จากซางคำถึงหมาน้อย (14)


ทุกชีวิตที่อยู่บนรถฝากชีวิตไว้กับผม

หมาน้อยเพื่อนรัก......             

                                เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ทั้งข่าวการบ้านการเมือง ข่าวภาคใต้..... วุ่นวายเหลือเกิน มันทำให้ข้าราชการแบบเราต้องหยุดคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของเราในวันนี้ จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อย่างไรบ้าง เพื่อถวายให้แก่พ่อหลวงของเรา  .... เฮ้อ! …..  ส่วนของตลาดนัดความรู้ ศูนย์อนามัยที่ 5 ในเรื่องของรายละเอียดเนื้อหา เราคงไม่เล่าให้นายฟังแล้วหล่ะ   เพราะมีผู้ใจดี  คุณหมอนนทลี ท่านได้กรุณาเล่าลงใน Blog. gotoknow เรียบร้อยแล้ว แต่เราอยากเล่าเรื่องของพนักงานขับรถของศูนย์อนามัยที่ 5  ที่ไม่ธรรมดา   ...  เรื่องนี้เราได้จากการเป็น KM Spy ที่แฝงตัวเองไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัยที่ 5 ซึ่งทำให้เราประทับใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเล่าให้นายฟัง  เรื่องมีอยู่ว่า ..........                              

                                   คุณสมพงษ์  ชีพอุดม       เป็นพนักงานขับรถศูนย์อนามัยที่ 5    ผมเป็นคนไม่ดื่มสุรา  สุราทำให้เราครองสติไม่ได้  ยิ่งเวลาขับรถถ้าเราดื่มสุรา โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีสูงมาก  อาจเป็นด้วยเหตุนี้หรือปล่าวที่ผมมักจะได้รับมอบหมายให้เป็นพนักงานขับรถของผู้บริหารระดับสูง ทุกครั้งที่ผมขับรถพาเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานเดินทางไปในที่ต่างๆ  ผมจะคิดเสมอว่าทุกคนที่เดินทางไปพร้อมกับผมจะต้องเดินทางไปถึงยังจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย  ทุกชีวิตที่อยู่บนรถฝากชีวิตไว้กับผม ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย  ดังนั้นผมจะขับรถด้วยความใจเย็น  ให้อภัยทุกคนที่อยู่บนท้องถนน  เขาด่วนก็ให้เขาไปก่อน   ผมจะปฏิบัติตัวกับผู้โดยสารทุกคนเหมือนกัน         กริยา มารยาท หรืออัธยาศัยที่พนักงานขับรถพึงมี ผมก็จะฝึกปฏิบัติ จะเรียนรู้นิสัยของเจ้านายและผู้ร่วมเดินทางแต่ละคน ว่าในขณะเดินทางทุกคนมีความต้องการอะไรบ้าง เช่น แวะเข้าห้องน้ำ  แวะทานข้าว  ผมจะคอยถามไถ่เพื่อจะได้ให้บริการแก่ผู้ร่วมเดินทาง นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่พนักงานขับรถควรปฏิบัติก็คือการศึกษาเส้นทาง  เมื่อใดก็ตามที่ผมต้องขับรถไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป ผมจะศึกษาแผนที่  หรือสอบถามคนที่เขาเคยไป   ถ้าบังเอิญเกิดหลงทาง ผมจะกลับมานั่งทบทวนหาสาเหตุ แล้วสรุปเป็นบทเรียน เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก  หรือบางทีถ้าพาเจ้านายไปถึงที่หมายช้ากว่าเวลานัด  ผมจะไม่รีบร้อน  ยิ่งรีบยิ่งเสีย  เราต้องมีสติเพราะถ้าเรารีบมากเกินไปอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ แทนที่จะช้าไป 5-10 นาที เราอาจจะไม่ถึงที่หมายก็เป็นได้    การขับรถของผม ผมไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมทาง เนื่องจาก ผมเผื่อใจไว้  เช่นถ้าเจ้านายนัดให้ผมมารอรับตอน 09.00 น. ผมก็มารับตามเวลานัด  แต่ก็จะเผื่อใจไว้ว่าถ้าเจ้านายยังทำงานไม่เสร็จเราอาจจะออกเดินทางตอน 10.00 น. หรือ 11.00 น.ก็ได้ การคิดเช่นนี้ทำให้เราไม่มีอารมณ์โกรธ  เราก็จะขับรถไปได้อย่างปลอดภัย   เมื่อใดที่ผมเกิดอาการง่วงผมจะขออนุญาตแวะปั๊มน้ำมันเพื่อล้างหน้า ยืดเส้นยืดสาย ผมจะไม่ฝืนขับรถต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องปกป้องชีวิตทุกชีวิตที่อยู่บนรถ  ผมต้องพาเขาไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย ..................

                เป็นยังไงบ้างหล่ะ.... นายคิดเหมือนเราไหมว่า.... คุณสมพงษ์ใช้หลักทางพุทธศาสนามาใช้ในการทำงาน ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มนำหลักธรรมไปปฏิบัติในการทำงานให้มีความสุขแล้วหล่ะ.....  ถ้าคนขับรถทุกคนคิดเหมือนคุณสมพงษ์ก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนะ จริงไหม ...  บ๊ายๆ จ๊ะ....

                                                                        .......รักจ๊ะ   ......

                                                                              ซางคำ 

คำสำคัญ (Tags): #km spy
หมายเลขบันทึก: 104571เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 15:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท