@26727 เช่น หมอ burn out ลาออกจากระบบราชการ
ในรพ. มีหมออยู่ 3 คน ก็ให้ 3 คนนี้ผลัดกันพัก ได้ไปทำกิจกรรมที่มีคุณค่าต่อจิตใจด้วยได้พักผ่อนด้วย เช่น ไปเที่ยวถ่ายภาพสวยๆเข้าใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ก็ไม่ให้เสียเที่ยวแวะไปทำบุญด้วยการระดมบริจาคของที่จะเป็นประโยชน์ต่อหมู่บ้านที่ห่างไกล เพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นทานที่ไม่ไปทำให้ชุมชนนั้นอ่อนแอ หมอเลยเลือกทำงานร่วมกับคนที่เข้าใจว่าการ empower ชุมชนนั้นทำอย่างไรด้วย ไม่ใช่แค่ไปให้ๆแล้วก็กลับ
เวลาหมอจะลางานไปก็อย่าลืมฝากคนไข้ไว้กับหมอที่อยู่ที่รพ.ด้วย ลางานตอนนี้หมอไม่รู้หรอกว่าตอนที่จะหยุดงานนั้นคนไข้จะมีอาการอย่างไร ถ้าเอาเข้าถึงวันจริงมีกรณีสาหัสเข้ามาใหม่ หมอไม่พอ หรือคนไข้ที่ดูอยู่ทรุดลงมาก ถึงวันนั้นหมอก็ต้องยกเลิกการเดินทาง ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย มีให้เห็นบ่อยๆ ก็แค่นั้น แต่ตอนนี้เราไม่รู้อนาคต หมอก็เตรียมหยุดไปได้ก่อน ถึงเวลาไปไม่ได้ก็ไม่มีใครว่า
ถ้าไปได้แล้วได้ดูงานที่รพ.ต่างถิ่นแล้วนำความรู้ประสบการณ์ต่างถิ่นมาใช้กับรพ.เราได้ด้วยก็ยิ่งดี การทำงานในช่วงที่ไม่ได้หยุดก็จะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ไปพักมาแล้วเป็นการเติมพลังก็กลับมาทำงานได้อีก ไม่ burn out คราวหน้าก็ผลัดให้หมอและบุคคลากรคนอื่นไปบ้าง ต้องมีชีวิตการทำงานที่มีคุณภาพ คือมีความสมดุล ถ้าไม่มีคุณภาพ คนที่ซวยที่สุดก็คือคนไข้นั่นเอง
[การทำบุญไม่ใช่แค่ either...or... แต่สามารถเป็น both ...and....]
นี่แหละสถานการณ์ที่อยากเห็น....นี่เป็นแค่"ความคิด"(ไปเอง)ของเราคนเดียว
การทำ scenario building ต้องให้ทุกคนออกความเห็นและควรอยู่ในห้องเดียวกัน F2F จะได้ฟังกันให้มาก ต้องมี facilitator ดีๆด้วย
ไม่มีความเห็น