิต มีชาติอดีต  กรรมดีกรรมชั่ว ทำมามาก  ซึ่งย่อมให้ผล ตรงตามเหตุทุกประการ

 แม้ว่าผลอาจไม่เกิดขึ้นพร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่าง และอาจไม่เรียงลำดับตามเหตุที่ได้กระทำแล้วก็ตาม แต่ผลทั้งหลายย่อมเกิดแน่

           แต่เธอก็ยังโชคดี ที่ได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  2 ท่านเมตตาดูแล รักษาอยู่ค่ะ                  

เรียน ท่านอาจารย์ sasinada

  • โชคดีครับ คุณย่าของลูก ๙๕
  •  แม่มานีของ JJ อ่อนกว่า แค่ ๙๒
  • นอนตลอดครับ ที่ ร.พ

สวัสดีครับ พี่ศศินันท์

บันทึกนี้พิสูจน์ความรักของคนสองคนที่เฝ้าดูแลกันได้อย่างน่าประทับใจ .. ในความโชคร้ายของคนป่วยไข้  ชีวิตก็ใช่เลวร้ายไปเสียทั้งหมด  เพราะยังมี "คนของความรัก"  ดูแลอย่างใกล้ชิด

ผมประทับใจเรื่องที่เล่ามาก  โดยเฉพาะหัวจิตหัวใจของคนที่เฝ้าดูแลเพื่อนชีวิตอย่างไม่รู้สึกสิ้นหวัง  หรือแม้แต่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวหลบเร้นออกไปจากห้วงทุกข์ของใครสักคน

ตอนนี้ที่บ้านผม,  พ่อในวัย 74  ปียังขับรถยนต์ทางไกล  แต่ทุกครั้งท่านจะต้องให้แม่นั่งไปเป็นเพื่อนเสมอ

และดูเหมือนการที่มีแม่นั่งไปด้วย... ท่านจะมีความสุขอย่างมากมายก่ายกองเลยทีเดียว

 

บันทึกอาจจะดูเป็นวิชาการอยู่บ้าง  แต่ผมประทับใจเรื่องเล่าอันเป็น "นากฏกรรมชีวิต" ..ของคนสองคนมากกว่า

อย่างน้อย ...ก็รับรู้ว่า  "มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อจะพ่ายแพ้.." 

....

ขอบพระคุณครับ

พิเชษฐ์พล ไทยประสงค์
P

สวัสดีค่ะ

            ขอบคุณที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ         คุณ  พิเชษฐ์พล ไทยประสงค์

บอกว่า

 

 จะต้องมีคนใกล้ชิดสังเกตุอาการตลอดเวลาครับ เพราะอาการที่แสดงออกตอนแรกจะไม่ชัดเจนครับ ..........ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ 
ค่ะ อาการในตอนแรก  น่าจะมีอาการหลงลืม หรือบกพร่องด้านความจำ มากน้อยต่างกัน  รวมทั้งเรื่องความคิด เหตุผล ความจำ และการใช้ภาษา  จะมีปัญหาด้วย การรักษาโดยให้ท่านทำกิจกรรมที่คุ้นเคย เป็นเรื่องที่ดีค่ะ    อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ต้อง มีคนดูแลใกล้ชิด รวมถึงมีการปรับสภาพแวดล้อมให้สงบสบาย  จะช่วยได้พอสมควรอย่างมากค่ะ
ส่วนการช่วยแบบอื่นๆเช่นเรื่องดนตรี   การวางและสับไพ่ และการบริหารสมองด้วยวิธีต่างๆ  และการทานสารสกัดจากใบแปะก๊วย    เท่าที่ทราบ ได้ผลดีทีเดียวค่ะ

สวัสดีค่ะ

P

 

 

ดีใจที่แวะเข้ามาให้ความเห็นค่ะ

น้องเล่าว่า

 

 พี่สาวคนนี้เคยขับรถไปเจอพ่อของเพื่อนเดินท่อม ๆ อยู่ข้างถนนกลางกรุง  ก็เลยรีบโทรบอกเพื่อนก็ทราบว่าพ่อออกไปตัดผม  แต่ตอนนี้ยังกลับไม่ถึงบ้านเลย  พี่สาวคนนี้เลยรีบหาที่จอดรถแล้วลงไปยึดตัวพ่อของเพื่อนไว้พร้อมกับถามไถ่  ปรากฎว่าท่านจำทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้    ได้ยินแล้วก็น่าเป็นห่วงนะคะ  สำหรับผู้ป่วยโรคไซเมอร์ทุกคน    ควรจะต้องได้รับการใส่ใจและดูแลให้มาก ๆ
 อาการหลงลืมแบบนี้ เคยได้ยินคนเล่าให้ฟังหลายคนทีเดียวค่ะ อาการหลงลืมมีสาเหตุมากนะคะ แต่ถ้าเป็นถึงขนาดโรคอัลไซเมอร์  จะน่ากลัวทีเดียวค่ะ เคยอ่านพบว่า ใน100คนที่หลงลืม เป็นโรคสมองฝ่อซะ 50 คนแล้ว แต่น้องอย่าไปกังวลมากมายเลยค่ะ  คนเรามีการลืมกันทุกคนค่ะ

เคยอ่านพบว่า  ความจำและข้อมูล เกิดจากการส่งสัญญาณผ่านเซลล์ประสาทไปสู่สมอง  แต่พอเราอายุมากขึ้น เซลล์ประสาทจะมีขนาดเล็กลงและจำนวนน้อยลง ทำให้การทำงานของสมองลดลงบ้าง ทำให้เรารู้สึกขี้ลืมกว่าเดิค่ะ

 

 ทำใจให้สบายนะคะ  นั่งสมาธิ   ฝึกสติ   ทำใจให้ใสๆ อย่าขุ่นมัวบ่อยๆ มองโลกในแง่ดี  อย่าอยู่ว่างๆ     ต้องทำงานหรือมีกิจกรรม ให้ได้ใช้สมองอย๋เสมอ    ก็จะช่วยได้มากค่ะ

อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายเรื่องครับ...

นอกจากการดูแลคนป่วยแล้วเราต้องดูแลตัวเองด้วย โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจของเรา และธรรมะก็เป็นทางออกที่ดีของเรื่องนี้จริง ๆ ครับ...

ขอบคุณครับ...

สวัสดีค่ะ

ไม่มีรูป
กฤษณา

 

คุณกฤษณา นอกว่าคุณตาก็เริ่มเป็นเหมือนกัน จะหายขาดไหม

 

ข้อนี้ คงต้องให้คุณหมอเป็นผู้วินิจฉัยค่ะ

แต่ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ แต่ละท่านจะเป็นนานมาก หลายปีทีเดียว  อาการมากน้อยต่างกัน เท่าที่ไปเยี่ยมมา 4-5 รายแล้ว บางท่าน ก็เสียชีวิตไปแล้วค่ะ

แต่ ทุกคนก็ต้องตาย ไม่ช้าก้เร็ว นะคะ อย่ากังวลดีกว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด รักคุณตาให้มากๆ หมั่นไปเยี่ยมท่าน ใกล้ชิดท่านให้มากๆนะคะ
ไม่มีรูป
ดาวเรือง
สวัสดีค่ะ 

คุณดาวเรืองเล่าว่า 

 มีคุณตา ตอนนี้มีอายุ  92  ปี  แล้ว  ต้องคอยดูแลกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ขยับตัวไม่ได้  จำใครไม่ได้เลยขนาดไปดุแลกันทุกวันยังไม่รู้เลยว่าเป็น ใคร ชื่ออะไร 

คนป่วยโรคนี้ ความสำคัญคงอยู่ที่การดูแลใกล้ชิด คุณตาโชคดีที่มีคนดูแลใกล้ชิด

 

ซึ่งเท่าที่เห็นมาคุณหมอจะแนะนำให้ ผู้ดูแลเตรียมตัว เตรียมใจกับการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่มีขึ้นลงบ่อยๆ

  แต่ถ้า ท่านเป็นบุคคลที่เรารักอย่างคุณตานี้แล้ว   เราก็ไม่หงุดหงิดหรอกนะคะ   ถ้ามี ก็คงน้อยมากค่ะ
P
JJ

 

สวัสดีค่ะ

 ดีใจที่อาจารย์มาเยี่ยมค่ะ ที่อาจารย์บอกว่า ท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง นอนอยู่โรงพยาบาลตลอด ไม่ทราบว่า เป็นอะไรคะ ถ้า เป็นโรคนี้ ก็ค่อยยังชั่ว มีคนคอยดูแลนะคะ 

เพราะที่โรงพยาบาลอยู่ใกล้ชิดแพทย์ ซึ่งจะมีการวางแผนการรักษาอย่างเนิ่นๆ และคอยดูแลอาการตลอด

 แต่คนสูงอายุมากๆ ถึงไม่ได้เป็นอะไร ก็คงอยู่คนเดียวไม่ได้ค่ะ  เพราะความจำและการช่วยเหลือตัวเอง ก็เริ่มมีปัญหาแล้วค่ะ
P

สวัสดีค่ะ

 

เรื่องนี้อาจดูหนักไปหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่เราควรต้องศึกษากันไว้บ้าง สำหรับคนในครอบครัว และ อาจจะเป็นตัวเองบ้างก็ได้ค่ะ และดิฉัน ก็เห็นอาการของโรคจากท่านผู้ใหญ่หลายๆท่านด้วยตาตัวเอง มาหลายปี 

 

คนป่วยกับคนพยาบาล  ดูเหมือน คล้ายๆกับว่า จะถูกลงโทษเหมือนๆกัน

ทางออก น่าจะเป็นว่า

สังคมที่มีผู้ป่วยนี้ น่าจะรวมตัวกัน ช่วยเหลือกัน หรือจัดตั้ง สถานที่ให้ผู้ป่วยรวมตัวกัน จะได้มีสังคมกัน ช่วยเหลือกัน  มีกิจกรรมร่วมกัน ไม่รู้สึกอ้างว้างจนเกินไปค่ะ
  • สวัสดีค่ะ  คุณพี่ศศินันท์ ..

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆ ค่ะ   จะนำไปปฏิบัติ  ^_^

 คงเพราะเป็นคนที่ทานยานอนหลับติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานเกือบสิบ ๆ ปี  จึงส่งผลต่อระบบประสาทบางส่วน   ซึ่งมีเพื่อน ๆ ที่เป็นพยาบาล และอาจารย์ของเพื่อนได้ให้คำแนะนำ  แต่ ณ ตอนนั้นด้วยความที่เป็นเด็กเลยไม่ค่อยสนใจจะทำตาม   เพราะถ้าไม่ทานก็จะนอนไม่หลับ    เวลานอนและกิจกรรมของต้อมสวนทางกับคนอื่นน่ะค่ะ   เลยพยายามแก้ไขด้วยตนเองในวิธีที่ผิดมาโดยตลอด    จนกระทั่งวันหนึ่งรู้สึกอาการชักจะมากไปเลยต้องหยุดไปโดยปริยายแต่ก็สายไปเสียแล้วค่ะ   

รู้สึกแย่เหมือนกันที่ตื่นขึ้นมาวันหนึ่งแล้วราวกับช่วงชีวิตหนึ่ง ๆ ที่เคยดำเนินมานั้นหายไป   จำไม่ได้    แต่ก็ตั้งสติและพยายามแก้ไข

พี่ ๆ แนะนำให้ทานแป๊ะก๊วย และให้ฝึกคิด  ฝึกทำกิจกรรมหลายอย่างที่ช่วยในการฝึกสมอง    ตลอดจนให้ฝึกทำสมาธิน่ะค่ะ   ก็ปฏิบัติอยู่

สวัสดีค่ะ

P

 

 

คุณต้อมคะ  

     ยังไม่ช้าไปที่จะรีบปฏิบัติตัวใหม่ค่ะ โดยการนำเทปหรือนำหนังสือธรรมะมาอ่าน มาฟัง ทำใจให้ใสๆ สงบๆ เบาๆ สบายๆ มีงาน มีกิจกรรมทำสม่ำเสมอ  รักษาสุขภาพให้แข็งแรงตามที่แพทย์แนะนำ เช่น   ไม่สูบบุหรี่  อย่าปล่อยให้อ้วน  เพราะอาจจะทำให้ระดับไขมันสูง  และอย่าทานยานอนหลับโดยไม่จำเป็น เป็นต้น

            สำหรับการทำสมาธิ ฝึกจิต  ควรตัองไปหาพระหรือวัดที่ศรัทธา แนะนำวิธีการที่ถูกต้องให้นะคะ  สำหรับพี่เอง พี่มีวัด มีหลวงพ่อ มีวิธีการที่ศรัทธา และถูกจริตของตัวเองค่ะ

                การฝึกสมาธิ จะช่วยดึงใจที่ซัดส่ายไปตามอารมณ์ต่างๆ ให้กลับเข้ามาสู่ภายในตัวเอง  เมื่อใจเราหยุดนิ่ง  สงบระงับ กิเลสทั้งหลาย คือ โลภะ โทสะ โมหะ ก็จะเบาบางลงมาก มีความสุขขึ้น  เกิดปัญญาในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องต่อไปค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณพี่ศศินันท์ ..

เคยได้ยินเกี่ยวกับการบำบัดด้วยศิลปะด้วย เค้าทำกันยังไงเหรอคะ  

 

ไม่มีรูป
ดาวเรือง

 
สวัสดีค่ะ

คุณดาวเรืองบอกว่า

อีก  10  ปีอาจจะจะมีผู้ป่วยโรคสมองฝ่อ  มากกว่านี้มากเลยน่าจะให้มีการให้ความรู้และเตรียมพร้อมไว้  จะดีกว่าเพราะไม่ทราบว่า จะเกิดกับครอบครัวเรา หรือไม่

 ค่ะ คงจะเป็นหนึ่งใน หลายๆโรค ที่ คุกคามคนไทยอยู่นะคะ  เพราะ  ปัจจัยหลักก็คือการที่มีจำนวนประชาการสูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในประชากรภูมิภาคเอเซีย

นอกจากนี้ ก็มีโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน ธัยรอยด์ ข้ออักเสบ ภูมิแพ้เป็นต้นค่ะ

 เป็นอีกหลายๆโรคที่เราต้องระวังสำหรับผู้สูงอายุค่ะ
  • คุณพี่ศศินันท์ คะ ..

เช้า ๆ จะเปิดซีดีธรรมะ   เสียงสวดมนต์  หรือไม่ก็ฟังเพลงบรรเลงเบา ๆ ที่มีไว้สำหรับคลายเครียด    แต่พอทุกคนมาทำงานก็ร้องกันลั่น  ให้เปลี่ยนแผ่นทีเถอะ   TT_TT

 

หนังสือธรรมะ อ่านประจำค่ะ  เพราะมีพี่ ๆ ใจดี ส่งมาให้อ่านอยู่เรื่อย ๆ

ขอบคุณนะคะ  สำหรับคำแนะนำดี ๆ

P

 

สวัสดีค่ะ

 ตอนนี้ รู้สึกดี โปร่ง โล่ง สบายขึ้นใช่ไหมคะ หลังจากทำใจนิ่งๆ ไม่ส่ายไปมาอยู่พอควร

คนเราต้องละวางบ้าง อย่าไปแบกอะไรต่ออะไร มากเกินไป ตลอดเวลาค่ะ

 สำหรับเรื่องการใช้ศิลปะเข้าช่วยบำบัด น่าจะเป็นอย่างนี้ค่ะ ศิลปะบำบัด หรือ Art Therapyศิลปะเป็นศาสตร์ที่ช่วยในการบำบัด รักษาโรค รวมทั้งยังช่วยให้คนมีพฤติกรรมที่ไม่ดี  กลับกลายเป็นคนมีพฤติกรรมดีขึ้นได้ 

โดยนัยสำคัญของเรื่องนี้คือ การนำเอาศิลปะ เช่นการวาด การปั้น เป็นต้น   มาช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นยามตกอยู่ในอาการก้าวร้าวหรืออารมณ์หดหู่

 

สำหรับสามีของพี่ปริม ใช้ดนตรีบำบัดค่ะ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะเป็นคนชอบดนตรีและชอบร้องเพลง  สามาiถต่อเพลง บัวขาวได้ จนจบค่ะ   ตอนนี้ กำลังหัดตีระนาดอยู่ค่ะ

 

 ได้ทราบมาว่า  การนำดนตรีมาใช้ในการรักษาโรคได้เกิดขึ้นประมาณ 5,000 ปีมาแล้วค่ะดนตรีบำบัดได้พัฒนาจากตำนานกลายเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยนำดนตรีมาใช้ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้มีการจัดตั้งสมาคมดนตรีบำบัดเป็นครั้งแรกที่ประเทศอเมริกา   ปัจจุบันมหาวิทยาลัยหลายแห่งมีหลักสูตรดนตรีบำบัด และขยายความรู้ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกค่ะ  

 

P

สวัสดีค่ะ
ประทับใจกับการต่อยอดบันทึกนี้ ของคุณพนัสเป็นอย่างมากๆค่ะ  เขียนได้ตรงใจคนหลายๆคนมากๆค่ะ ขอบคุณค่ะ

นี่คือสิ่งที่เป็นความรู้สึกแท้จริงที่อยากจะเขียน แต่เขียนไม่ค่อยออก  มันตื้นตันใจมาก

ที่เขียนบันทึกนี้  เป็นความรู้สึกประทับใจกับพี่ปริมจริงๆค่ะ เพราะรู้จักกันมานานกว่า 35 ปี และอยากจะเล่าเรื่องโรคสมองฝ่อ ที่เดี๋ยวนี้เราพบเห็นคนเป็นกันมากขึ้น และอยากจะเล่าว่า ผู้ป่วยอาการดีขึ้นเพราะอะไรบ้างค่ะ
สรุปที่ผู้ป่วยอาการดีขึ้นเพราะ
1.มีครอบครัวและคู่ชีวิต ที่ดีมากดูแลให้กำลังใจ บริบาลด้วยความรัก เห็นใจ เต็มใจอย่างแท้จริง
2.พี่ปริม ไปเข้ารับการอบรม การบริบาลผู้ป่วย เพื่อมาดูแลอย่างถูกหลักวิชา มีแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลที่สามารถให้คำปรึกษากรณีฉุกเฉินได้ตลอดเวลา เช่น กรณี ผู้ป่วยชักหรือแพ้ยา เป็นต้น
3.มีผู้ช่วยพยาบาลช่วยประกบดูแลตลอด 24 ช.ม. ไม่เปิดโอกาสให้เกิดอันตรายใดๆกับผู้ป่วยได้ แม้กระนั้น ก็เคยสดุดหกล้ม และต้องไปโรงพยาบาล
4.กรณีที่พี่ปริม ไม่อยู่ด้วยธุระสำคัญ ก็มีการนำตัวผู้ป่วยไปฝากไว้ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคนี้โดยเฉพาะ  ไม่ปล่อยให้อยู่บ้านเองกับผู้ช่วยพยาบาล
5.พี่ปริม ทำใจได้ ต่อการเจ็บป่วยของคู่ชีวิต ไม่สิ้นหวัง ไม่ตีโพย ตีพาย ไม่ทอดทิ้ง และพยายามทุกวิถีทางที่จะฟื้นฟูผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
ดิฉันเคยเห็นพี่ปริม กุมมือ ทำเสียงปลอบประโลมให้ความมั่นใจสามี ยามตื่นตระหนกและร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆแล้ว สะท้อนใจจนบอกไม่ถูกค่ะ
ขอบคุณๆพนัสอีกทีค่ะ

ไม่มีรูป
กฤษณา

 

สวัสดีค่ะ

 คุณกฤษณาบอกว่า ดิฉันสงสัยค่ะ  มีครอบครัวหนึ่งเป็นทั้งสามี และภรรยา เป็นโรคเดียวกันนี้เลยค่ะ ดิฉันเห็นว่า น่าจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่าค่ะ เพราะถ้าหมายถึงคู่คุณพ่อคุณแม่เพื่อนที่ดิฉันเล่า ทั้งคู่ ไม่มีพันธุกรรมมาก่อนเลยค่ะพอดีคุณแม่ ก็เป็นแม่บ้านธรรมดาที่ ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก อยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่  สมองจึงไม่ค่อยได้รับการกระตุ้นมากนัก  สติปัญญาไม่ได้รับการกระตุ้นให้ตื่นตัว จึงมีอาการหลงลืมมากขึ้นๆ  และลามมาถึงโรคสมองฝ่อ ในที่สุดค่ะ

สวัสดีครับ

เท่าที่อ่านดู comment ก็เป็นกันเยอะจริง ๆ ครับ เป็นโรคที่คนเป็นไม่ทุกข์ แต่คนไม่เป็นนี่เหละทุกข์ทรมานสาหัส   ต้องนับถือความรักความอดทนของคนรอบข้างจริง ๆ ครับ   

ผมเห็นคุณแม่ท่านหนึ่งที่สนิทกัน มีลูก 2 คน จนตอนนี้ทั้งสองคนอายุ 40 แล้ว แต่พิการทางสมองตั้งแต่เด็กทั้งคู่ อายุ 40 ปี แต่เหมือนเด็กอายุ 3 ขวบ  ต้องเลี้ยงดู  กันมานาน 40 ปีแล้ว ผมเห็นถึงความอดทน ความรักของแม่ ที่เด่นชัดมาก แล้วก็ไม่รู้อีกสักกี่ปี

"  พี่ปริม ทำใจได้ ต่อการเจ็บป่วยของคู่ชีวิต ไม่สิ้นหวัง ไม่ตีโพย ตีพาย ไม่ทอดทิ้ง และพยายามทุกวิถีทางที่จะฟื้นฟูผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่   "  

เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม อีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้สัมผัส เรื่องหนึ่งทีเดียวครับ

P

สวัสดีค่ะ

      ถ้าเป็นอย่างนี้ คงต้องฟังที่บ้านแล้วละค่ะ หรือ มีหูฟังส่วนตัวค่ะเราสามารถฝึกสมาธิได้ ในทุกอิริยาบทค่ะ เวลาทำงานเราก็จะมีสติสมาธิ อยู่กับงานตรงหน้า  ทำงานได้ผลดีมากๆค่ะ รับรอง

สวัสดีค่ะ

อยากเข้ามาบอกว่า แปะก๊วยช่วยมากค่ะ ดีจริงๆ ทานได้ ไม่เสียหาย

เมืองไทยเรามีศูนย์ให้ความช่วยเหลือหรือเปล่าครับ? ถ้าผมอายุมากมาแล้ว หลงๆลืมๆ อยู่ตัวคนเดียว จะไปที่ไหนได้บ้างครับ? (ยกเว้นรายการโทรทัศน์หนะครับ.)
ไม่มีรูป
วิไล
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณในข้อมูลนะคะ  สมุนไพรสกัดนี้ ตอนนี้อาจแพงหน่อยค่ะ
P

 

อีกนานค่ะ กว่าจะแก่ขนาดนั้น

 

แต่จะถามพี่ปริมให้ เขาเล่าให้ฟังแล้ว ไม่ได้จำว่าชื่อศูนย์อะไร เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆ

 ชื่อแพทย์ที่รักษา 2 ท่าน สนใจไหมคะ ท่านเก่งมากนะ อยู่โรงพยาบาลจุฬา ระดับศาสตราจารย์เลยเป็นแพทย์ทางอายุรกรรมประสาทท่านหนึ่งกับแพทย์ทางผ่าตัดสมองอีกท่านหนึ่ง เขามี 2 หมอค่ะ
P
สวัสดีค่ะ
ดีใจที่คุณหมอเข้ามาเยี่ยมค่ะ

 และcommentว่า

 เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม อีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้สัมผัส เรื่องหนึ่งทีเดียวครับ
ตรงกับวัตถุประสงค์ที่เขียนเรื่องนี้เลยค่ะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในความเป็นศรีภรรยา คู่ทุกข์คู่ยากที่ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ

โรคนี้ แม้รักษาไม่ได้ แต่ชลอได้นะคะ

ได้อ่านพบว่า ทางการแพทย์ ก็พยายามหาทางรักษาโรคนี้อยู่ เช่นการใช้ยาลดการอักเสบในสมองของคนไข้ หรือยาที่ใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ก็อาจช่วยได้ 

 สามีของพี่ปริม ก็ทานยากลุ่มนี้อยู่ค่ะ  และการกินฮอร์โมนเอสโตรเจนก็อาจช่วยได้ แต่ในระยะยาวไม่แน่ใจว่าจะมีผลเป็นอย่างไร
สรุป
ยังไม่มีอะไรแน่นอนเลยที่แน่ๆคือ ต้องมีการลับสมอง บำรุงความพร้อมของสติปัญญาเสมอ
 จะช่วยทำให้หลงลืมช้าลง และได้อ่านพบว่า จะช่วยสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทได้ดีขึ้นด้วย

สวัสดีค่ะ

บันทึกนี้ อ่านแล้วประทับใจคุณปริมและญาติๆที่ดูแลผู้ป่วยมากค่ะ คงต้องอดทนด้วยความรักจริงๆนะคะ

น่าจะมีการรักษาที่ดีกว่านี้จัง

ไม่มีรูป
จารี

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่ชมค่ะ

การอยู่ร่วมกับคนเป็นอัลไซเมอร์ หัวใจคือ การบริบาล การช่วยดูแล อยู่เป็นเพื่อน ผู้ป่วยตลอดเวลา มุ่งไปที่ว่า ผู้ป่วยพอทำอะไรได้บ้าง  และพยายามสร้าง  ส่งเสริม  ให้ผู้ป่วยได้มีกิจกรรมกระตุ้นความจำ และเสริมสร้างสติปัญญาค่ะ
P

สวัสดีค่ะ

 

     เรื่อง Nursery  สำหรับผูป่วยที่เคยพาไป  ไปถามมาแล้วค่ะ อยู่แถวถนนหมู่บ้านสี่ไชยทอง  แจ้งวัฒนะ กับแถวลาดพร้าวค่ะ

 
  • มีความก้าวหน้าเกี่ยวกับผู้ป่วยนิดหนึ่งค่ะ
  • ร้องเพลงได้จบเพลงแล้ว อ่านปฏิทิน 1 ปีมี12 เดือนได้
  • นับสตางค์เหรียญได้ค่ะ ในระดับหนึ่ง
ค่อยสบายใจขึ้นนะคะ

สวัสดีค่ะ

ดิฉันเคยเห็นคุณปู่เพื่อนเป็นโรคนี้ แต่ซึมเศร้า ทำอะไรไม่ค่อยได้ ทายยาอะไรไมทราบ นอนส่วนใหญ่ค่ะ ดูน่าสงสารท่านมาก โรคนี้ จะเหี่ยวเฉาไปทีละน้อยๆ น่ากลัวจังค่ะ

ไม่มีรูป
สุรีย์

 

สวัสดีค่ะ

             คงจะเป็นที่สารเคมีในสมอง เสียความสมดุลย์ไป ตามที่ทราบมา เลยมีอาการซึมเศร้า บางคนก็ร้องไห้ด้วยค่ะ ต้องค่อยๆปลอบโยนให้ความมั่นใจค่ะ

สวัสดีครับ

ทำไงถึงจะทราบว่า ใครเป็นโรคนี้ล่ะครับ  แต่เนิ่นๆ ที่เล่ามานี่ ไม่เห็นบอกประเด็นนี้เลย เพราะคนในครอบครัวน่าจะสังเกตได้ก่อนใครนะครับ

      เท่าที่ไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยตามที่เล่าข้างต้น      แพทย์จะให้ท่านทำกิจกรรมที่คุ้นเคย  และเพิ่มการฝึกความจำ  และมีเกมส์ เสริมสร้างสติปัญญา  มาให้ฝึกด้วยค่ะ    ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ     เห็นว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ต้อง มีคนดูแลใกล้ชิด รวมถึงมีการปรับสภาพแวดล้อมให้สงบสบาย  
 

สวัสดีค่ะP

  •  ขอบพระคุณค่ะที่เข้าไปเยี่ยมในบล็อกเรื่องลูก ๆ
  •  ดูจากความคิดเห็นของคนเข้าร่วม ลปรร. ในบล็อกของพี่แล้ว เรียกว่า เรตติ้ง พุ่งกระฉูดจริง  ๆ ค่ะ
  •   สังคมแห่งการเรียนรู้แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างนี้ เป็นที่น่าชื่นใจนะคะ     

พี่ศศินันท์ครับ

ผมเห็นด้วยกับหลายท่านที่บอกเล่าในทำนองที่ว่า คนป่วยเป็นทุกข์ก็จริง  และคนดูแลคนป่วยอาจเป็นทุกข์ "ปวดใจ"  มากกว่า  และถ้าภูมิต้านทานทางจิตใจและบริบทของความรักส่งไม่ถึงกัน  มีหวังคนดูแลจะป่วยใจไปด้วยอย่างไม่ยากเย็น

การที่คนสองคนเกาะกุมมือเดินฝ่าข้ามอุปสรรคอะไรสักอย่างในแบบของการ "ร่วมด้วยช่วยกัน"   ผมถือว่าอุปสรรคอันใหญ่หลวงแค่ไหนก็ไม่น่าหวาดวิตก  เพราะอย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าเราไม่ได้เผชิญต่อสิ่งนั้นอย่างเดียวดาย  

แต่กรณีที่คนรักอีกคนที่เราเกาะกุมมือเขามาด้วยนั้น  ไม่สามารถรับรู้  หรือช่วยเหลือ, หรือแม้แต่แบ่งเบาอะไรเราได้นัก  ผมถือว่ากรณีเช่นนี้หน่วงหนักเป็นพิเศษ  หัวจิตหัวใจของใครนั้นจึงยิ่งใหญ่ควรค่าต่อการคาราวะเป็นที่สุด  และการยังเกาะกุมมือเดินมาอย่างช้า ๆ โดยไม่คิดที่จะปล่อยเลยไว้ตามเส้นทางนั้น  ต้องถือได้ว่าเป็นการเดินทางแห่งชีวิตอันแท้จริง  และนั่นคือการยืนยันอันสำคัญว่าอานุภาพแห่งความรักยิ่งใหญ่เสมอ  และเราเองก็ต้องไม่สูญเสียศรัทธาต่อการมีชีวิตอยู่  ...  บางห้วงเวลาเช่นนั้น  จึงอาจดูเหมือนใครคนหนึ่งกำลังเผชิญบางอย่างอยู่อย่างเดียวดายได้เหมือนกัน  ...

ผมวกกลับมาเพียงเพื่อต้องการแสดงความคาราวะต่อหัวจิตหัวใจอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงท่านหนึ่งในบันทึกนี้..

....

อานุภาพแห่งรัก

แน่นหนักราวภูผาใหญ่

แม้นความตายพรากกายสลายไป

แต่ความรักยังอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ .

 

ส่งความ คารวะ และกำลังใจให้ คุณ พี่ปริม ด้วยนะคะ

และขอบคุณ เรื่องเล่าดี ๆ และข้อความเห็นต่อยอด

ทั้งที่เป็นเรื่อง เศร้า และหนักหนา สาหัส

แต่เต็มไปด้วยความรัก ความชื่นชม และปรารถนาดี

ในขณะเดียวกัน ก็ เป็นบทเรียนดีๆ ให้กับผู้อ่าน นะคะ

ขอบคุณคุณ sasinanda
สำหรับบันทึกเกี่ยวกับกรณี Alshiemer

ในปัจจุบันการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยกลุ่มนี้ ต้องการผู้เชี่ยวชาญหลายๆด้าน

กิจกรรมบำบัด เป็นเพียงวิชาชีพหนึ่งที่อยู่ในทีม

แต่ทีมการฟื้นฟูสมรรถภาพนั้นก็มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับ ปัญหาในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่เร่งด่วยต่อการเปลี่ยนแปลง

เช่น ปัญหาเรื่องความจำและการรับรู้  ทีมทางการแพทย์ก็ต้องให้การฟื้นฟูสมรรถภาพการรับรู้และความรู้ความเข้าใจ หรือ Perceptual-cognitive rehabilitation

อย่างไรก็ตาม "ความรักและความห่วงใย" ที่พอเหมาะ ไม่ดูแลมากจนเกินไปจนทำให้ผู้ป่วยขาดอิสระในการพัฒนาทักษะชีวิตด้วยตนเอง

P

 
สวัสดีค่ะ   
  ได้เข้าไปอ่านเรื่องโรงเรียนแนวพุทธ  ที่เล่ามา น่าสนใจมากค่ะ และพัฒนาการเด็กเป็นสิ่งที่สนใจ มีหลานอายุ 1 ขวบเศษเหมือนกัน กำลังฝึกการเข้ากลุ่มเล่นกับเพื่อนๆวัยเดียวกันอยู่ เขาอยู่บ้านเงียบๆ ไม่ค่อยคุ้นกับกิจกรรมร่วมกับเด็กมากๆค่ะ    
  เด็กๆเป็นความชื่นใจของผู้ใหญ่ มีการเจริญเติบโตขึ้นทุกวัน แต่ผู้ใหญ่ที่ถอยลงไปเป็นเด็กเล็กๆ    เป็นเรื่องน่าเห็นใจและน่าเศร้าค่ะ       ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ 

อานุภาพแห่งรัก

แน่นหนักราวภูผาใหญ่

แม้นความตายพรากกายสลายไป

แต่ความรักยังอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ .

P
สวัสดีค่ะคุณพนัส

คุณพนัสเป็นคนมีจิตใจอ่อนโยนเมตตาต่อผู้อื่นมากความรู้สึกชนิดนี้  สมาชิกทุกคนใน G2K  ซาบซึ้งกันเป็นอย่างดีค่ะ

 คุณเป็นคนที่เอื้ออาทร และแคร์ต่อความรู้สึกคนอื่นเสมอค่ะ

พี่ปริมเป็นพี่สาวร่วมโลกที่ดิฉันรักมากมานานแล้ว

เห็นความสุข ความทุกข์ในครอบครัวเธอมาตลอด  เธอเป็นคนมีญาติมาก สามีก็มาจากครอบครัวใหญ่  มีคนให้กำลังใจมากมาย

และนี่เอง อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอมีกำลังใจ  ยืนหยัดต่อสู้อย่างเข้มแข็ง  กับการรู้เห็นในอาการป่วย    และการรักษาพยาบาล สามีที่รัก  อย่างไม่ย่อท้อ   สรรหาวิธีการต่างๆมาทดลอง  โดยมีความหวังว่า  เผื่ออาการจะดีขึ้น    จนบัดนี้ 7 ปี เศษแล้ว 

 

ตอนนี้เธอดีใจมากที่เห็นอาการของสามีดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาค่ะ

 

และนั่นคือการยืนยันอันสำคัญว่าอานุภาพแห่งความรักยิ่งใหญ่เสมอ 

อย่างที่คุณพนัสกล่าวค่ะ 
P
สวัสดีค่ะ
คุณหมอคะเห็นหน้ายิ้มๆใจดี ของคุณหมอมาเยี่ยม ดีใจมากเลยค่ะ ตั้งแต่กลับมา ก็มีกิจกรรมมากมาย ไม่เว้นว่างเลยนะคะคุณหมอ คงจะนำไอเดียดีๆมาปรับปรุง แนวทางการรักษาผู้ป่วยอีกมากเลยค่ะ

แต่ที่เห็นรู้สึกว่า  การแต่งกายของเจ้าหน้าที่เขา อาจจะดูไปรเวทหน่อยนะคะ  ดิฉันยังชอบแบบ ของเราค่ะ ดูเรียบร้อย

และน่าศัรทธามากค่ะเรื่องโรคภัยที่ใช้เวลารักษานานๆ  เป็นเรื่องที่ทรมานทั้งผู้ป่วยและคนใกล้ชิดที่ต้องพยาบาลทุกโรคเลยค่ะ
ดิฉันเคยรู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่ง  สามีเป็นอัมพฤกษ์  ต่อมาเดินไม่ได้เลย ภรรยาทนไม่ไหว ล่วงเข้าปีที่3 ก็ขอหย่าไป  ไปแต่งงานใหม่ค่ะ ทิ้งลูก 2 คนอยู่กับสามีเก่า คุณย่ารับภาระเลี้ยงดู ตอนนี้ โตมากแล้วค่ะ    ดิฉันเคยไปเยี่ยมนานมาแล้ว   ตอนนี้ ไม่ได้ติดต่อกันเลย
ช่างต่างจากพี่ปริมผู้แสนดีของดิฉันมาก  พี่ปริมไม่มีวันทำแบบนั้นค่ะ ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ   ล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ
อย่างที่คุณหมอบอกค่ะเรื่องนี้ เป็นเรื่อง เศร้า และหนักหนา สาหัสแต่เต็มไปด้วยความรัก ความชื่นชม และปรารถนาดีในขณะเดียวกัน ก็ เป็นบทเรียนดีๆ ให้กับผู้อ่าน นะคะ 

สวัสดีค่ะ

  •  แวะตามมาขอบคุณค่ะ
  • "เธอเข้าใจและทำใจ ใช้หลักธรรม เมตตาบารมีเข้ามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว และไม่แพ้โลก กล่าวคือ ไม่ยอมเป็นทุกข์อย่างขาดสติ สามารถดึงใจให้กลับจากความเป็นทุกข์ ให้ดำเนินไปในทางปกติที่สุดได้สำเร็จ ไม่ยอมพ่ายแพ้แก่ชีวิตและแก่โลก"
  • ถ้าทุกคนทำได้อย่างเธอผู้นี้ได้ก็ดีนะค่ะ...อะไรๆ ที่แย่ๆ ก็คงจะดีขึ้น

             มีข่าวว่า
 ตุ๊กตาอาจช่วยให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์บางรายยอมโต้ตอบและสื่อสารกับคนอื่นอีกครั้ง รวมถึงช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าหรือกระวนกระวาย

นักวิจัยของโรงพยาบาลนิวคาสเซิลเริ่มต้นศึกษาประโยชน์จากตุ๊กตา หลังจากเห็นคนไข้คนหนึ่งผูกพันกับตุ๊กตาหมีที่ลูกชายเอามาให้ นอกจากนั้น นักวิจัยยังพบว่า ของเล่นทำให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีเรื่องที่จะไปคุยกับคนอื่น

ทั้งนี้ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์อาจสูญเสียความสามารถในการแสดงอารมณ์ การเข้าสังคม และสติปัญญา อย่างไรก็ดี มีหลักฐานเล็กๆ น้อยๆ บ่งชี้ว่า ผู้ป่วยอาจมีปฏิกิริยาโต้ตอบหรือเอาใจใส่บางสิ่งที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของหรือมีความรับผิดชอบในการดูแล

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนตุ๊กตาจะช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าหรือกระวนกระวาย รวมถึงทำลายอุปสรรคขัดขวางการสื่อสาร บางครั้งมีการใช้ตุ๊กตาเพื่อกระตุ้นความทรงจำในอดีต เช่น การได้รับตุ๊กตาเป็นของขวัญจากพ่อแม่สมัยเด็กๆ

ในการศึกษากลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก คนไข้ 14 คนในสถานพักฟื้นได้รับแจกตุ๊กตาหรือตุ๊กตาหมี และถูกประเมินผลภายใน 12 สัปดาห์

เมื่อครบกำหนด นักวิจัยพบว่าคนไข้เหล่านี้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเจ้าหน้าที่และคนไข้อื่นๆ ดีขึ้น ทั้งที่บางคนในจำนวนนี้ไม่เคยพูดกับคนอื่นมาก่อนเลย

ดร.เอียน เจมส์ ผู้ทำการวิจัยระบุว่า แม้ตุ๊กตาไม่อาจช่วยรักษาอาการสมองเสื่อม แต่ก็ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น นอกจากนั้น เขายังหวังว่า นักวิจัยอื่นๆ จะนำเทคนิคนี้ไปขยายผลต่อไป โดยในส่วนของโรงพยาบาลนิวคาสเซิลนั้น ได้แจกตุ๊กตาหรือตุ๊กตาหมีให้ผู้ป่วยสมองเสื่อม 50 คนเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการวิจัยเพิ่มเติม

คลิฟ เอเวอร์ส ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลของอัลไซเมอร์ส โซไซตี้ ขานรับว่างานวิจัยนี้สะท้อนความสำคัญในการปฏิบัติต่อผู้ป่วยที่มีอาการสมองเสื่อมทุกระดับด้วยกิจกรรมที่มีความหมาย เช่น การบำบัดด้วยการกระตุ้นความทรงจำและความผูกพัน ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ดีในการสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ที่มีอาการสมองเสื่อมขั้นรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ดร.เอเวอร์สชี้ว่า การใช้ตุ๊กตาอาจไม่ได้ผลกับคนไข้อัลไซเมอร์ทั้งหมด ดังนั้น สถานพยาบาลควรพยายามคิดหากิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละราย



สวัสดีค่ะ

บันทึกนี้ มีการนำเสนอได้ดี รูปประกอบก็สวยและเข้ากับเนื้อเรื่อง ทำให้เรื่องไม่หนักจนเกินไปค่ะ ทั้งๆที่ เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก

แต่อ่านแล้วได้ความรู้ดีค่ะ

แวะมาขอบคุณครับ

กลอนธรรมดา ๆ ที่ผมแต่งขึ้น.. ได้ภาพที่มีความหมายมาประกอบ  ช่วยให้ความและคำดูดีขึ้นก่ายกองเลยทีเดียวครับ

สวัสดีค่ะ พี่

P
อ่านเรื่องราวของผู้ป่วยอัลไซ้เมอร์แล้ว น่ากลัวค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ขี้ลืมมากค่ะ ... แต่ก็ทำให้เห็นสัจจธรรม คือ เรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งตอนนี้เห็นและเข้าใจมากเลยค่ะ เพราะแก่แล้วค่ะ
ไม่มีรูป
Ajarn Dr. POP
สวัสดีค่ะ

อาจารย์ 

 ดีใจที่อาจารย์กรุณาให้ข้อคิดเห็น ในเรื่องโรคนี้ค่ะ  ปัญหาเรื่องความจำและการรับรู้  ทีมทางการแพทย์ก็ต้องให้การฟื้นฟูสมรรถภาพการรับรู้และความรู้ความเข้าใจ หรือ Perceptual-cognitive rehabilitationอย่างไรก็ตาม "ความรักและความห่วงใย" ที่พอเหมาะ ไม่ดูแลมากจนเกินไปจนทำให้ผู้ป่วยขาดอิสระในการพัฒนาทักษะชีวิตด้วยตนเอง   

ได้โทรไปบอกพี่ปริม ตามที่อาจารย์บอกแล้วค่ะตอนนี้ แพทย์ลดยากันชัก จาก 3 เม็ด/วัน เป็น 2 เม็ด/วันถ้าให้ 3 เม็ด จะหลับทั้งวัน แต่ถ้าเม็ดเดียว จะชัก

ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะร้องเพลงได้ เดินไปไหนได้ โดยมีผู้ช่วยพยาบาลประกบตลอด แต่เดินดีขึ้น  พยายามให้ผู้ป่วย ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะต่างๆ  ได้ด้วยตัวเอง

สรุป ตอนนี้ ดีขึ้นมากค่ะ
P
สวัสดีค่ะอาจารย์
กลับจากไปบ้านท่านครูบาฯ ได้พักผ่อนหน่อยนะคะ อ่านเรื่อง และเห็นภาพแล้ว  น่าสนุกและน่าประทับใจมากค่ะ
 เรื่องที่เล่านี้ จะหนักหน่อยค่ะ แต่เป็นความจริงที่น่าระวังค่ะแต่อีกมุมหนึ่ง พี่ประทับใจพี่ปริมมากจริงๆ หายากค่ะ ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคเลย มีความหวังตลอด    เป็นคู่บุญ คู่กรรมจริงๆค่ะ  ผิดกับบางคู่ที่ทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้   ก็ทิ้งกันไปค่ะเรื่องที่เล่าทั้งสองเรื่อง ไม่ใช่พันธุกรรมนะคะ 
ทำไมเซลล์ประสาท อยู่ๆก็เสื่อมไป และก็ฝ่อไปเรื่อยๆก็ไม่ทราบได้ค่ะ ปัญหา มีอยู่ว่า มนุษย์เรา ไม่สามารถสร้างเซลล์ประสาทมาชดเชยได้ค่ะ

สิ่งที่ทำให้เซลล์ประสาทเสื่อมสภาพ  ตามที่ศึกษามาคือ  

 สารเคมีที่เชื่อมเซลล์ประสาทเข้าด้วยกัน ในคนที่เป็นโรคสมองฝ่อ สารเคมีนี้ จะลดลงค่ะ

แต่เราก็อย่าไปกังวลเกินกว่าเหตุเลยค่ะ  

 มีเหตุอันเชื่อได้ว่า ถ้าเรา ฝึกสมองเป็นประจำ  จะช่วยสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทได้ดีขึ้น   ทำให้ลืมช้าลงค่ะ
P
สวัสดีค่ะ
ดีใจและขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะและให้กำลังใจพี่ปริมด้วยค่ะ ว่า ถ้าทุกคนทำได้อย่างเธอผู้นี้  คือ  ไม่ยอมพ่ายแพ้แก่ชีวิตและแก่โลก" ได้ก็ดีนะค่ะ...อะไรๆ ที่แย่ๆ ก็คงจะดีขึ้น
 มีการวิจัยใหม่ๆหลายอย่างที่อ้างว่า สามารถชะลอโรคนี้ได้ค่ะเช่น พบฮอร์โมนเอสโตรเจนในน้ำมะพร้าวอ่อนชะลอโรคอัลไซเมอร์
 หากการศึกษาวิจัยประสบความสำเร็จจริง จะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่มะพร้าว  และจะทำให้ชาวสวนมะพร้าวมีรายได้ดีขึ้น  อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่เกษตรกรรมไทยโดยเฉพาะผู้ปลูกมะพร้าวซึ่งเป็นพืชทางการเกษตรของภาคใต้ ค่ะ   
ไม่มีรูป
Dan 
 

  สวัสดีค่ะ

คุณ Dan ถามว่า  ทำไงถึงจะทราบว่า ใครเป็นโรคนี้ล่ะครับ  แต่เนิ่นๆ
เรื่องนี้ ดิฉันขอคัดลอกบทความจาก    เรื่องโรคอัลไซเมอร์  -ของ web site    http://www.thaihealth.or.th/

ผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองช้าๆ จนเมื่อสมองเสียหายอย่างมาก จะเริ่มลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น สูญเสียความสามารถที่ตนเองเคยมีเคยทำได้ อารมณ์เกรี้ยวกราด พูดจาหยาบคาย อาละวาด ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

โรคสมองเสื่อมพบได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยในคนสูงอายุเกิน 60 ปี ประเทศทางตะวันตกพบสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่พบว่าผู้ป่วยอัลไซเมอร์เกิดจากการสะสมของโปรตีนในสมองผิดปกติ ไม่รู้ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความผิดปกติจนร่างกายต้องพยายามกำจัดโปรตีนนี้ ทำให้เนื้อสมองถูกทำลาย ส่งผลต่อความจำ สูญเสียความสามารถกระทบต่อการใช้ชีวิต ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นด้วย
สาเหตุหนึ่งของภาวะสมองเสื่อมเกิดจากหลอดเลือดสมองทำงานผิดปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความดันโลหิตสูง มีระดับไขมันในเลือดสูง และสมองขาดการทำงานอย่างสม่ำเสมอที่มา  เรียบเรียง : Team Content www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจาก :  มติชน

  
โรค อัลไซเมอร์ โรคที่จำให้คุณมีความจำสั้นลง จริงหรือ ???....
                    คนเราพออายุมากขึ้น อวัยวะ  ต่าง ๆ ที่เคยใช้งานอยู่ดี ๆ ก็เริ่มเสื่อมสภาพลง สมองก็เช่นเดียวกันเสื่อมลงเมื่อใด หน่วยความจำเสียไป ก็อาจทำให้เกิดอาการหลง ๆ ลืม ตามมา                                                                
                                 
   พญ.สิรินทร ฉันศิริกาญจน หน่วยเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ในฐานะนายกสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมประเทศไทย บอกว่า ภาวะสมองเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การขาดสารอาหาร การติดเชื้อในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง การแปรปรวนของระบบเมตาบอลิก การได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง แต่สาเหตุที่พบมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ โรคอัลไซเมอร์ พบได้ถึง 50-60% โรคนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด อาการของโรค จะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเซลล์ประสาทส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ ความคิดจะเสื่อมลงหรือตายไปก่อน    
            
 โรคอัลไซ เมอร์ เกิดจากการตายของเซลล์ประสาทที่ไม่มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน ทำให้การทำงานของสมองค่อย ๆ เสื่อมลง จากตัวเลขงานวิจัยในต่างประเทศ พบผู้ป่วยสมองเสื่อม 1% ในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี โดยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุก ๆ 5 ปี  คือเพิ่มขึ้นเป็น 2% 4% 8% ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 70 และ 75  ปี     
            
  อาการโดยทั่วไปของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ จะมีความบกพร่องในด้านต่าง ๆ 3 ด้าน ได้แก่ ความบกพร่องด้านความจำ ความคิด และการใช้เหตุผล เช่น หลงลืมสิ่งของที่ใช้ประจำ นึกคำหรือประโยคที่จะพูด ไม่ออก สับสนเรื่องวัน เวลาและสถานที่ 
 จำบุคคลที่เคยรู้จักหรือคุ้นเคยไม่ได้ ความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หวาดระแวง ซึมเศร้า บางรายอาจมีการหลงผิดหรือเห็นภาพหลอน ส่วนความบกพร่องในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านได้อย่างเหมาะสม ไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย หรือไม่สามารถทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกได้เหมือนเดิม      
          
  การวินิจฉัยจะดูจากประวัติการลืมและความผิดปกติอื่น ๆ ในผู้ป่วยระยะปานกลางถึงรุนแรง มีอาการเป็นมากชัดเจนก็อาจจะให้การวินิจฉัยได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นระยะแรกเริ่มอาจต้องติดตามดูอาการผู้ป่วยไปสักระยะหนึ่งก่อน ร่วมกับการตรวจเอกซเรย์พิเศษที่ดูการใช้ออกซิเจนและการใช้พลังงานของสมอง 
 หากตรวจพบว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถให้ยาช่วยเพื่อช่วยชะลอการสูญเสียความจำของผู้ป่วยให้ช้าลง ให้สามารถดูแลตนเองและทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ได้. 
ที่มา  เรียบเรียง : Team Content www.thaihealth.or.thข้อมูลจาก :  น.ส.พ.เดลินิวส์
ไม่มีรูป
วิภา
สวัสดีค่ะ
คุณวิภาบอกว่า  บันทึกนี้ มีการนำเสนอได้ดี
  ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยม และชม หวังว่า คงได้ประโยชน์จากกรณีศึกษานี้บ้างนะคะ

สวัสดีครับ
คุณพี่
sasinanda


กระผม
เดินทาง (ไปคนเดียวครับ)ไปหลายจังหวัดบ่อย..
และขอขอบพระคุณที่ เป็นห่วงครับ..

นี่คือ เรื่องจริงที่.. ในวันที่ 26 ก.ค.50 นั้น
กระผม ประสบอุบัติเหตุ รถตกภูเขา ที่ จ.ชัยภูมิ (ในป่า) แถว.ที่เป็นภูเขาชันๆโค้งๆ

.. ปาฏิหารย์ ครับ .. อาจเป็นเพราะบุญ และคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง.. และการคิดดี ทำดี ที่ผ่านมา การแผ่เมตตาต่อ สรรพสิ่ง

ทำให้ กระผม ไม่มี บาดแผลแม้แต่เล็กน้อย..

- สภาพรถ ..ประตูเปิดไม่ได้ทุกบาน (ตัวถัง GOA เอาไม่อยู่) เหลือแต่ประตูคนขับที่เปิดได้ แล้วลงมาได้อย่างปลอดภัย
- กระจกแตกละเอียดทุกบาน ยกเว้น กระจกหน้าที่เป็นแบบสองชั้น ร้าวไม่แตกลงมา
- ยางแตก 1เส้นล้อหน้า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ค่อยอยากนึกถึงและเล่าเท่าใดนัก..
/ คือ ถนนเส้นดังกล่าว เป็น 2 เลนส์ รถสวนกันได้ เวลา แซงต้องระวัง
- แล้ว มี กระบะ วีโก้ คัน หนึ่ง แซงมา เข้ามาในเลนส์กระผมแล้วไม่ยอม คืนสู่เลนส์ของเขาดังปกติ (ทั้งที่เปิดไฟเตือน และบีบแตร และเขาแซงพ้นแล้ว) ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใดก็ตามแต่.. แต่ กระผมก็เบรก ตัวโก่ง และด้วย การที่รถคันดังกล่าว ยกสูงเสียน่ากลัวที่ เวลาประสานงา..แล้ว กระผมจะต้องกระเด็นไปไกล และเจ็บหนักแน่..
- แม้จะบีบแตร แล้ว เปิดไปสูงเตือนแล้ว (กลางวันนะนี่) และถึงขนาด เขยิบ หลบ ไปทางซ้ายมือเพื่อให้เขา เบี่ยงแซงกลับเลนส์เขาได้ เขาก็ไม่มีทีท่าว่างจะ หลบกลับเข้าเลนส์เขาเลย..
- เหตุการณ์ ไม่คาดฝัน ก็ เกิดขึ้น.. คือ จากการที่ เบี่ยงเลนส์ หลบ และหลบมากขึ้นอีกทำให้ "รถ ตกลงไป ข้างทาง" ที่เป็นภูเขา ชัน 45 องศา .. ด้วยความเร็วรถ ที่สูงพอสมควร
- รถฟาดกับต้นไม้ ระเนระนาด ตีปัดไป ปัดมา เป็นดังพินบอล ซึ่งตอนลงไปนั้น พยายามหักพวงมาลัยขึ้นมา แต่ ก็ ไม่ไหว เพราะเป็นเก๋งธรรมดาไม่ใช่ออฟโรด.. คิดในใจ แล้วภาวนา ถึงคุณพระคุณเจ้า และเจ้ารถของกระผมว่า.."ขอผมไปสบายเถอะ ไม่อยากเจ็บและทรมานในป่านะ"
- แต่ แล้ว ด้วยความที่ รถของผมมันรักผมมาก "จากคำวิจารณ์ของอู่ซ่อมรถ และพนักงานเคลมประกัน" ที่เขาบอกกันว่า เจ้ารถคันนี้มันรักนายมันมากนะ ยอมขนาดนี้ แต่ไม่ให้เจ้าของเป็นอะไรเลย.. และชาวบ้านแถบนั้น ก็บอกอีกว่า.. รถยุโรป หรือ รถใหญ่แค่ไหนก็ตามที่ได้ตกแบบนี้ ไม่มีใครหรอกที่ เดินขึ้นมาได้หน้าตาเฉย ส่วนใหญ่ ต้อง เสียชีวิตคาที่ หรือไม่ก็ รอช่างใช้เหล็กตัดถ่างช่วยออกมา

มาถึงตอนนี้... กระผม ก็ เข้าถึงสัจจธรรมอีก นิดครับ..
ว่า.. ควรคิดดี ทำดี และไม่เบียดเบียนผู้อื่น เห็นผู้อื่นเดือนร้อน ก็ ควรหยิบยื่นมือช่วยเหลือ อย่างเหมาะสม

เพราะเรามีชีวิต และมีความสุขอย่างไร ก็ ขึ้นอยู่กับเรากำหนดตัวเราเอง.. เรื่องบุญเรื่องกรรม ถึงแม้ จะไม่เท่ากัน..แต่เรา ทำบุญ แผ่เมตตา ได้ โดยไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทน..

และนั่น อาจ เป็นสิ่งที่ ทำให้ กระผมมีชีวิต รอดกลับมาได้ อย่างปาฏิหารย์ @N

ขอบพระคุณครับ

P

สวัสดีค่ะคุณพนัสคะ

กลอนดี มีรูปประกอบที่เข้ากัน  ก็ดูดี กว่า จะมีอะไรแค่อย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ ขอบคุณค่ะ

โรคขี้หลงขี้ลืมนี่ ป้องกันได้ไหมครับ
ผมนี่ขี้ลืมตัวสำคัญ
          วันหนึ่งขี่รถเครื่องส่งภรรยาไปตลาด พอภรรยาโดดลงรถไปแล้ว ผมก็เลยไปซื้อหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับ ขี่รถวนกลับมานั่งอ่านที่บ้าน ลืมครับ... ลืมภรรยาไว้ที่ตลาด นึกขึ้นได้ใจหาย... ตายแน่เราคราวนี้ รีบบึงรถกลับไปรับ พอรถถึงหน้าตลาด เธอก็เดินรี่เข้ามาหา
          "พ่อทำไมกะเวลาได้พอดี แม่กำลังเดินออกมานี่แหละ"
          รอดตัวครับ...
          นึกไม่ออกจนบัดนี้ว่า ถ้า...!!!... เราจะตกอยู่ในสภาพใด (หน้าตลาดสดนะครับ)
          ปัจจุบันนี้ (แม้จะนั่งทานข้าวอยู่ก็เถอะ) นึกอะไรขึ้นได้ต้องรีบไปทำไว้ก่อน ไม่งั้น ลืมครับ.

P
สวัสดีค่ะอ่านด้วยความตื่นเต้น และปาฏิหาริย์มากๆที่รอดมาได้อย่างไม่เป็นอะไรเลย  ทำให้ กระผม ไม่มี บาดแผลแม้แต่เล็กน้อย.

. พระคุ้มครองจริงๆค่ะ  ต้องเรียกขวัญกันหน่อยแล้วนะคะ หมดทุกข์ หมดโศกแล้วนะคะ แต่คิดว่า ไปไหนไกลๆคนเดียวแบบนี้ ต้องระวังให้มากๆ บางทีการเดินทางแบบอื่นก็ช่วยได้ อาจไม่สะดวกเท่า แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าใด คงต้องซ่อมรถไปอีกหลายเงินเลย แต่อยู้กรุงเทพ ค่อนข้างสะดวกค่ะ ทางเลือกมาก

 

ปาฏิหารย์ ครับ .. อาจเป็นเพราะบุญ และคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง.. และการคิดดี ทำดี ที่ผ่านมา การแผ่เมตตาต่อ สรรพสิ่ง

พี่มีความรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้รูจักกับคนดีๆเช่นคุณนิรันดร์ค่ะ แม้เราจะยังไม่เคยเห็นหน้ากันก็ตาม

คนเราต้องเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม และ คนดีพระคุ้มครองค่ะ

สวัสดีครับ

คุณพี่ P sasinanda

ขอบพระคุณสำหรับ .. คำแนะนำใน หลาย ๆ ด้านครับ.. ซึ่ง คุณพี่ได้แนะนำกระผมตั้งแต่ ก่อนเกิด อุบัติเหตุ .. และรวมถึง การตั้งสมาธิ และคำแนะนำอีกมากมาย ครับ..

กระผมดีใจยิ่งที่ ได้มีโอกาสได้รับคำแนะนำดี ๆ ครับ

ปล. พระท่านคุ้ม จริง ๆครับ (ตอนนั้นเพิ่งออกจากปั้ม) ขับความเร็ว 120 km/h. ตกภูเขาลงไป ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย (นิสัยไม่ดีลืมได้ไง ><" ตำรวจอย่ามาเปรียบเทียบปรับในนี้ หนา)

เหมือนเกิดใหม่จริง ๆ ครับ

ขอบพระคุณครับ

P

สวัสดีอีกทีค่ะ
มัวแต่ตื่นเต้น มือเลยกด up loadขึ้นไป ยังพูด ไม่จบค่ะ
กระผม ก็ เข้าถึงสัจจธรรมอีก นิดครับ....
ว่า.. ควรคิดดี ทำดี และไม่เบียดเบียนผู้อื่น เห็นผู้อื่นเดือนร้อน ก็ ควรหยิบยื่นมือช่วยเหลือ อย่างเหมาะสม

เพราะเรามีชีวิต และมีความสุขอย่างไร ก็ ขึ้นอยู่กับเรากำหนดตัวเราเอง.. เรื่องบุญเรื่องกรรม ถึงแม้ จะไม่เท่ากัน..แต่เรา ทำบุญ แผ่เมตตา ได้ โดยไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทน..

และนั่น อาจ เป็นสิ่งที่ ทำให้ กระผมมีชีวิต รอดกลับมาได้ อย่างปาฏิหารย์ @N
คนเราไม่ถึงที่ตาย ไม่วายชีวาวาตย์ค่ะ
"รถ ตกลงไป ข้างทาง" ที่เป็นภูเขา ชัน 45 องศา .. ด้วยความเร็วรถ ที่สูงพอสมควร

เดินขึ้นมาได้หน้าตาเฉย ส่วนใหญ่ ต้อง เสียชีวิตคาที่ หรือไม่ก็ รอช่างใช้เหล็กตัดถ่างช่วยออกมา

 

 ไม่เป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ต้องทำบุญทำทานต่อนะคะ ไปที่วัดไหนก็ได้ค่ะ
คงขออนุญาต แนะนำให้ฝึกสติด้วย  ทุกเวลา เป็นการเพิ่มการตื่นตัวภายใน ให้มีพลังกล้าแข็งขึ้นด้วย คนเรา เวลาเดินทางไปไหนคนเดียว พอเงียบๆ อาจมีง่วงบ้าง ถ้า ขับไปสัก 2ช.ม. น่าจะหยุดพักที่ปั๊มน้ำมันสักครู่ และถ้ามืดค่ำ ไม่ควรขับรถไกลๆ ทัศนวิสัยไม่ดีค่ะ
เป็นห่วงค่ะ ช่วงนี้พักหน่อยดีกว่า
ถ้าพุดตามดวงโหราศาสตร์ เขาว่า ดวงอาจค่อนข้างอ่อนหน่อย รอตั้งหลักอีกพัก ถ้าจำเป็นไปรถทัวร์ดีกว่าค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสามีคุณปริมครับ

เท่าที่อ่านจากบันทึกและผลการรักษาคืบหน้า

การให้ยาเพื่อบำรุงเซลล์ประสาท หรือ ชะลออาการเสื่อมของเซลล์ประสาท ยังคงจำเป็นต้องให้ในระยะยาว แต่ปรับขนาดของยาให้ลดลงได้ครับ

การฟื้นฟูสมรรถภาพของการรับรู้และความรู้ความเข้าใจ ยังหาผู้เชี่ยวชาญในเมืองไทยค่อนข้างยาก หากต้องการทราบโปรแกรมเพิ่มเติม อาจจะต้องมีการประเมินกิจกรรมบำบัดด้านการรับรู้และความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมครับ ถ้าว่างอาจติดต่อผมที่คลินิกกิจกรรมบำบัดมหิดลได้ โทร 08-522-40707

จริงๆ แล้ว กิจกรรมการรักษาในระยะที่สามีของคุณปริมสามารถรับรู้และสื่อสารในเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ถือว่าน่าจะมีระบบการวางแผนและการตัดสินใจทำกิจกรรมต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง ควรมีการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการคิดและตัดสินใจในการทำกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน พร้อมๆกับ การหากิจกรรมที่ท้าทายให้จดจำและสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และเกิดความสุขใจด้วยครับ

ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมการทานข้าวกับครอบครัว แบบช่วยกันทำและช่วยกันทาน อาจให้สามีของคุณปริมริเริ่มเมนูที่น่าสนใจ แล้วค่อยๆ นึกรายการที่จะให้ใครไปซื้อ หรือ จะต้องทำครัวอย่างไร ให้เค้ามีส่วนร่วมในขั้นตอนง่ายๆ หรือในขั้นตอนที่อยากลองทำ จนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข เพียงแค่กิจกรรมเดียวก็ทำให้เกิดแรงจูงใจและพัฒนาระบบประสาทการเคลื่อนไหวที่มีความหมายครับ  

 ไม่ทราบว่าปัจจัยส่งเสริมจะเกี่ยวกับการไม่มีใครคุยด้วยรึเปล่านะคะ เพราะที่เคยพบผู้สูงอายุที่หลงลืมบ่อยๆ เป็นด้วยไม่ค่อยมีเพื่อนคุย ไม่มีคนดูแลใกล้ชิดน่ะค่ะ

P

 
สวัสดีค่ะ
โอ้โฮ!!!!ขนาดลืมภรรยาเลยนะคะ  น่าน้อยใจจริง
ช่วงที่เราอายุมากขึ้นสมองจะทำงานลดน้อยถอยลงบ้างค่ะ เพราะเซลล์ประสาทจะมีจำนวนน้อยลงคนอายุ62-100ปี  ความสามารถในการ เคลื่อนย้ายข้อมูลใหม่ๆ   ไปยังหน่วยความจำระยะยาว  จะน้อยลงค่ะ
แต่คนเราจะแก่ไม่เท่ากันนะคะบางคนสังขารแก่
 แต่ปัญญายังเฉียบแหลมค่ะ คงอยู่ที่ว่า สมอง ได้รับการกระตุ้นบ่อย มาก น้อย และต่อเนื่อง แค่ไหนค่ะการจดบันทึกความจำ ก็จะช่วยได้มาก
ได้อ่านพบวิธีป้องกันบ้าง  ค่ะ
ไม่สูบบุหรี่
ไม่ให้ความดันสูง
ลดโคเรสเตอรอล
รักษาโรคหัวใจและเบาหวาน
บำรุงร่างกายให้แข็งแรง
กินอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกายพอเหมาะ
ระวังยาบางอย่างที่ทำให้ความจำสูญเสียไป เช่น ยานอนหลับ และยากล่อมประสาทเป็นต้น

มีความผิดปกติที่สุขภาพ  ต้องรีบไปหาแพทย์ค่ะ

ทีหลังอย่าลืมภรรยานะคะ ขอร้องค่ะ

ที่บ้านต้องดูแลแม่สามีที่มีอาการสมองเสื่อมค่ะ    อ่านแล้วทำให้เข้าใจและอดทนมากขึ้นค่ะ

อ่านแล้วก็เห็นใจผู้ป่วยทุกท่านค่ะ

คุณแม่เป็นพาร์คินสัน ดูเหมือนจะเบากว่าอัลไซเมอร์ แต่ไม่มีโรคดีที่สุดค่ะ พาร์คินสัน ยังมีความจำอยู่ จำคนได้ คิดได้ตลอด แต่ประสาทสั่งการ การเคลื่อนไหวจะช้า เช่น มือสั่น เดินช้า อาจจะคมำไปข้างหน้า เพราะสมองสั่งแต่ขาก้าวไม่ไป หน้าก็คมำไปก่อน ทรมานในเรื่องจิตใจที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดังก่อน จึงพ่วงโรคซึมเศร้าเข้าไปด้วย เวลากินข้าว ปากจะอ้าค้างรอมือที่ถือช้อนส่งเข้าปาก เห็นแล้วทรมานใจแทนแม่มาก บางครั้งต้องใจแข็งให้เขาช่าวยเหลือตัวเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะขาดการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง  และถ้าอาการหนักก็จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สังขารจะเสื่อมไปเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด  แม่เพื่อนในรุ่นเดียวกันเป็นโรคนี้เช่นกัน คุยกันแล้วก็ร้องไห้ ทำให้ดีที่สุดค่ะ

โชคดีที่มีพี่เลี้ยงคอยดูแล ทุกวันนี้จะไปหาหลังเลิกงานทุกวัน ไปคุยกับแม่บ้าง พาอาบน้ำ หรือไม่ก็ทำอาหารอร่อยๆ ให้กินในวันหยุด

คาดว่าคนจะเป็นโรคนี้มากขึ้น และรักษาไม่ได้ ต้องกินยาเลี้ยงไปตลอดชีวิตค่ะ
ไม่มีรูป
Ajarn POP

สวัสดีค่ะ
 ขอบอกว่า ประทับใจ

อาจารย์  Ajarn POP   จริงๆค่ะ ที่เป็นห่วง เข้ามาอ่านและให้ข้อแนะนำดีไว้อีกรอบหนึ่ง

การให้ยาเพื่อบำรุงเซลล์ประสาท หรือ ชะลออาการเสื่อมของเซลล์ประสาท ยังคงจำเป็นต้องให้ในระยะยาว

 ค่ะ ตอนนี้ ขาดยาไม่ได้ จะมีอาการไม่ดีทันทีค่ะ
ควรมีการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการคิดและตัดสินใจในการทำกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน พร้อมๆกับ การหากิจกรรมที่ท้าทายให้จดจำ
ตอนนี้ ก็มีเรื่องการร้องเพลง วางไพ่ แจกไพ่ นับสตางค์ และใส่ถุง   และต่อจิ๊กซอว์ง่ายๆค่ะต่อไปจะต่อและวาด ภาพเรขาคณิตค่ะการรับรู้ดีขึ้น  บอกลูกสาว ได้ว่า ระวังถอยชนเสาโรงรถ   แต่จำลูกสาวและภรรยาไม่ได้เลยค่ะ
จะบอกให้พี่ปริม ลองชวนทำอาหารดูค่ะ ต้องค่อยๆ กลัวจะหงุดหงิดค่ะช่วงนี้ เดินดีขึ้น  แต่ก็ปล่อยไม่ได้ค่ะขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะ จะรายงานให้ทราบเป็นระยะๆนะคะ
 
P
สวัสดีค่ะ

การที่ผู้สูงอายุอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน เหงา ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เฉื่อยชา สมองไม่ค่อยได้คิดอะไรมาก เลยทำให้ฝ่อไปมากๆได้ค่ะ

และอีกอย่าง ที่คุณหมอบอก  คือก็มีโรคประจำตัว เช่นความดัน เบาหวาน ไขมันสูง ดื่มสุราจัด   มีการติดเชื้อที่สมอง หรือทานยาอันตรายเป็นประจำ เช่น ยานอนหลับ เป็นต้นค่ะจริงๆก็ยังหาสาเหตุจริงๆไม่ได้แน่นอนนะคะ จะว่าเป็นกรรมพันธุ์ ก็ยังไม่แน่   เพราะทำไม สามีภรรยา เป็นทั้งคู่ได้ล่ะคะ อย่างคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนที่เล่าให้ฟัง  แต่กรรมพันธุ์ ก็มีส่วนมากนะคะ

 

การที่คนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ก็นับเป็นความเครียดพอดู  ต้องใจเย็น ทำใจ เตรียมรับสถานการณ์อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  และเป็นเวลานาน นับ 10 ปีขึ้นไปค่ะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นคนในครอบครัว เราก็ต้องรักษา  ดูแลเอาใจใส่ เต็มที่อยู่แล้วค่ะ

P

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณ คุณหมอที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ

โรคนี้ คนที่มีญาติเป็นอยู่ จะเข้าใจทุกคนนะคะว่า    การพยาบาลคนไข้ลักษณะนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักหนาทีเดียว

ประเด็น การขี้ลืมในผู้สูงอายุ   เป็นเรื่องที่ คนสนใจมาก  ตอนนี้แปะก๊วยสกัดขายดีทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศค่ะ
P
สวัสดีค่ะ
คนสูงอายุขึ้น โรคก็ถามหาค่ะพวกเราเองก็อย่าประมาท คอยดูแลร่างกายไว้ให้แข็งแรงดีๆ
  นี่แหละคือสัจธรรมของชีวิตค่ะ
บางครั้งต้องใจแข็งให้เขาช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะขาดการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ในที่สุด ทำอะไรเองไม่ได้ ก็จะยิ่งหดหู่และท้อถอย ซึมเศร้าไปเลย
 ดีแล้วค่ะ ที่พยายามให้คุณแม่ทำอะไรเอง ทำได้แล้ว จะมีกำลังใจตามที่อาจารย์ Ajarn POP เข้ามาแนะนำให้
โรคพาร์กินสัน  ไม่ร้ายแรงแบบโรคสมองเสื่อมค่ะ ไม่ต้องเครียดค่ะ 
   การเจริญสติกับสมาธิของคุณหุย    จะช่วยคุณหุยไม่ให้กังวลได้มากๆค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • เข้ามาอ่านรอบแรกเมื่ออาทิตย์ก่อนแต่แสดงความคิดเห็นไม่ได้
  • เคยดูรายการโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราวนี้ค่ะ รู้สึกเศร้าใจมาก- -ผุ้อยู่ด้วยต้องอดทนสูง และยึกมั่นในศรัทธามากทีเดียวค่ะ
  • สำหรับน้องแล้วนางฟ้าผู้ประทานแสงประทีปของครอบครัวคงเป็นคุณแม่ค่ะ

 

P
พิชชา
สวัสดีค่ะ

น้องหน้าละม้ายคุณแม่ค่ะ

นางฟ้าประจำครอบครัว  ไม่มีใครที่เราจะรักและเทิดทูนเท่าท่านค่ะ

น้องมีครอบครัวที่อบอุ่นน่าประทับใจมากค่ะ

รู้สึกมาตลอด เวลาอ่านบันทึกของน้องค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท