มองดูภายใน “ตน”


“นี่เป็นความโชคดีที่มีคนมาชี้ทางให้เราได้มองเห็นความจริงแห่งชีวิต... ว่าเรานั้นกำลังตกลงไปในขบวนแห่งความชั่ว หรือขบวนแห่งความดี”

ในสภาวการณ์ปัจจุบัน...เราต่างพบว่า...สังคมที่เป็นอยู่นี้ต่างเป็นผู้ที่มีความรู้มากมายแทบทั้งสิ้น มองจากระดับการศึกษานี้ระดับปริญญาโท...แทบจะเป็นเรื่องปกติของคนคลุกอยู่ทางการศึกษา เราต่างรู้รอบก็เยอะ รู้ลึกก็มีมาก

แต่..หากถามว่า... ผู้ที่รู้ใจตนอย่างถ่องแท้และกระจ่างนั้นมีจำนวนเท่าไร... ดิฉันเชื่อว่ามีจำนวนน้อยมาก และหากมีผู้ยกมือบอกว่า.. ฉันรู้ ..นั่นดิฉันก็กล้าพูดได้อีกนั่นแหละว่า รู้ที่ว่านั้นอาจเป็นรู้ที่บิดเบือนและผิดรูป ออกไปจากธรรมชาติที่แท้จริง

 

เราใช้เวลาส่วนใหญ่...ไปมองภายนอก มากกว่าภายใน ใจ เรา ... เพราะเรายังอยู่ภายใต้ตัวที่ว่า นี่ตัวกู เลยเป็นเรื่องที่ขัดขวางต่อกระบวนการเรียนรู้เรื่อง ความจริงในชีวิต ของบุคคล ...

 

อย่างเช่นมีเรื่องบางเรื่องที่เราไปพบ ไปเห็น หรือไปได้ยิน (ผ่านผัสสะ)... กระทบป๊าบ... กระบวนการภายใน (สัญญา) ถูกส่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว.. ชื่นชอบ พอใจ ยินดี หรือ อาจะเป็นโกรธ ไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย... จากนั้นรีบกลั่นและกรองออกมาจาก ความคิด (การปรุงแต่ง สังขาร)... ไปตามเรื่องราวที่ได้กระทบนั้น... แต่สิ่งที่ขาดต่อการปฏิบัติต่อ ธรรมะชาติ นั่นก็คือ การมองย้อนเข้ามาในใจตน มองเข้าไปเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเต้นระริกอยู่ภายใต้ความเป็นมนุษย์... ที่ต้องเรียนรู้  กระบวนการแห่งภายในที่เรากำลังเริ่มมองเข้าไปข้างในนั้น เป็นการเริ่มต้นแห่งกระบวนการขัดเกลาทางจิตใจของเรา แต่เรา มนุษย์ ส่วนใหญ่... ไม่ยอมแม้แต่จะให้จิตใจนี้ได้ขัดเกลา หากพอมีผู้รู้มาบอกทาง มาชี้ทาง กลับพาลโกรธ และไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ...

 

แต่หากเมื่อใดที่จิตเราละเอียดขึ้น เราจะรู้สึกขอบคุณเลยว่า นี่เป็นความโชคดีที่มีคนมาชี้ทางให้เราได้มองเห็นความจริงแห่งชีวิต... ว่าเรานั้นกำลังตกลงไปในขบวนแห่งความชั่ว หรือขบวนแห่งความดี

 

แค่กระบวนการมองดูตัวโกรธและความเกลียดชังนี้ ดิฉันหรือใครอีกหลายๆ คนอาจใช้เวลามานานแสนนานในการขัดเกลาและมองดูสิ่งนี้ แต่บางครั้งอาจใช้เวลาไม่มาก พอมีปัญญาก็เข้สู่กระบวนการนี้ได้เลย คำว่ามีปัญญานี้ไม่ได้หมายถึงเป็นผู้มีการศึกษาสูงนะคะ... ผู้มีการศึกษามากอาจมีปัญญาน้อยในความหมายตาม นัย ที่ดิฉันพูดถึงก็ได้...

 จากวันที่มีอายุลืมตามองดู...ความเป็นไปของชีวิต จวบจนถึง ณ วันนี้ ขอบคุณที่ได้เกิดมาในชาติภพมนุษย์นี้ที่ทำให้ได้มีโอกาสในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของชีวิตได้มากขึ้นและใกล้เข้าสู่ความเป็นจริงตามธรรมชาติมากขึ้น   

 

 

หมายเลขบันทึก: 113979เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2007 08:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 13:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เพิ่งเริ่มเป็นสมาชิกค่ะ เข้ามาอ่านบทความ รู้สึก ปิ๊ง  ชื่นชม

ทำให้ต้องติดตามอ่านย้อนหลัง .. ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆที่แฝงไปด้วยข้อคิด

และความหมายที่เป็นจริง 

สวัสดีครับ

  ขอแลกเปลี่ยนแบบผู้เริ่มต้นนะครับ

            

              การที่คนหนึ่งคนจะก้าวผ่านกำแพงหรืออุปสรรคต่างๆ  เพื่อให้เกิดความสามารถในการดูภายในตน(อย่างแท้จริง) นั้น               คงต้องผ่านกำแพงหรือด่านหลายชั้นเหมือนกันครับ

           

                 ผมคิดว่ายิ่งเราเริ่มต้นเร็วเรายิ่งเห็นหรือสามารถเข้าใจเรื่องราวหรือกระบวนการมองภายในตนได้โดยง่ายนะครับ   แต่อืม..บางทีก็แล้วแต่บุญกุศลเก่าๆบ้างเหมือนกันครับ                                              

                 บางคนไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย    แต่พอเริ่มต้นก็กลับเข้าใจ ลึกซึ้งและไปได้รวดเร็วกว่าคนที่เริ่มมานานๆ(คล้ายผมครับ  จริงๆก็ทำมานาน  แต่ไม่ค่อยได้ผล)

                 ครับ...เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการมองภายในตน  เรียนรู้และเข้าใจภายในตน  แล้วเราก็จะสามารถเชื่อมโยงไปสู่ความเข้าใจต่อผู้อื่น  สิ่งอื่น  หรือจริงๆแล้วทั้งหมดอาจจะเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้ครับ

          ขอบคุณมากครับ...

 

สวัสดีค่ะพี่ณิชยา

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...ดีใจที่บางสิ่งบางอย่างบอกเล่าไปกระทบจุดปิ๊ง...ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะคะ..

...

กระทบอันไหนและอย่างไร...บอกเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

(^___^)

กะปุ๋ม

สวัสดีค่ะ...

รู้สึกดีใจมากๆ เลยคะที่คุณหมอเข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์...ให้ได้ร่วมรับทราบและรับรู้...เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในประสบการณ์ทางธรรม...

หวังว่าสักวันจะได้ร่วม F2F กันบ้างนะคะ

....

หลายครั้ง หลายคนที่ได้พูดคุยมักจะบอกว่า "ทำไม่ได้"... ยังไม่ถึงเวลา รอก่อน ยังไม่มีเวลา... แต่นั่นลืมไปว่า.. ปฏิบัติช้าหรือเร็วนั้น...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาใดใดทั้งสิ้น หากแต่ขึ้นอยู่กับการกล้าเข้าไปเผชิญและเรียนรู้ภายในของเราหรือไม่... ก็แค่นั้นเอง

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

(^___^)

กะปุ๋ม

สวัสดีครับ
  มาพบเรื่องราวที่กระตุกอารมณ์ ครับ
"ขอบคุณที่ได้เกิดมาในชาติภพมนุษย์นี้ที่ทำให้ได้มีโอกาสในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของชีวิตได้มากขึ้น"
ให้ความรู้สึกดีครับ รู้อะไรไม่สู้รู้จักตน ขอชื่นชมครับจะติดตามผลงานต่อไปครับ

สวัสดีค่ะ...คุณมาโนชญ์P

ดีใจค่ะ...ที่เรื่องบางเรื่อง ข้อความบางข้อความ..ได้กระตุก...อารมณ์ให้ฉุกคิด...และจะยินดีอย่างยิ่งขึ้นไป...ค่ะ หากว่า..เรานั้นเป็นผู้กระตุก "ตน" ได้ทั้งกาย วาจา...และใจ...ค่ะ

(^_____^)

กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท