อ่านที่ ดร.ประสารฯ จากกสิกรไ ทยใ ห้สัมภาษณ์ เป็นมุมมองที่ดี แต่ก็น่าหวั่นใจสำหรับอนาคต ที่จะเกิดขึ้น... ส่วนระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์อย่างที่ประเทศสังคมนิยมเคยใช้นั้น เชื่อว่าไม่สามารถนำกลับมาใช้กับเศรษฐกิจโลกได้แล้ว เพราะในขณะนี้ ประชากรของจีนในรุ่นนี้ ถูกปรนเปรอจากระบบทุนนิยม ส่วนประเทศรัสเซียในระยะหลังระบบเศรษฐกิจก็มั่งมีขึ้นเยอะมาก ดังนั้นรูปแบบที่จะเกิดขึ้น ภายหลังความล้มเหลวของระบอบทุนนิยมเสรี คือการสร้างระบบการควบคุมมากขึ้น และจะเกิดการถอยไปตั้งหลักครั้งใหญ่ (Big Setback) ของการพัฒนาตลาดการเงินโลก ขณะที่แนวคิดเรื่องการค้าเสรีจะถูกกระทบแน่ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐที่เป็นต้นแบบของการค้าเสรีนั้น เมื่อสังเกตแนวคิดของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ และนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐ ที่มีความชัดเจนว่า มีแนวคิดต่อต้านการค้าเสรีค่อนข้างมาก
ท่านบอกว่า เศรษฐกิจโลกจะยังต้องใช้รูปแบบทุนนิยมเสรีอยู่ดี และจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในยุคนี้หรือรุ่นลูก
เนื่องจากรากเหง้าของระบบทุนนิยมเสรีมาจาก ความต้องการสวัสดิการที่ดีของปัจเจกบุคคล ตามทฤษฎีของอดัม สมิธ ซึ่งหากมองหลักข้อนี้แล้ว เราทุกคนยังต้องการต่อสู้เพื่อสวัสดิการที่ดีขึ้นต่อไป
ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์การเมืองในสหรัฐมองว่า วิกฤติครั้งนี้ รัฐบาลจะมีบทบาทสูงในการนำเงินในอนาคต มาใช้แก้ปัญหาปัจจุบัน แต่ภาระจะตกหนักกับประชาชนในอนาคต หมายความถึงภาระภาษีที่จะเพิ่มมากขึ้น หรือกระทบต่อสวัสดิการในอนาคต อาจจะแย่ลง ปัญหาเหล่านี้ประชาชนจะทนรับได้หรือไม่ และหากไม่ได้อาจจะเกิดการท้าทายอำนาจรัฐในอนาคต มีผลกระทบต่อการปกครองในประเทศต่างๆ หากระบอบประชาธิปไตยของประเทศนั้นๆ ไม่เข้มแข็งก็จะลำบากได้
ไม่มีความเห็น