เรามักจะทำตัวเป็นกระจกสะท้อนบุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลา จากการสนทนาพูดคุยกับบุคคลนั้น หรือแม้กระทั่งการสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลนั้นแสดงออกมา...
การมีโอกาสได้สนทนาพูดคุยกับบุคคลต่าง ๆ ทำให้เราสามารถมองเห็นความเป็นตัวตนของบุคคลคนนั้นได้ สำหรับบางคนเราแค่ใช้เวลาพูดคุยกับเขาเพียงไม่นาน เราก็จะสามารถเห็นและรู้จักตัวตนของเขาได้...
เรายังมักจะสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของบุคคลอื่น เพื่อที่จะสะท้อนให้เห็นตัวตนของเขา ผ่านการกระทำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง วิธีการทำงาน แม้กระทั่งการเลือกซื้อของต่าง ๆ ของเขา...
ในแต่ละวันเราใช้ตัวเราเป็นกระจกสะท้อนคนโน้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา แต่เรามักที่จะลืมทำตัวเราให้เป็นกระจกสะท้อนตัวเราเองบ้าง ผมว่าเรารู้จักคนอื่น ๆ มามากพอแล้ว เราลองหันมาสะท้อนตัวเราบ้างดีมั้ย เพื่อว่าเราจะได้รู้จักตัวเราเองมากขึ้นครับ...
วันนี้ผมนำทฤษฎีกระจกส่องตน (The Looking - Glass Self) ของ Chales Horton Cooley มาฝากครับ...
ทฤษฎีเขากล่าวไว้ว่า การพัฒนาตน (Self) มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ...
ขั้นที่ 1 การเห็นพฤติกรรมของตนเองที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น (Perceive)
ขั้นที่ 2 วิจารณ์พฤติกรรมของตน (Judgment)
ขั้นที่ 3 ประเมินค่าพฤติกรรมของตน (Evaluate)
มาทำตัวเราเป็นกระจกสะท้อนตัวเรากันดีกว่าครับ เป็นการพัฒนาตัวเราเองด้วย สะท้อนตัวเราแล้ววิจารณ์ตัวเราเอง ดีกว่าใช้เวลาในแต่วันวิจารณ์คนอื่นโดยไม่เคยดูตัวเองเลย...
ผมชื่นชมผู้ที่มีบุคลิกดี และ วิธีคิด วิธีพูดที่สมาร์ท และเรียนรู้ท่านเหล่านั้น นำสิ่งที่ดีๆมาปรับปรุงตนเอง
เห็นคนอื่นโกรธ ก็เอามาเป็นบทเรียนให้กับตนเองครับ ว่าหากเราโกรธคงน่าเกลียดเหมือนที่โกรธเป็นแน่...ดังนั้นเราไม่ควรโกรธ ยิ้มไว้ดีกว่า
- - -
ชีวิตสอนชีวิตครับ - - -เรียนรู้คนอื่น เพื่อพัฒนาตนเอง
ครับ...คุณเอก ...
ใช้คนอื่นเป็นกระจกสะท้อนมาที่ตัวเรา เห็นส่วนไหนที่ดีของเขาก็นำมาปรับใช้กับตัวเรา ส่วนไหนที่ไม่ดีของเขาก็เอาไว้เตือนตัวเราว่าจะไม่ทำเช่นนั้น...
ดีครับแล้วก็น่าสนใจด้วยครับ...
ขอบคุณมากครับ...
วันนี้วันเสาร์ โคราชแล้งมาก ครับ ....
หัวข้อดีมากครับ.....ตามมาอ่าน ความรู้ เอาไปลองใช้ กับตัวเองดูครับ.....
ผมนึกถึงกลอนบทหนึ่งที่ครูบาอาจารย์สอน แต่จำไม่ได้ ดีมากครับ คุณดิเรก ถ้าทราบ...........กรุณา ต่อให้ด้วย
..............ตนเตือนตน ไม่ได้ใครจะเตือน.........
จำได้แค่นี้ เอง
ครับ...คุณ nanana ...
สำหรับที่กรุงเทพ ฯ ช่วงนี้มีฝนตกบ้างประปรายครับ...
กลอนบทที่ว่า น่าจะใช่อันนี้นะครับ...
...ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด...
...ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน...
...ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน...
...ตนแชเชือนใครจะเตือนให้ป่วยการ...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีค่ะน้อง ดิเรก....Mr.Direct
ขอบคุณค่ะ
ครับ...คุณครูอ้อย ...
น่าชื่นชมครับคุณครูอ้อย ที่สามารถปฏิบัติทั้ง 3 ขั้นตอนได้ทุก ๆ วัน แถมเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน เพื่อเป็รนแนวทางในการปฏิบัติให้ด้วย ขอบคุณมากครับ...
ผมเห็นครูอ้อยมีพลังในการเขียนบันทึกได้เยอะมาก ๆ ตั้งแต่บันทึกที่เคาต์ดาว์นมาจนถึงวันนี้ มีบันทึกมาอย่างต่อเนื่อง สุดยอดจริง ๆ ครับ...
เห็นล่าสุดเป็นแม่ข่ายการเรียนรู้เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นับถือจริง ๆ ครับ...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีค่ะน้องดิเรก
พี่หนิงเอา blog ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น มาฝากค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ตามไปอ่านมาแล้วครับ...
น้อง ๆ ของพี่หนิงนี่เก่ง ๆ กันทุกคนเลยครับ...
อันนี้ส่วนหนึ่งคงมาจากความตั้งใจดีของพี่ ๆ DSS ที่ช่วยเป็นพี่เลี้ยงและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้อง ๆ ...
เป็นกำลังใจให้คนทำงานและน้อง ๆ DSS ทุกคนครับ....
ขอบคุณมากครับ...
เด็กๆมีความตั้งใจกว่าพี่มากค่ะน้องดิเรก พี่อายอยู่หลายๆหนค่ะ
เมื่อวานดูด๊อดดี้ แต่งกลอนนะคะ เร็วมากเลย ทั้งๆที่ แต่งด้วยวิธี พิมพ์-ฟังที่ตัวเองพิมพ์ไปด้วย (โปรแกรมอ่านจอภาพ jaws for windows และ PPA Tatip)
ครับ...พี่หนิง ...
เห็นความตั้งใจของน้อง ๆ แล้วนับถือจริง ๆ ครับ ได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมาเกินกว่าขีดจำกัดที่มี สุดยอดมาก ๆ ครับ...
ขอบคุณมากครับ...
THANK YOU .... AGAIN....KRAAAAB....
ครับ...คุณ nanana ...
ด้วยความยินดีครับ ไว้เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย อย่าลืมมาเขียนบันทึกให้อ่านบ้างนะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ...คุณ namo_jindy
ยินดีมากครับ...
เห็นด้วยครับคนบางคนใคร ๆ ก็อยากจะคุยเรื่องที่สำคัญด้วย รวมทั้งระบายความอัดอั้นให้ฟัง เป็นภาพของเราที่คนอื่นมองมา ก็เหมือนภาพสะท้อนของเราจากมุมมองคนอื่น...
ลองเปรียบเทียบดูก็ดีครับว่า ภาพเราที่เรามองเห็นตัวเอง กับภาพที่สะท้อนมาจากมุมมองคนอื่น เป็นภาพเดียวกันมั้ย...
ผมชอบเหมือนกันครับกับหนังสือ "เดินสู่อิสรภาพ" เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมีความสุข มีอะไรดี ๆ แฝงอยู่ในทุก ๆ บรรทัดที่ได้อ่านครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ไม่มีการค้นหาใดที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจมากเท่ากับการ "ค้นหา" ตัวตนของเราเอง
...
ขอบคุณบันทึกดี ๆ และเนื้อหาดี ๆ ....ที่ทำหน้าที่เป็น"กระจกเงาความคิด"
ขอบคุณครับ
ครับ...คุณแผ่นดิน ...
"การค้นหาตัวเอง" เป็นการค้นหาที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่ครับ...
และบันทึกแต่ละบันทึกทำหน้าที่เป็นกระจกส่องความคิดของทั้งผู้เขียนและผู้อ่านครับ...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีค่ะ..คุณดิเรก
สำหรับตัวเองก็พยายามใช้สติ..เป็นตัวช่วยให้ทันต่ออารมณ์ ความนึกคิด..การกระทำของตนเอง..จริงๆแล้วมันก็เป็นการช่วยให้ผลของการส่องกระจกเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากขึ้นด้วย..
ขอบคุณค่ะ..ที่มีอะไรดีๆมาแบ่งปันเสมอ..
การส่องกระจกดูตัวเอง ผมว่าเป็นทักษะที่อยู่คู่กับผู้ที่มีภาวะผู้นำทุกคนเลยนะครับ และเห็นด้วยที่คุณดิเรก บอกว่า
มาทำตัวเราเป็นกระจกสะท้อนตัวเรากันดีกว่าครับ เป็นการพัฒนาตัวเราเองด้วย สะท้อนตัวเราแล้ววิจารณ์ตัวเราเอง ดีกว่าใช้เวลาในแต่วันวิจารณ์คนอื่นโดยไม่เคยดูตัวเองเลย
ถ้าต่างคนต่างปรับ ต่างคนต่างแก้ไข ปรับปรุงที่ตนเองแล้ว ผมว่าปัญหาในองค์การคงจะลดลงไปเยอะมากๆทีเดียว องค์การก็จะเข้มแข็ง
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
นานแล้วไม่ได้มาทักทาย ต้ามีกระจกที่บริสุทธิ์จริงๆจากเด็กๆป2-3ร.ร.ใหม่ทุกวันเลยค่ะ.......กระจกบานเล็กๆที่ยังไม่เปื้อนฝุ่นสีใดๆ พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจที่น่ารักมากๆค่ะ
ครับ...คุณครูแอ๊ว ...
เห็นด้วยครับว่า...
"สติ" เป็นตัวช่วยให้การสะท้อนตัวเราได้ผลมากขึ้นครับ...
ขอบคุณเช่นกันครับ...
ครับ...คุณข้ามสีทันดร ...
เห็นด้วยครับ ถ้าทุกคนในองค์การหันมามองที่ตัวเองให้มากขึ้น แล้วก็พยายามปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ปัญหาในองค์การลดน้อยลงแน่นอนครับ และทำให้องค์การเข้มแข็งขึ้นด้วยครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ...คุณต้า ...
ไม่ได้ทักทายกันเสียนาน สบายดีนะครับ...
กระจกใส ๆ เหล่านั้นเป็นกระจกสะท้อนที่บริสุทธิ์ครับ แถมสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ให้เราอีก ดีจังเลยครับ...
ขอบคุณมากครับ...
หน้าตาคนอื่น เราเห็นได้หมด
แต่หน้าตาเราเอง เราไม่สามารถมองเห็นได้ตรงๆ ต้องมาผ่านกระจก
..ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราเองยังมองไม่เห็น
ครับ...คุณตาหยู ...
ไม่ได้ทักทายกันนานเลยนะครับ...
เห็นด้วยครับว่ามีสิ่งที่เรามองไม่เห็นอีกเยอะ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นตัวเรา คงต้องพยายามสร้างกระจกเพื่อสะท้อนให้เห็นตัวเรามากขึ้นครับ...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีค่ะ คุณดิเรก
แป๋มอยากเสริมสักนิดนะคะว่า "ในการใช้กระจกส่องดูตัวเราเองนั้น จะต้องส่องดูด้วยใจที่ปราศจากอคติและความหลงใหล ผลที่ได้จึงจะสะท้อนคุณค่าที่อยู่ภายในให้ใสสว่าง ในโลกกว้างแห่งความเป็นจริงค่ะ" ขอบคุณแง่คิดที่มาสะกิดใจนะคะ
ครับ...คุณ ครูแป๋ม
ใช่เลยครับ...
หากตั้งในจะส่องกระจกเพื่อสำรวจตัวเราจริง ๆ แล้ว ก่อนส่องต้องมั่นใจก่อนนะครับว่าตัวเราไม่มี อคติและความหลงไหล อย่างที่ครูแป๋มว่าครับ...
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเสริมและการแวะเข้ามาในหลาย ๆ บันทึกครับผม...
ขอบคุณมากครับ...
ขอบคุณบันทึกนี้ค่ะ พยายามเตือนตนก่อนคนอื่นอยู่เสมอ ค่ะ
บางคนคิดว่าตัวเองรู้รอบและรอบรู้ไปหมดซะทุกอย่างไปหมดซะทุกเรื่อง แต่จริงๆแล้วเค้าละเลยที่จะรู้จักคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคนนึงไปนั่นก็คือ "ตัวเอง" และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในความไม่รู้ของคนเราก็คือ "ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ีรู้" จริงไม๊คะ
ขอต่ออีกนิดนึงนะคะ พวกอีโก้สูงๆ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดขึ้นมามักจะไม่ค่อยยอมรับความผิดของตัวเอง มักจะโยนทุกอย่างออกไปจากตัว เค้าน่าจะได้มาเรียนรู้ทฤษฎีกระจกส่องตน (The Looking - Glass Self) นี้่บ้างนะคะ
· “If you judge people, you have no time to love them."
· Without self knowledge, without understanding the working and functions of his machine, man cannot be free, he cannot govern himself and he will always remain a slave.
ครับ...คุณ วชิราภรณ์
เห็นด้วยเลยครับ...
สิ่งที่น่ากลัวคือ "การไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้"...
การหันมาส่องดูตัวเราเอง เราจะได้ "รู้" ในสิ่งที่พึง "รู้" ในตัวเราเองนะครับ...
ขอบคุณครับผม...
ครับ...คุณ Sila Phu-Chaya
ขอบคุณเช่นกันนะครับสำหรับประเด็นที่นำมาแลกเปลี่ยนและเพิ่มเติม...
คำกล่าวของแม่ชีเทเรซ่าลึกซึ้งมาก ๆ นะครับ...
ใช้เวลาที่มีในการให้ความรักแก่เขาดีกว่าใช้เวลามากมายเพียงเพื่อตัดสินเขานะครับ...
เหตุผลที่ผมมาเรียนจิตวิทยา ส่วนหนึ่งก็เพื่อเรียนรู้และเข้าใจตนเอง เพราะผมเชื่อว่าหากเราเข้าใจตัวเราได้แล้ว เราย่อมพร้อมที่จะเรียนรู้และเข้าใจผู้อื่นนะครับ...
ไว้จะรออ่านประเด็นการเข้าถึงตนเองภาคต่อนะครับ...
ขอบคุณมากครับผม..
นักจิตวิทยาที่ชื่อ โจเซฟ ลุฟท์ และแฮรี่ อิงแฮม (Joseph Luft and Harry Ingham) ซึ่งได้เสนอทฤษฎีหน้าต่างโจฮารี่ : แบบลายเส้นของการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (The Johari-Window : graphic Model of Awareness in Interpersonal Relation) เอาไว้ว่า
1. บริเวณเปิดเผย หมายถึงบริเวณพฤติกรรมภายนอกที่แสดงออกอย่างเปิดเผย เป็นพฤติกรรมเจตนาที่บุคคลแสดงออกแล้วรู้ว่าตนเองแสดงพฤติกรรมอะไร มีจุดมุ่งหมายอย่างไรให้บุคคลอื่นรับรู้พฤติกรรมและเจตนาของเรา ในขณะเดียวกันเราก็รับรู้พฤติกรรมและเจตนาของผู้อื่นด้วย ถ้าหากบุคคลมีความสนิทสนมกันมากขึ้น บริเวณจะเปิดกว้างขึ้น หมายถึงบุคคลจะมีปฎิกิริยาโต้ตอบต่อกันและมีการเปิดเผยจริงใจต่อกันมากขึ้น
2. บริเวณจุดบอด หมายถึงบริเวณ บริเวณที่พฤติกรรมที่ตนแสดงออกโดยไม่รู้ตัว ไม่มีจุดมุ่งหมาย และไม่มีเจตนาที่จะแสดงออกไป แต่บุคคลอื่นสามารถสังเกตเห็นได้ การที่บางคนพูดหรือแสดงการกระทำบางอย่างโดยไม่รู้ตัวจะทำให้เสียบุคลิกภาพ อาจทำให้คนอื่นเบื่อหน่ายและไม่พอใจได้
3. บริเวณซ่อนเร้น หมายถึงบริเวณที่มีพฤติกรรมลึกลับ เป็นพฤติกรรมหรือความรู้สึกนึกคิดบางอย่างที่บุคคลเก็บซ่อนไว้ในใจไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ ตนเองเท่านั้นที่รู้ เช่น ความรู้สึกไม่ดีต่อคนอื่น พฤติกรรมในส่วนนี้มักจะเป็นพฤติกรรมภายใน ได้แก่ความจำ การรับรู้ ความคิด บุคคลจะไม่แสดงพฤติกรรมดังกล่าวออกมา เพราะต้องการปิดบัง แต่อาจจะแสดงพฤติกรรมอย่างอื่นกลบเกลื่อน
4. บริเวณมืดมน หมายถึง เป็นบริเวณที่พฤติกรรมหรือความรู้สึกบางอย่างที่บุคคลแสดงออกโดยไม่รู้ตัว ตนเองไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจมาก่อน และบุคคลอื่นไม่เคยรู้ไม่เคยสนใจมาก่อนเช่นกัน พฤติกรรมในส่วนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เกิดพฤติกรรมนี้ขึ้นมาได้ เช่น บุคคลบางคนมีกิริยามารยาทเรียบร้อย สุภาพเรียบร้อย สุขุม เยือกเย็น แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน พฤติกรรมก้าวร้าวเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้จึงเกิด (1)
ครับ...คุณกวิน
ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับการนำทฤษฎีมาฝาก (เคยนำมาฝากแล้วในบันทึกก่อน ๆ)
เห็นด้วยเลยครับ ศาสตร์ตะวันออกมีอะไรดี ๆ ไม่แพ้ศาสตร์ทางตะวันตก และที่สำคัญสามารถอธิบายความเป็นตะวันออกได้ชัดกว่านะครับ...
การเพียรปฏิบัติเพื่อให้ตัวเรา "รู้" รู้ในความเป็นไปในตัวเรา และรู้ในความเป็นไปของสิ่งสรรพสิ่งรอบตัว...
น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของทุก ๆ ทฤษฎีนะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
พี่ไดเร็กค่ะ
พี่ช่วยเข้าไปดูบันทึกพี่ว่าสวัสดีมั้ยหน่อยค่ะ
ไม่รู้ทำไมต้นจำปีขึ้นเชื้อรา ทั้งต้นเลย
ครับ...น้องกอ กอก้าน>>>ก้านกอ*:)*(แก๊งค์ก้านคอพับ)
เข้าไปดูแล้วครับแต่ไม่มีความรู้เลยได้แต่เอาใจช่วยครับผม...
ขอบคุณครับ...
แวะผ่านมาอีกรอบค่ะ เพิ่งคิดได้ว่าเหมือนกับทำ SWOT analysis ใช่ไม๊คะ ก็ดีเหมือนกันนะคะบางคนทำ SWOT ให้กับอย่างอื่นมาเยอะแล้วก็น่าจะลองทำให้กับตัวเองดูบ้างก็คงจะดีและมีประโยชน์ไม่น้อยเลยนะคะ
"ความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ความกล้าหาญที่จะยอมรับข้อเสียต่างๆ ของตนเอง
คนที่กล้าหาญที่สุด คือ คนที่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง"
ตามน้อง วชิราภรณ์ มาติดๆ
อาจมาเขียนไม่ตรงกับเนื้อหาในบันทึกนะครับ แอบมานอนที่ชายหาดบางแสนบรรยากาศดีมากๆ (อิจฉาไหม)
และที่ กทม.มีเวลาจะเลี้ยงกาแฟตอบแทน...นะครับ
ช่วยกันเลี้ยงโค ...อ้วนพีๆ
ครับ...คุณ วชิราภรณ์
ใช่เลยครับ...
หลาย ๆ คนใช้ Model ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์และประเมินสิ่งต่าง ๆ มากมาย...
ลองใช้สิ่งเหล่านี้วิเคราะห์ตัวเองบ้างน่าจะดีนะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ...เพื่อนเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ได้เลยเพื่อน...
มีความสุขในวันพักผ่อนครับ...
ขอบคุณครับเพื่อน...
สวัสดีค่ะ พี่ประเมินตัวเองกับเพื่อน ๆ เสมอ ขอความคิดเห็นต่อการทำงานของพี่ บางครั้งก็พบว่าสิ่งที่เราทำมีวัตถุประสงค์คนละเรื่องกับเพื่อน ๆ เข้าใจหรือคิดเห็น พี่ต้องพยายามปรับตัวเองอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ น่ะค่ะ
ครับ...พี่ สุนันทา
ประเมินตัวเราถือเป็นการทบทวนบทบาทเพื่อการพัฒนาตัวเราเองนะครับ...
ขอบคุณมากครับผม...