หมาน้อยเพื่อนรัก......
เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ทั้งข่าวการบ้านการเมือง ข่าวภาคใต้..... วุ่นวายเหลือเกิน มันทำให้ข้าราชการแบบเราต้องหยุดคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของเราในวันนี้ จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อย่างไรบ้าง เพื่อถวายให้แก่พ่อหลวงของเรา .... เฮ้อ! ….. ส่วนของตลาดนัดความรู้ ศูนย์อนามัยที่ 5 ในเรื่องของรายละเอียดเนื้อหา เราคงไม่เล่าให้นายฟังแล้วหล่ะ เพราะมีผู้ใจดี คุณหมอนนทลี ท่านได้กรุณาเล่าลงใน Blog. gotoknow เรียบร้อยแล้ว แต่เราอยากเล่าเรื่องของพนักงานขับรถของศูนย์อนามัยที่ 5 ที่ไม่ธรรมดา ... เรื่องนี้เราได้จากการเป็น KM Spy ที่แฝงตัวเองไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัยที่ 5 ซึ่งทำให้เราประทับใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเล่าให้นายฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ..........
คุณสมพงษ์ ชีพอุดม เป็นพนักงานขับรถศูนย์อนามัยที่ 5 “ ผมเป็นคนไม่ดื่มสุรา สุราทำให้เราครองสติไม่ได้ ยิ่งเวลาขับรถถ้าเราดื่มสุรา โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีสูงมาก อาจเป็นด้วยเหตุนี้หรือปล่าวที่ผมมักจะได้รับมอบหมายให้เป็นพนักงานขับรถของผู้บริหารระดับสูง ทุกครั้งที่ผมขับรถพาเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานเดินทางไปในที่ต่างๆ ผมจะคิดเสมอว่าทุกคนที่เดินทางไปพร้อมกับผมจะต้องเดินทางไปถึงยังจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย ทุกชีวิตที่อยู่บนรถฝากชีวิตไว้กับผม ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย ดังนั้นผมจะขับรถด้วยความใจเย็น ให้อภัยทุกคนที่อยู่บนท้องถนน เขาด่วนก็ให้เขาไปก่อน ผมจะปฏิบัติตัวกับผู้โดยสารทุกคนเหมือนกัน กริยา มารยาท หรืออัธยาศัยที่พนักงานขับรถพึงมี ผมก็จะฝึกปฏิบัติ จะเรียนรู้นิสัยของเจ้านายและผู้ร่วมเดินทางแต่ละคน ว่าในขณะเดินทางทุกคนมีความต้องการอะไรบ้าง เช่น แวะเข้าห้องน้ำ แวะทานข้าว ผมจะคอยถามไถ่เพื่อจะได้ให้บริการแก่ผู้ร่วมเดินทาง นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่พนักงานขับรถควรปฏิบัติก็คือการศึกษาเส้นทาง เมื่อใดก็ตามที่ผมต้องขับรถไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป ผมจะศึกษาแผนที่ หรือสอบถามคนที่เขาเคยไป ถ้าบังเอิญเกิดหลงทาง ผมจะกลับมานั่งทบทวนหาสาเหตุ แล้วสรุปเป็นบทเรียน เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก หรือบางทีถ้าพาเจ้านายไปถึงที่หมายช้ากว่าเวลานัด ผมจะไม่รีบร้อน ยิ่งรีบยิ่งเสีย เราต้องมีสติเพราะถ้าเรารีบมากเกินไปอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ แทนที่จะช้าไป 5-10 นาที เราอาจจะไม่ถึงที่หมายก็เป็นได้ การขับรถของผม ผมไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมทาง เนื่องจาก ผมเผื่อใจไว้ เช่นถ้าเจ้านายนัดให้ผมมารอรับตอน 09.00 น. ผมก็มารับตามเวลานัด แต่ก็จะเผื่อใจไว้ว่าถ้าเจ้านายยังทำงานไม่เสร็จเราอาจจะออกเดินทางตอน 10.00 น. หรือ 11.00 น.ก็ได้ การคิดเช่นนี้ทำให้เราไม่มีอารมณ์โกรธ เราก็จะขับรถไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อใดที่ผมเกิดอาการง่วงผมจะขออนุญาตแวะปั๊มน้ำมันเพื่อล้างหน้า ยืดเส้นยืดสาย ผมจะไม่ฝืนขับรถต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องปกป้องชีวิตทุกชีวิตที่อยู่บนรถ ผมต้องพาเขาไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย .................. ”
เป็นยังไงบ้างหล่ะ.... นายคิดเหมือนเราไหมว่า.... คุณสมพงษ์ใช้หลักทางพุทธศาสนามาใช้ในการทำงาน ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มนำหลักธรรมไปปฏิบัติในการทำงานให้มีความสุขแล้วหล่ะ..... ถ้าคนขับรถทุกคนคิดเหมือนคุณสมพงษ์ก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนะ จริงไหม ... บ๊ายๆ จ๊ะ....
.......รักจ๊ะ ......
ซางคำ
ไม่มีความเห็น