พระมหาวัลลภที่มาเทศน์เมื่อวันเสาร์ที่แล้วสอนง่ายๆว่า การให้มี 3 แบบ
1. ให้สิ่งของ: ให้ให้แบบที่ผู้รับไม่กลายเป็นคนอ่อนแอ ให้อย่างมีความหมาย
2. ให้ความห่วงใย เอาใจใส่ อย่างมีเมตตา: เช่น ให้กำลังใจคน แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่า มีลูกศิษย์มาเล่าให้ฟังว่า เจอยายแก่ๆที่ป้ายรถเมล์ท่านหนึ่ง ท่านเพิ่งลงมาจากรถเบอร์ 22 แล้วท่านก็เข้ามาถามเค้าว่า หลานชาย-รถเบอร์ 22 มันจะมาจอดอีกใช่มั้ย ชายคนนั้นก็งง บอกว่า อ้าวยาย แล้วยายลงรถมาทำไม ยายบอกว่า ก็เมื่อกี้มีคนขาเจ็บ ยายจะลุกให้เค้านั่ง กลัวเค้าไม่กล้านั่งเพราะเห็นว่ายายแก่ แต่ยายไม่รีบไปไหน เลยบอกเค้าไปว่ายายจะลงแล้ว นั่งเถอะ ยายให้เค้านั่งแล้วลงมาดีกว่า ลูกศิษย์พระท่านนั้นบอกว่านี่และการให้ 2 ต่อ คือนอกจากให้ที่นั่งแล้วยังเป็นห่วงว่าคนขาเจ็บจะคิดยังไง ห่วงความรู้สึกเค้า
3. การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการให้อภัย
พี่ว่านะ กวินลองใคร่ครวญดูหลังจากที่ใจมีสมาธิแล้วนะ ว่าที่เราหวังดีนั้นเราได้ให้แบบไหนบ้าง ที่กวินบอกว่าชอบตัดสินคนห้ามไม่ได้เพราะสงสัยเป็นนิสัยติดมาจากชาติที่แล้ว หรือบางทีกวินบอกว่าเห็นเค้าผิดก็เตือน อริยเจ้าก็ทำกัน บางทีใช้ไม้ตีแรงๆให้ตื่น
พี่ว่าอริยเจ้าท่านมีบารมีไง แต่กวินต้องสร้างบารมีเพิ่มนะ ตอนนี้บารมีไม่แก่กล้า ไม่มีใครเค้าอยากฟัง เราเริ่มได้จากมีเมตตาและมีศิลปะในการพูด/เขียน ลองให้แบบที่เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ว่าถ้าเค้าอ่านที่เราเขียนเค้าจะรู้สึกยังไง แล้วก็ลองให้อภัยทั้งคนอื่นและตัวเอง
พี่ไม่รู้ว่าพี่เข้าใจกวินถูกรึเปล่านะ แต่ว่าพี่ว่า มาร ของกวินตอนนี้คือ มานะ (อ.กมลวัลย์เคยเขียนไว้เป็นตารางอ่านง่ายดี) พี่ว่ามันยากมากๆพี่เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน คือหงุดหงิดเวลาเห็นคนอื่นไม่คิดเหมือนเรา เพราะเราคิดว่าเราถูกเราเข้าใจตามพระพุทธเจ้าสอน ตรงนี้หน่ะน่ากลัวมากๆนะ กวินต้องก้าวให้พ้นจุดนี้ ไม่งั้นที่ศึกษามานะไม่มีประโยชน์หรอก
ถ้าศึกษาถูก จิตใจเราควรจะอ่อนโยนและเบาขึ้น ถ้ายิ่งรู้ยิ่งหนักเนี่ยะ แปลว่ารู้ด้วยสัญญา เอาสัญญามาใช้ แต่ไม่ทันตัวเอง มันคุมกวินไปแล้ว กวินเป็นทาสมันไปแล้ว
ด้วยความหวังดี และมีความหวังในตัวกวิน
ไม่มีความเห็น