อย่าลืมใช้ตัวเราเป็นกระจกส่องดูตัวเองบ้าง...


ในแต่ละวันใช้ตัวเราเป็นกระจกสะท้อนคนโน้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา แต่เรามักที่จะลืมทำตัวเราให้เป็นกระจกสะท้อนตัวเราเอง

             เรามักจะทำตัวเป็นกระจกสะท้อนบุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลา จากการสนทนาพูดคุยกับบุคคลนั้น หรือแม้กระทั่งการสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลนั้นแสดงออกมา...

               การมีโอกาสได้สนทนาพูดคุยกับบุคคลต่าง ๆ  ทำให้เราสามารถมองเห็นความเป็นตัวตนของบุคคลคนนั้นได้ สำหรับบางคนเราแค่ใช้เวลาพูดคุยกับเขาเพียงไม่นาน เราก็จะสามารถเห็นและรู้จักตัวตนของเขาได้...

               เรายังมักจะสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของบุคคลอื่น เพื่อที่จะสะท้อนให้เห็นตัวตนของเขา ผ่านการกระทำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง วิธีการทำงาน แม้กระทั่งการเลือกซื้อของต่าง ๆ ของเขา...

                ในแต่ละวันเราใช้ตัวเราเป็นกระจกสะท้อนคนโน้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา แต่เรามักที่จะลืมทำตัวเราให้เป็นกระจกสะท้อนตัวเราเองบ้าง ผมว่าเรารู้จักคนอื่น ๆ มามากพอแล้ว เราลองหันมาสะท้อนตัวเราบ้างดีมั้ย เพื่อว่าเราจะได้รู้จักตัวเราเองมากขึ้นครับ...

                วันนี้ผมนำทฤษฎีกระจกส่องตน (The Looking - Glass Self) ของ Chales Horton Cooley มาฝากครับ...

                ทฤษฎีเขากล่าวไว้ว่า การพัฒนาตน (Self) มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ...

                ขั้นที่ 1 การเห็นพฤติกรรมของตนเองที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น (Perceive)  

                ขั้นที่ 2 วิจารณ์พฤติกรรมของตน (Judgment)

                ขั้นที่ 3  ประเมินค่าพฤติกรรมของตน (Evaluate)

                มาทำตัวเราเป็นกระจกสะท้อนตัวเรากันดีกว่าครับ เป็นการพัฒนาตัวเราเองด้วย สะท้อนตัวเราแล้ววิจารณ์ตัวเราเอง ดีกว่าใช้เวลาในแต่วันวิจารณ์คนอื่นโดยไม่เคยดูตัวเองเลย...

หมายเลขบันทึก: 111395เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2007 21:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (43)

ผมชื่นชมผู้ที่มีบุคลิกดี และ วิธีคิด วิธีพูดที่สมาร์ท และเรียนรู้ท่านเหล่านั้น นำสิ่งที่ดีๆมาปรับปรุงตนเอง

เห็นคนอื่นโกรธ ก็เอามาเป็นบทเรียนให้กับตนเองครับ ว่าหากเราโกรธคงน่าเกลียดเหมือนที่โกรธเป็นแน่...ดังนั้นเราไม่ควรโกรธ ยิ้มไว้ดีกว่า

 - - -

ชีวิตสอนชีวิตครับ - - -เรียนรู้คนอื่น เพื่อพัฒนาตนเอง

ครับ...คุณเอก P...

ใช้คนอื่นเป็นกระจกสะท้อนมาที่ตัวเรา เห็นส่วนไหนที่ดีของเขาก็นำมาปรับใช้กับตัวเรา ส่วนไหนที่ไม่ดีของเขาก็เอาไว้เตือนตัวเราว่าจะไม่ทำเช่นนั้น...

ดีครับแล้วก็น่าสนใจด้วยครับ...

ขอบคุณมากครับ...

วันนี้วันเสาร์ โคราชแล้งมาก ครับ ....

หัวข้อดีมากครับ.....ตามมาอ่าน ความรู้ เอาไปลองใช้ กับตัวเองดูครับ.....

 ผมนึกถึงกลอนบทหนึ่งที่ครูบาอาจารย์สอน แต่จำไม่ได้ ดีมากครับ คุณดิเรก ถ้าทราบ...........กรุณา ต่อให้ด้วย  

..............ตนเตือนตน ไม่ได้ใครจะเตือน.........

จำได้แค่นี้ เอง

ครับ...คุณ nanana  P...

สำหรับที่กรุงเทพ ฯ ช่วงนี้มีฝนตกบ้างประปรายครับ...

กลอนบทที่ว่า น่าจะใช่อันนี้นะครับ...

...ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด...

...ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน...

...ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน...

...ตนแชเชือนใครจะเตือนให้ป่วยการ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีค่ะน้อง ดิเรก....Mr.Direct

  • ลมคิดถึงพัดพาครูอ้อยมาค่ะ..ไม่ได้มาทักทายน้องชายนานโข    พอเห็นชื่อบันทึก จึงสะดุด และฉุกคิด...เอ้อ...เรามองดูตัวเราบ้างหรือเปล่า..จริงๆด้วย
     
  • ขั้นที่ 1 การเห็นพฤติกรรมของตนเองที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น (Perceive)   ครูอ้อยจะมองคนอื่น และช่วยคนอื่น เป็นเสมอ  เลยค่อนข้างให้น้ำหนักในข้อนี้มากกว่าข้ออื่นค่ะ  ระยะนี้ครูอ้อยทำตัวเป็นจิตสาธารณะ  วุ่นวายไปหมด  และรู้สึกว่า...จะขวาเล็กน้อย  พยายามดึงตัวเองออกจากทางขวา  นี่ก็ถือว่า....ดูตัวเอง..ใช่ไหมคะ
  • ขั้นที่ 2 วิจารณ์พฤติกรรมของตน (Judgment)ครูอ้อย  มักจะวิจารณตนเองก่อนนอนทุกวัน  ตั้งแต่เช้าลืมตา  จนถึงที่นอน  ว่าสิ่งใดถูก  สิ่งใดผิด  และจะทำอะไรต่อไปค่ะ
  • ขั้นที่ 3  ประเมินค่าพฤติกรรมของตน (Evaluate)  การประเมินตนเอง  เพื่อการพัฒนา ให้ดีขึ้นนั้น ครูอ้อยใช้เกณฑ์ เทียบเคียง  เอ...เราจะทำแบบเขาได้หรือเปล่า...ผลที่เกิดขึ้นคือ...พื้นฐานแตกต่างกัน  ผลที่เกิดก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย
  • ครูอ้อยเขียนเยอะเลย..ไม่รำคาญนะ  นานๆมาทีหนึ่ง  ลมมาแล้ว  ไปล่ะค่ะ..คิดถึงคนอื่นๆต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ครับ...คุณครูอ้อย P...

น่าชื่นชมครับคุณครูอ้อย ที่สามารถปฏิบัติทั้ง 3 ขั้นตอนได้ทุก ๆ วัน แถมเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน เพื่อเป็รนแนวทางในการปฏิบัติให้ด้วย ขอบคุณมากครับ...

ผมเห็นครูอ้อยมีพลังในการเขียนบันทึกได้เยอะมาก ๆ ตั้งแต่บันทึกที่เคาต์ดาว์นมาจนถึงวันนี้ มีบันทึกมาอย่างต่อเนื่อง สุดยอดจริง ๆ ครับ...

เห็นล่าสุดเป็นแม่ข่ายการเรียนรู้เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นับถือจริง ๆ ครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีค่ะน้องดิเรก

พี่หนิงเอา blog ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น  มาฝากค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

ตามไปอ่านมาแล้วครับ...

น้อง ๆ ของพี่หนิงนี่เก่ง ๆ กันทุกคนเลยครับ...

อันนี้ส่วนหนึ่งคงมาจากความตั้งใจดีของพี่ ๆ DSS ที่ช่วยเป็นพี่เลี้ยงและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้อง ๆ ...

เป็นกำลังใจให้คนทำงานและน้อง ๆ DSS ทุกคนครับ....

ขอบคุณมากครับ...

เด็กๆมีความตั้งใจกว่าพี่มากค่ะน้องดิเรก   พี่อายอยู่หลายๆหนค่ะ

เมื่อวานดูด๊อดดี้ แต่งกลอนนะคะ  เร็วมากเลย  ทั้งๆที่  แต่งด้วยวิธี  พิมพ์-ฟังที่ตัวเองพิมพ์ไปด้วย  (โปรแกรมอ่านจอภาพ jaws for windows และ PPA Tatip)

ครับ...พี่หนิง P...

เห็นความตั้งใจของน้อง ๆ แล้วนับถือจริง ๆ ครับ ได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมาเกินกว่าขีดจำกัดที่มี สุดยอดมาก ๆ ครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ชอบหัวข้อมากค่ะขออนุญาตแลกเปลี่ยนด้วยนะคะ การมองตัวเอง เพื่อให้รู้จักตัวเอง และนำไปสู่การพัฒนาตนเอง ดิฉันมักคิดว่า เรารู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน เราคิดอะไร ทำอะไรที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมาก็ดีพอแล้ว แต่มาแอบสังเกตว่า ทำไมเราจึงเลือกที่จะพูดเรื่องบางเรื่องกับใครบางคน ทำไมบางคนได้รับเลือกให้เป็นผู้ฟังหรือคนที่เขานึกถึง จากคนที่กำลังมีความทุกข์/ปัญหา บางคน..เราอยู่ใกล้ๆแล้วสบายใจดี บางคน..เราหลีกเลี่ยงไม่อยากยุ่งเกี่ยว ภาพของตัวเรา..ที่คนอื่นมองเห็น ก็น่าจะสำคัญ ขออนุญาตยกข้อความจากหนังสือ "เดินสู่อิสรภาพ" ของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ (อดีตอาจารย์ มช )ดังนี้ค่ะ "การรู้จักและการกำหนดรู้ของผู้อื่นที่เข้ามาสัมพันธ์กับตัวเรา มีอิทธิพลต่อการกำหนดความหมายแห่งตัวตนของเราที่ปรากฎขึ้น ตัวตนของเราที่แท้จริงจะเป็นเช่นไรนั้นอาจจะไม่สำคัญมากนัก แต่ตัวตนของเราที่ปรากฎขึ้นในความสำนึกรู้ของผู้อื่น มีความหมายที่ตกกระทบมาสู่ความรู้สึกสำนึกของเราเอง เหมือนตัวเองได้ดูเงาของตนเองในกระจก" ..ขอบคุณค่ะ

ครับ...คุณ nanana P...

ด้วยความยินดีครับ ไว้เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย อย่าลืมมาเขียนบันทึกให้อ่านบ้างนะครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ครับ...คุณ namo_jindy

ยินดีมากครับ...

เห็นด้วยครับคนบางคนใคร ๆ ก็อยากจะคุยเรื่องที่สำคัญด้วย รวมทั้งระบายความอัดอั้นให้ฟัง เป็นภาพของเราที่คนอื่นมองมา ก็เหมือนภาพสะท้อนของเราจากมุมมองคนอื่น...

ลองเปรียบเทียบดูก็ดีครับว่า ภาพเราที่เรามองเห็นตัวเอง กับภาพที่สะท้อนมาจากมุมมองคนอื่น เป็นภาพเดียวกันมั้ย...

ผมชอบเหมือนกันครับกับหนังสือ "เดินสู่อิสรภาพ" เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมีความสุข มีอะไรดี ๆ แฝงอยู่ในทุก ๆ บรรทัดที่ได้อ่านครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ไม่มีการค้นหาใดที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจมากเท่ากับการ "ค้นหา" ตัวตนของเราเอง

...

ขอบคุณบันทึกดี ๆ และเนื้อหาดี ๆ ....ที่ทำหน้าที่เป็น"กระจกเงาความคิด"

ขอบคุณครับ

ครับ...คุณแผ่นดิน P...

"การค้นหาตัวเอง" เป็นการค้นหาที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่ครับ...

และบันทึกแต่ละบันทึกทำหน้าที่เป็นกระจกส่องความคิดของทั้งผู้เขียนและผู้อ่านครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีค่ะ..คุณดิเรก

สำหรับตัวเองก็พยายามใช้สติ..เป็นตัวช่วยให้ทันต่ออารมณ์ ความนึกคิด..การกระทำของตนเอง..จริงๆแล้วมันก็เป็นการช่วยให้ผลของการส่องกระจกเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากขึ้นด้วย..

ขอบคุณค่ะ..ที่มีอะไรดีๆมาแบ่งปันเสมอ..

การส่องกระจกดูตัวเอง ผมว่าเป็นทักษะที่อยู่คู่กับผู้ที่มีภาวะผู้นำทุกคนเลยนะครับ และเห็นด้วยที่คุณดิเรก บอกว่า

มาทำตัวเราเป็นกระจกสะท้อนตัวเรากันดีกว่าครับ เป็นการพัฒนาตัวเราเองด้วย สะท้อนตัวเราแล้ววิจารณ์ตัวเราเอง ดีกว่าใช้เวลาในแต่วันวิจารณ์คนอื่นโดยไม่เคยดูตัวเองเลย

ถ้าต่างคนต่างปรับ ต่างคนต่างแก้ไข ปรับปรุงที่ตนเองแล้ว ผมว่าปัญหาในองค์การคงจะลดลงไปเยอะมากๆทีเดียว องค์การก็จะเข้มแข็ง

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

นานแล้วไม่ได้มาทักทาย ต้ามีกระจกที่บริสุทธิ์จริงๆจากเด็กๆป2-3ร.ร.ใหม่ทุกวันเลยค่ะ.......กระจกบานเล็กๆที่ยังไม่เปื้อนฝุ่นสีใดๆ พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจที่น่ารักมากๆค่ะ

ครับ...คุณครูแอ๊ว P...

เห็นด้วยครับว่า...

"สติ" เป็นตัวช่วยให้การสะท้อนตัวเราได้ผลมากขึ้นครับ...

ขอบคุณเช่นกันครับ...

ครับ...คุณข้ามสีทันดร P...

เห็นด้วยครับ ถ้าทุกคนในองค์การหันมามองที่ตัวเองให้มากขึ้น แล้วก็พยายามปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ปัญหาในองค์การลดน้อยลงแน่นอนครับ และทำให้องค์การเข้มแข็งขึ้นด้วยครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ครับ...คุณต้า P...

ไม่ได้ทักทายกันเสียนาน สบายดีนะครับ... 

กระจกใส ๆ เหล่านั้นเป็นกระจกสะท้อนที่บริสุทธิ์ครับ แถมสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ให้เราอีก ดีจังเลยครับ...

ขอบคุณมากครับ...

หน้าตาคนอื่น เราเห็นได้หมด

แต่หน้าตาเราเอง เราไม่สามารถมองเห็นได้ตรงๆ ต้องมาผ่านกระจก

..ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราเองยังมองไม่เห็น

ครับ...คุณตาหยู P...

ไม่ได้ทักทายกันนานเลยนะครับ...

เห็นด้วยครับว่ามีสิ่งที่เรามองไม่เห็นอีกเยอะ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นตัวเรา คงต้องพยายามสร้างกระจกเพื่อสะท้อนให้เห็นตัวเรามากขึ้นครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีค่ะ  คุณดิเรก

          แป๋มอยากเสริมสักนิดนะคะว่า  "ในการใช้กระจกส่องดูตัวเราเองนั้น  จะต้องส่องดูด้วยใจที่ปราศจากอคติและความหลงใหล  ผลที่ได้จึงจะสะท้อนคุณค่าที่อยู่ภายในให้ใสสว่าง  ในโลกกว้างแห่งความเป็นจริงค่ะ"  ขอบคุณแง่คิดที่มาสะกิดใจนะคะ 

ครับ...คุณ ครูแป๋ม

ใช่เลยครับ...

หากตั้งในจะส่องกระจกเพื่อสำรวจตัวเราจริง ๆ แล้ว ก่อนส่องต้องมั่นใจก่อนนะครับว่าตัวเราไม่มี อคติและความหลงไหล อย่างที่ครูแป๋มว่าครับ...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเสริมและการแวะเข้ามาในหลาย ๆ บันทึกครับผม...

ขอบคุณมากครับ...

ขอบคุณบันทึกนี้ค่ะ พยายามเตือนตนก่อนคนอื่นอยู่เสมอ ค่ะ

ครับ...คุณ ทรายชล

เตือนตัวเราบ่อย ๆ สม่ำเสมอ ก่อนเตือนคนอื่นครับผม...

ขอบคุณมากครับ...

 

บางคนคิดว่าตัวเองรู้รอบและรอบรู้ไปหมดซะทุกอย่างไปหมดซะทุกเรื่อง แต่จริงๆแล้วเค้าละเลยที่จะรู้จักคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคนนึงไปนั่นก็คือ "ตัวเอง" และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในความไม่รู้ของคนเราก็คือ "ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ีรู้" จริงไม๊คะ

ขอต่ออีกนิดนึงนะคะ พวกอีโก้สูงๆ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดขึ้นมามักจะไม่ค่อยยอมรับความผิดของตัวเอง มักจะโยนทุกอย่างออกไปจากตัว เค้าน่าจะได้มาเรียนรู้ทฤษฎีกระจกส่องตน (The Looking - Glass Self) นี้่บ้างนะคะ

  • ขออนุญาตแลกเปลี่ยนนะคะ เห็นเนื้อหาที่คุณ Direct นำเสนอน่าสนใจมากค่ะ  จึงขอแสดงความเห็นตามที่ทราบมา
  • ในเรื่องที่ไม่ควรวิจารณ์ผู้อื่น หรือไปตัดสินผู้อื่นนั้น  ศิลาเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ จึงขอยกคำคมของแม่ชีเทเรซาที่อยู่ในบันทึกแรก ๆ ของศิลามาประกอบแทนคำกล่าวด้วยตัวเอง

·      “If you judge people, you have no time to love them."

  • ส่วนประเด็นเรื่องการมองกลับมาตัวเอง ที่ศิลาเรียนรู้มาเรียกว่า fall back เพื่อเกิดกระบวนการ self awareness ...สำหรับการพัฒนาตนเองต่อไป ที่เรียกว่า  self transformation…ขออภัยนะคะ หากเข้าใจไม่ถูกต้อง..จึงขอเปลี่ยนจากการพูดด้วยคำพูดของตัวเองเป็นยกคำคมของท่าน G.I. Gurdjief  มากล่าว น่าจะดีกว่า

·      Without self knowledge, without understanding the working and functions of his machine, man cannot be free, he cannot govern himself and he will always remain a slave.

  • พอดีกำลังรวบรวมข้อมูลอีกเล็กน้อย และรอให้ว่างเว้นจากความยุ่งก็ว่าจะเขียนเรื่องการเข้าถึงตัวเองอีกนิด เพื่อทบทวนความเข้าใจของตนเอง 
  • ปกติศิลา “รู้” ไม่มากเท่าไร รู้จากการสังเกตและปฏิบัติ จากนั้นก็จะใช้วิธีโยนความคิดออกไป และหาข้อมูลมาประกอบ  ซึ่งก็พบว่าข้อเท็จจริงมีมากมาย มุ่งอธิบายเรื่องเดียวกัน 
  • ขอบคุณจริง ๆ ความรู้ที่คุณ Direct ให้มีคุณค่ามากค่ะ

 

 

ครับ...คุณ วชิราภรณ์

เห็นด้วยเลยครับ...

สิ่งที่น่ากลัวคือ "การไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้"...

การหันมาส่องดูตัวเราเอง เราจะได้ "รู้" ในสิ่งที่พึง "รู้" ในตัวเราเองนะครับ...

ขอบคุณครับผม...

ครับ...คุณ Sila Phu-Chaya

ขอบคุณเช่นกันนะครับสำหรับประเด็นที่นำมาแลกเปลี่ยนและเพิ่มเติม...

คำกล่าวของแม่ชีเทเรซ่าลึกซึ้งมาก ๆ นะครับ...

ใช้เวลาที่มีในการให้ความรักแก่เขาดีกว่าใช้เวลามากมายเพียงเพื่อตัดสินเขานะครับ...

เหตุผลที่ผมมาเรียนจิตวิทยา ส่วนหนึ่งก็เพื่อเรียนรู้และเข้าใจตนเอง เพราะผมเชื่อว่าหากเราเข้าใจตัวเราได้แล้ว เราย่อมพร้อมที่จะเรียนรู้และเข้าใจผู้อื่นนะครับ...

ไว้จะรออ่านประเด็นการเข้าถึงตนเองภาคต่อนะครับ...

ขอบคุณมากครับผม..

 

นักจิตวิทยาที่ชื่อ โจเซฟ ลุฟท์ และแฮรี่ อิงแฮม (Joseph Luft and Harry Ingham)  ซึ่งได้เสนอทฤษฎีหน้าต่างโจฮารี่ : แบบลายเส้นของการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (The Johari-Window : graphic Model of Awareness in Interpersonal Relation)  เอาไว้ว่า



1. บริเวณเปิดเผย หมายถึงบริเวณพฤติกรรมภายนอกที่แสดงออกอย่างเปิดเผย เป็นพฤติกรรมเจตนาที่บุคคลแสดงออกแล้วรู้ว่าตนเองแสดงพฤติกรรมอะไร มีจุดมุ่งหมายอย่างไรให้บุคคลอื่นรับรู้พฤติกรรมและเจตนาของเรา ในขณะเดียวกันเราก็รับรู้พฤติกรรมและเจตนาของผู้อื่นด้วย ถ้าหากบุคคลมีความสนิทสนมกันมากขึ้น บริเวณจะเปิดกว้างขึ้น หมายถึงบุคคลจะมีปฎิกิริยาโต้ตอบต่อกันและมีการเปิดเผยจริงใจต่อกันมากขึ้น

          2. บริเวณจุดบอด หมายถึงบริเวณ บริเวณที่พฤติกรรมที่ตนแสดงออกโดยไม่รู้ตัว ไม่มีจุดมุ่งหมาย และไม่มีเจตนาที่จะแสดงออกไป แต่บุคคลอื่นสามารถสังเกตเห็นได้ การที่บางคนพูดหรือแสดงการกระทำบางอย่างโดยไม่รู้ตัวจะทำให้เสียบุคลิกภาพ อาจทำให้คนอื่นเบื่อหน่ายและไม่พอใจได้

          3. บริเวณซ่อนเร้น หมายถึงบริเวณที่มีพฤติกรรมลึกลับ เป็นพฤติกรรมหรือความรู้สึกนึกคิดบางอย่างที่บุคคลเก็บซ่อนไว้ในใจไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ ตนเองเท่านั้นที่รู้ เช่น ความรู้สึกไม่ดีต่อคนอื่น พฤติกรรมในส่วนนี้มักจะเป็นพฤติกรรมภายใน ได้แก่ความจำ การรับรู้ ความคิด บุคคลจะไม่แสดงพฤติกรรมดังกล่าวออกมา เพราะต้องการปิดบัง แต่อาจจะแสดงพฤติกรรมอย่างอื่นกลบเกลื่อน

          4. บริเวณมืดมน หมายถึง เป็นบริเวณที่พฤติกรรมหรือความรู้สึกบางอย่างที่บุคคลแสดงออกโดยไม่รู้ตัว ตนเองไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจมาก่อน และบุคคลอื่นไม่เคยรู้ไม่เคยสนใจมาก่อนเช่นกัน พฤติกรรมในส่วนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เกิดพฤติกรรมนี้ขึ้นมาได้ เช่น บุคคลบางคนมีกิริยามารยาทเรียบร้อย สุภาพเรียบร้อย สุขุม เยือกเย็น แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน พฤติกรรมก้าวร้าวเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้จึงเกิด (1)



จาก ทฤษฎีหน้าต่างโจฮารี่ จะเห็นได้ว่า ตัวของตัวเองก็ยังมีส่วนที่เป็นอวิชชาอยู่ (ตัวเองก็ไม่รู้ คนอื่นก็ไม่รู้) การหันมา พิจารณาตัวเอง โดยตัวเองนั้น จึงมีข้อจำกัด การรับฟังภาพสะท้อนจากคนอื่นก็ยังมีข้อจำกัด แต่ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น พุทธศาสนาสอนเรื่องไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  หัวข้อ อนัตตา (Non self) คือสิ่งที่พุทธศาสนา สอน และแตกต่างจากศาสตร์ของตะวันตกที่ยังมองเห็นแต่เรื่องของ อัตตา (Self) จริงๆ เรามีของดีอยู่ในคำสอนทางพุทธศาสนามากมาย แต่เราก็ยังกินด่างกันอยู่อย่างอเร็ดอร่อย

อ้างอิง

(1) ศูนย์พัฒนาทรัพยากรการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ทฤษฎีหน้าต่างโจฮารี่ [cited 2009 march 15].[6 screen] Available from: URL; http://wbc.msu.ac.th/ge/0502102/page03_4_1.html  อ้างใน กวิน (นามแฝง). SWOT Analysis + The Johari-Window [Serial online] 2008 September[cited 2009 march 15]. [1 screen] Available from: URL; http://gotoknow.org/blog/kelvin/209110

ครับ...คุณกวิน

ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับการนำทฤษฎีมาฝาก (เคยนำมาฝากแล้วในบันทึกก่อน ๆ)

เห็นด้วยเลยครับ ศาสตร์ตะวันออกมีอะไรดี ๆ ไม่แพ้ศาสตร์ทางตะวันตก และที่สำคัญสามารถอธิบายความเป็นตะวันออกได้ชัดกว่านะครับ...

การเพียรปฏิบัติเพื่อให้ตัวเรา "รู้" รู้ในความเป็นไปในตัวเรา และรู้ในความเป็นไปของสิ่งสรรพสิ่งรอบตัว...

น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของทุก ๆ ทฤษฎีนะครับ...

ขอบคุณมากครับ...

พี่ไดเร็กค่ะ

พี่ช่วยเข้าไปดูบันทึกพี่ว่าสวัสดีมั้ยหน่อยค่ะ

ไม่รู้ทำไมต้นจำปีขึ้นเชื้อรา ทั้งต้นเลย

http://gotoknow.org/blog/hide-the-tree/248593

ครับ...น้องกอ กอก้าน>>>ก้านกอ*:)*(แก๊งค์ก้านคอพับ)

เข้าไปดูแล้วครับแต่ไม่มีความรู้เลยได้แต่เอาใจช่วยครับผม...

ขอบคุณครับ...

      แวะผ่านมาอีกรอบค่ะ เพิ่งคิดได้ว่าเหมือนกับทำ SWOT analysis ใช่ไม๊คะ ก็ดีเหมือนกันนะคะบางคนทำ SWOT ให้กับอย่างอื่นมาเยอะแล้วก็น่าจะลองทำให้กับตัวเองดูบ้างก็คงจะดีและมีประโยชน์ไม่น้อยเลยนะคะ

      "ความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ความกล้าหาญที่จะยอมรับข้อเสียต่างๆ ของตนเอง

        คนที่กล้าหาญที่สุด คือ คนที่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง"

ตามน้อง วชิราภรณ์  มาติดๆ

อาจมาเขียนไม่ตรงกับเนื้อหาในบันทึกนะครับ แอบมานอนที่ชายหาดบางแสนบรรยากาศดีมากๆ (อิจฉาไหม)

และที่ กทม.มีเวลาจะเลี้ยงกาแฟตอบแทน...นะครับ

Dscf0392_resize_resize

ช่วยกันเลี้ยงโค ...อ้วนพีๆ

ครับ...คุณ วชิราภรณ์

ใช่เลยครับ...

หลาย ๆ คนใช้ Model ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์และประเมินสิ่งต่าง ๆ มากมาย...

ลองใช้สิ่งเหล่านี้วิเคราะห์ตัวเองบ้างน่าจะดีนะครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ครับ...เพื่อนเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

ได้เลยเพื่อน...

มีความสุขในวันพักผ่อนครับ...

ขอบคุณครับเพื่อน...

สวัสดีค่ะ พี่ประเมินตัวเองกับเพื่อน ๆ เสมอ ขอความคิดเห็นต่อการทำงานของพี่ บางครั้งก็พบว่าสิ่งที่เราทำมีวัตถุประสงค์คนละเรื่องกับเพื่อน ๆ เข้าใจหรือคิดเห็น พี่ต้องพยายามปรับตัวเองอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ น่ะค่ะ

ครับ...พี่ สุนันทา

ประเมินตัวเราถือเป็นการทบทวนบทบาทเพื่อการพัฒนาตัวเราเองนะครับ...

ขอบคุณมากครับผม...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท