ทบทวนการทำงานจิตอาสาด้านการประสานงานกับครูชาวต่างประเทศที่ผ่านมา ตั้งแต่การได้รับความร่วมมือจากการมาช่วยสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนจนถึงวันนี้ ได้พัฒนาเด็กน้อยรุ่นแล้วรุ่นเล่า ด้วยระยะเวลาการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนานทีเดียว และผลรับคือเด็กมีทัศนคติดีต่อการเรียนรู้โลกกว้าง และสามารถนำพาตัวเองให้ต่อยอดการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีการต่างๆที่พวกเขาได้รับประสบการณ์ สิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือทัศนคติที่เปลี่ยนไปในเชิงสร้างสรรค์ และใจกว้างยอมรับที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยความยินดี เรียกว่ามีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษา ประการที่สอง ผลการสอบNTภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นป.6 ก็น่ายินดียิ่ง แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร และการเอานำจิตอาสาเจ้าของภาษามาร่วมจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียนโดยไม่ใช้งบใดๆของทางราชการ ก็ส่งผลให้การทำงานมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
ภายหลังจากทำกิจกรรม แล้ว เหลือแนวทางอะไรไว้ให้ทำต่อ หรือคนอยากจะทำ ได้เห็นช่องทางทำต่อไหมหนอ????
ขออภัยที่คำถามมาเร็วไป...เพื่อนเราผู้หนึ่งอยากพัฒนาแนวคิดในการสอนภาษาอังกฤษ แก่เด็ก ๆ มาก..เราเองเคยทำสื่อสอนภาษาอังกฤษ เป็นวิดิทัศน์ ความยาว ๓๐ นาที เพื่อแนะนำครูผู้สอนภาษาอังกฤษว่า ควรทำอย่างไร เมื่อไร กับเด็กวัยไหน.. แม้จะพบว่า กระบวนการเรียนการสอนเปลี่ยนไป สนุกสนาน แต่ก็พบเช่นกันว่า ปัญหาใหญ่คือ ปริมาณงานจะเพิ่มขึ้น จนผู้สอนหลาย ๆ คนหมดกำลังใจ..
ยินดีค่ะคุณเติมฝัน ให้ฝน
ไม่บ่อยนักที่เราจะพบว่าสายฝนนั้นปลุกความคิดให้ผู้คนได้เดินทางไปสู่ความฝันดั่งตั้งใจ
การเติมฝันให้ฝนจึงเป็นเรื่องใหม่ที่โชคดีได้เห็นลายอักษร ที่บ่งบอกถึงความคิดก้าวไกล
แฝงความกระตือรือร้นไว้อย่างเป็นระบบ ยิ่งสอนมาก ยิ่งมีประสบการณ์มาก คำถามมาเร็ว
ก็ไปเร็วตามสัจธรรมค่ะ
สื่อวิดีทัศน์น่าสนใจ ตื่นเต้น น่าจับต้องหากมีจังหวะให้ได้จับได้สัมผัสองค์ความรู้ที่สื่อนั้น
ถ่ายทอดออกมาไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ ลักษณะใดก็ตามและไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ...
เพียงแต่ธรรมชาติของเด็กนั้นจะตื่นเต้น และประทับใจ และจดจำ
ไปนาน ขึ้นอยู่กับว่าผู้สอนมีวัตถุประสงค์อะไร เพียงไร และอย่างไร
ใช่สื่อได้เหมาะเจาะกับเวลา ผู้เรียน ตัวผู้สอนเอง และสถานการณ์
อีกทั้งการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารนั้น จะเกิดผลดีที่สุดหากผู้เรียนและผู้สอน
ได้สื่อสารกันอย่างเป็นธรรมชาติมิใช่หรือ.."2 ทางไปกลับทันใจรู้เร็ว ตอบสนองเร็ว"
อีกทั้งการจัดทำสื่อก็เพื่อช่วยให้การสอนนั้นๆมีคุณค่า
และประสบผลตามที่คาดหวังไว้เร็วขึ้น
ด้วยความเชื่อมั่นว่าสื่อจะนำพาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง
คุณค่าของสื่อจึงน่าจะอยู่ที่การนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม
เพราะสื่อทุกสื่อย่อมมีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว
ขอเพียงผู้ใช้ ผู้ผลิตสื่อ มีความรัก และความเข้าใจในความรู้หรือประสบการณ์ที่ต้องการ
นำเสนอ ผู้ใช้สื่อจึงน่าจะได้ศึกษา และมั่นใจในคุณค่าของสื่อนั้นๆ
อีกทั้งจำเป็นที่จะได้ทดลองใช้ก่อนนำไปใช้จริง ..
รวมทั้งให้ความยุติธรรมกับผลรับที่เกิดขึ้นจากการใช้สื่อ อย่างแท้จริง
อีกทั้งยังเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ผู้ผลิตจะได้สนุกกับผลงานที่สร้างขึ้น
ผู้ผลิตไม่ใช่ผู้สอน จึงต้องให้เวลากับการทดลองการใช้สื่อที่ผลิตนั้นมากๆ
บางทีสิ่งที่เราเห็นว่าดีที่สุด อาจไม่ใช่สิ่งที่บริโภคต้องการก็ได้นะคะ
ขอบคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยน และมอบทัศนะที่ดีให้เกิดมุมคิดดีๆต่อไป
ขอบคุณค่ะ