เมื่อมี พระเสื้อเมือง แล้วมี พระกางเกงเมือง ด้วยหรือไม่? @ 218470
สำหรับสิ่งที่ เทพรักษ์ (เจว็ด) ถืออยู่นั้น ก็จะเห็นได้ว่า มีทั้งถือคันไถ บ้างก็ถือ พระขรรค์และแส้ บ้างก็ถือ พระขรรค์และสมุด/หนังสือ บ้างก็ถือ พระขรรค์และถุงเงิน แต่การตีความทางประติมานวิทยา ที่ว่า
"ในหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายถือถุงเงิน เชื่อว่าท่านจะคอยประทานเงินให้แก่ผู้เป็นเจ้าของที่ เดิมหัตถ์ซ้ายของเทวดาจะถือสมุด (หนังสือ) ซึ่งคนในสมัยก่อนน่าจะตระหนักว่าความรู้สำคัญกว่าเงินทองเพราะหนังสือก่อให้เกิดความรู้สติปัญญา เพื่อใช้เลี้ยงชีพต่อไปภายภาคหน้า" (12)
นั้นคือทรรศนะเก่า สำหรับทรรศนะใหม่ตาม สมมติฐานของผู้เขียนนั้นมีอยู่ว่า "หาก เจว็ด ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ดังนั้นสิ่งที่ เจว็ดถือก็จะต้องแฝงนัยยะทางการเมือง" สมมติฐานนี้สอดคล้องกับ ทรรศนะของ จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา ซึ่งปรากฎอยู่ในหนังสือ อำนาจอยู่หนใด ชีวประวัติเหมือนนวนิยายของนักปกครอง 7 ท่าน หน้า 161 ความว่า
"มาถึงบัดนี้ท่านผู้อ่านคงจะแยกแยะความแตกต่างระหว่าง อำนาจและบารมีได้ เป็นเวลาร่วม 2000 ปีแล้วที่สัญลักษณ์ แส้ และถุงเงิน ของโรมัน หมายถึงอำนาจอยู่ตลอดมา ในทุกวันนี้อาจแปลงโฉมเป็น ปืนและเงิน พูดให้นิ่มนวลหน่อยก็คือ พระเดช พระคุณ หรือ ให้โทษได้ ให้คุณได้ นั่นเอง สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพ้นจากภาวะ เจว็ด ก็เพราะจับจุดทั้งสองนี้ได้ การตั้งกองทหารมหาดเล็ก โดยใช้ปืนแบบยุโรปกับการเข้าคุมการคลังแผ่นดิน โดยให้มีงบประมาณแผ่นดิน นี่คือ แส้และถุงเงิน ทรงทำได้สำเร็จและมีอำนาจ" (13)
จะเห็นได้ว่า เทพารักษ์ (เจว็ด) พัฒนามาจาก ผีเสื้อเมือง (ผีบรรพบุรุษ) และถูกทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของ ระบอบราชาสิทธิราชไปในที่สุด สิ่งที่ เทพารักษ์ (เจว็ด) ถือ ก็คือ พระเดช และพระคุณ แห่ง ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช นั่นเอง
ไม่มีความเห็น