วันนี้หลังจากเสร็จภาระกิจจากการกรีดยาง ก็เข้าสวนรดน้ำผักตามปกติ รดน้ำผักเสร็จก็เดินสำรวจต้นไม้ต้นหญ้าในสวนเพื่อความสบายใจ ปรากฏว่าทั้งสบายใจและดีใจครับ ที่การปลูกกล้วยแบบพิสดารมันแตกหน่อออกมาแล้ว
สวัสดีครับโส
ห้าๆๆๆๆ ก่อนอื่นขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่ลองทำดูแล้วบ้าตามผม ห้าๆๆๆ นับว่าเป็นนักเกษตรกรรมธรรมชาติที่ดีครับ ไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์อย่างมีเหตุผลครับ
จริงๆ แล้วไม่ใช่ความคิดของผมนะครับ แต่ผมอ่านเจอ ไม่แน่ใจว่าใน GotoKnow นี่หล่ะครับ ว่าด้วยการปลูกกล้วย ผมค้นหาอีกรอบห้าบทความนั้นไม่เจอครับ พูดถึงการปลูกกล้วยแบบพลิกดินชี้ฟ้าแบบนี้นะครับ ในบทความนั้นจะบอกว่า จะมีการแตกหน่อ ขึ้นมามากกว่าหนึ่งหน่อ ผมก็เอาไปคิดต่อ แล้วก็ได้คำตอบว่ามันเป็นอย่างไรตามหลักการทางการแบ่งเซลล์ แล้วก็หลักการของการโตแบบต้นไม้ เหมือนกันทุกพันธุ์นะครับ ไม่ว่าจะเริ่มด้วยหน่อ หรือเริ่มด้วยเมล็ดครับ หากคุณสังเกตให้ดี จะพบว่าในเริ่มต้น คุณปลูกต้นไม้ด้วยเมล็ด คุณไม่เคยแคร์เลยว่า เมล็ดจะจัดเรียงตัวอย่างไรส่วนที่เป็นลำต้นก็ต้องงอกชี้ฟ้าเสมอ และรากก็ต้องลงดินเสมอ อันนี้เป็นกฏทางธรรมชาติของต้นไม้แบบปลูกลงดินนะครับ ภาษาอังกฤษว่า Gravitropism เป็นการงอกตามลักษณะแรงโน้มถ่วง
ลำต้นจะงอกแบบ Negative Gravitropism งอกชี้ฟ้าต้านแรงโน้มถ่วง ส่วนรากจะงอกแบบ Positive Gravitropism ตามแรงโน้มถ่วง หรือค่า g ที่เราเรียกๆ กันนะครับ
หากคุณสังเกตทดลองเรียงเมล็ดดูก็ทำนองเดียวกันครับ ไม่ว่าจะเรียงเมล็ดยังไง เช่นการหว่านข้าวในทุ่งนา ก็เช่นกัน การตกและจัดเรียงเมล็ดมันเป็นแบบต่างๆ แต่ท้ายที่สุด รากลงดิน ต้นชี้ฟ้า
กลับมาที่กล้วยก็เช่นเดียวกันครับ หากปลูกแบบธรรมดา จะโตไวครับ เพราะยอดเดิมมีอยู่แล้ว ลงดินก็ดูดน้ำ ตรึงน้ำจากทั้งอากาศและดินมาสะสมไว้ในลำต้น กล้วยจะมีสารที่ไวต่อการขาดน้ำมากๆ มันเลยวางแผนให้กับตัวเองเพื่อป้องกันการขาดน้ำไงครับ (คนน่าจะเอาเป็นตัวอย่างนะครับ) จะเห็นว่า ไม่ว่าสวนไหน ดินจะแห้งแล้งอย่างไร หากคุณไปกอดต้นกล้วยตอนเที่ยงๆ คุณจะมีความสุขครับ เย็นถึงทรวงใจ
ส่วนการปลูกแบบพลิกดินชี้ฟ้า นี้ จะเป็นการทำลายยอดเดิมโดยจิ้มไปที่ดินแล้วกลบ ดังนั้น หน่อกล้วยจะพบกับระยะพักตัว (ประมาณหนึ่งเดือนจากการทดลองของโส) จนกว่าจะงอกเป็นหน่อใหม่
เมื่อไม่มีลำต้นหรือทางออกให้ยอดเดิมออก กลไกภายในหน่อต้องปรับใหม่ครับ นั่นคือการแบ่งเซลล์ในหน่อกล้วยต้องมีการแบ่งเซลล์และปรับค่าใหม่ จริงๆ ก็เป็นเซลล์หน่อที่จะงอกจากต้นหลักหากปลูกแบบทั่วไปนะครับ แต่ต้นเดิมถูกทำลายมันก็ต้องหาทางเอาเซลล์สำรองขึ้นมาแทนครับ แล้วก็งอกตามแบบของหลักของแรงโน้มถ่วงนะครับ ก็เป็นปกติครับ
ที่ผมอยากจะทราบคือ มันจะงอกหน่อถัดไปออกมาเมื่อไหร่ จะงอกสองหน่อมาพร้อมกันหรือมากกว่าสองเมื่อไหร่ครับ
ผมว่ากล้วยเป็นตัวบ่งชี้ชีวิตของเกษตรกร และหากเกษตรกรใช้กล้วยเป็นตัวอย่างในการพัฒนาแล้ว เอามาเป็นแรงใจในการปลูกพืชและทำเกษตรแล้วนั้น จะดีมากๆ มองถึงการสู้ชีวิตของกล้วยนะครับ ตรึงน้ำมาจากไหนมาสะสมในลำต้นครับ
ส่วนของกล้วยก็มีประโยชน์หมดเลยครับ
สิ่งที่ผมจะรอดูต่อไปคือ ในการปลูกกล้วยของโสครั้งนี้มีการทำตามหลักของบทความที่ผมเขียนไว้ด้วย คือคณิตศาสตร์กับการปลูกกล้วยครับ คณิตศาสตร์ว่าด้วย การปลูกกล้วย
อยากจะทราบว่ามันจะแทงเครือแรกไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ (แต่โสบอกว่าไม่ได้จัดเรียงทุกต้น) ก็คงจะได้เห็นว่ามันจะชี้ไปตามหลักที่ว่าเป็นแบบภูมิปัญญาชาวบ้านกันต่อไปหรือไม่อย่างไรครับ
แน่นอนว่าการปลูกแบบแนวพลิกดินชี้ฟ้านี้ การได้รับผลผลิตช้ากว่าแบบปกติแน่นอนครับ เพราะจุดเริ่มต้นต่างๆกันครับ ต้องรอดูกันต่อไปครับ แล้วจะเอาเทคนิคอื่นๆ มาฝากกันต่อไปครับ
อิๆๆ มีคนหนึ่งฝันคนหนึ่งช่วยทำการทดลอง...ห้าๆๆๆ ขออย่าให้คนทำการทดลองเบื่อคนฝันเสียก่อนนะครับ
ขอบคุณมากครับโสที่นำมาให้ดูกันนะครับ แล้วค่อยลองอัพเดตไปเรื่อยๆ ทุกเดือนนะครับ
เมื่อ พฤ. 28 มิ.ย. 2550 @ 00:23 [305643]
ปัทมาวดี โพชนุกูล ซูซูกิ
คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
http://gotoknow.org/blog/econ4life/106835
"การวิจัย คือ การพยายามหาคำตอบ"
"การวิจัย คือ การสร้างความรู้ใหม่ การค้นหาความรู้"
"การวิจัย คือ กระบวนการสำรวจตรวจสอบ (investigate) อย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง"