ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความคิดเห็นและแนวคิดดีๆ ตอนนี้พี่สะใภ้ ซึ่งมีลูกอยู่วัยอนุบาลก็ไปดูบรรยากาศในรร.นกฮูกอยู่ เดี๋ยวดิฉันคงได้คำตอบว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ดิฉันชอบลิงค์ที่คุณหมอให้อ่านเกี่ยวนิทาน โรงเรียนสัตว์นะค่ะ ดิฉันคิดว่ามันใช่เลยค่ะ
นั้นคือสิ่งที่ดิฉันต้องการ คนเรามีความสามารถต่างกัน หาตัวเองให้เจอ แล้วพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ก่อประโยชน์กับตัวเองสูงสุด เรามัวมาเสียเวลากับสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดเพื่อที่จะอยู่รอดในสังคมนั้นๆ ได้ สิ่งที่ถนัดกับสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ก็ทำไม่ได้ดีสักอย่าง
คุณหมอให้ลูกเรียนที่นี้ แล้วเด็กจำเป็นต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมที่ไหนอีกรึเปล่า ดิฉันก็เคยให้ลูกเรียนพิเศษพวกนี้เหมือนกัน เพียงแต่ระยะหลังๆนี้ดิฉันมองว่ามันเสียเวลาและเหนื่อยลูกและเหนื่อยตัวเองด้วย เปลืองค่าใช้จ่ายด้วย ตอนนี้ลูกสาวเรียนแต่บัลเลย์อย่างเดียวอันนี้เขาเลือกเอง เพราะเขาคงเห็นว่าแต่งตัวสวย แล้วเขาก็มีความสุข ส่วนดิฉันมองว่าก็ดี จะได้ฝึกบุคลิกและออกกำลังกาย
พอดีเริ่มรู้ข้อมูลมาบ้างแล้วว่า ที่รร.นกฮูก+ธำรงค์ เขามีหลักการตอนแนววิทยาศาตร์ เน้นการทดลอง หาเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น ฝึกเด็กให้รู้จักเป็นคนสังเกตุ มีเหตุผล รู้หน้าที่ของตัวเอง และรับผิดชอบต่อหน้าที่ โดยทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการบังคับเด็ก แต่มาจากความร่วมมือ และเต็มใจของเด็กเอง ดิฉันทึ่งค่ะ อีกอย่างนึงเขามีเรียนดนตรี ภาษาอังกฤษแต่ลืมถามค่ะว่าเขาสอนทุกวันรึเปล่า และที่สำคัญที่ชอบมากคือเขาสอนหลักสูตรวิชาพวกนี้ให้ตั้งแต่เด็กเตรียมอนุบาลเลย ทำให้ดิฉันมองเลยว่า รร.เขามองเห็นคุณค่าและความสามารถของเด็กจริง เด็กวัยเล็ก(เตรียมอนุบาล) เป็นวัยที่สมองแตกกิ่งก้านสาขามากที่สุด ดิฉันมักจะทึ่งกับความสามารถของเด็กเล็กเสมอ ว่าเขาจำดี สามารถเรียนรู้ (แต่อาจยังไม่เข้าใจในทันที)ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ดิฉันตัดสินใจได้เลยค่ะว่าดิฉันจะต้องพาคนเล็ก อายุ 2.3 ขวบของดิฉันไปสมัครเตรียมอนุบาลก่อน อยากดูพัฒนาการของเขาจริงๆค่ะ ว่าจะเป็นอย่างที่ดิฉันคิดรึเปล่า ไม่รู้ว่าสมัครเข้าได้รึเปล่าต้องรอดูก่อน