อนุทิน 21131


จุฑามาศ
เขียนเมื่อ

อ่านอนุทินของคนอื่นจนเพลินเลย ขอขอบคุณนะคะ ที่มีผู้ติดตามเข้ามาอ่านอนุทิน ดีใจค่ะ ปกติเป็นคนธรรมดา ไม่ค่อยมีใครสนใจนัก ชีวิตปกติ แต่เป็นคนชอบเขียนบันทึก ทั้งที่เป็นความคิดของตัวเอง ที่มีกับคนรอบข้างเรา และ ที่ตัวเราเองมีต่อผู้อื่น ประสบการณ์ต่างๆ สอนเรา การที่เราได้อ่านหนังสือดีๆ ข้อคิดดีๆ สักเล่ม หรือจากแหล่งความรู้ใดใดก็ตาม ถ้าเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเลย เราอาจไม่เข้าใจเรื่องนั้นๆ ได้ดีพอ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าเราเข้าใจ ก็ได้รับการเรียนรู้ตรงนี้ว่า การที่ว่าเรารู้นั้น เมื่อเรามีความคิดเช่นนี้ ขณะนั้น เราเริ่มไม่รู้แล้ว เมื่อก่อนเราไม่เชื่อในความคิดนี้ แถมโมโห คนที่บอกกับเราเช่นนั้นอีกด้วย ตราบใดที่เรายังไม่เข้าถึงความรู้ที่แท้จริง ก็ไม่รู้ เพราะต้องแยกว่า คำว่า  " รู้ "  ในที่นี้ คือ เข้าถึงสิ่งนั้นๆ ในความเป็นจริงของธรรมชาติ ที่แฝงอยู่ โดยเป็นปัญญา มิใช่ แฝงกับ อารมณ์ การเอาชนะ ขอยกตัวอย่าง ที่ผ่านมา ปัจจุบันดิฉันทำงานบริษัทเอกชน และบริษัทฯได้ส่งให้ไปอบรมทุกท่าน ครั้งแรก ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก เพราะให้เหตุผลว่าไปปรับพฤติกรรม (คำพูดมีส่วนให้คิดคนละทางได้) ไม่เห็นด้วยว่าจะเปลี่ยนได้อย่างไร ภายใน 3 วันที่อบรม เมื่อไปอบรมวันแรก รู้สึกขัดแย้งมาก ไม่อยากร่วมมือ เพราะเป็นเหมือนให้เล่นเกม กดดัน ความรู้สึกมาก แต่ในการอบรม พูดว่า เราไม่รู้ว่า เราไม่รู้อะไร ฟังแล้ว งงจังเลย (เพราะอะไร เพราะว่าเราคิดว่าเรารู้แล้วไง เรื่องง่ายๆ ทำไมไม่รู้) เค้าบอกว่า หลังอบรมเราจะได้เมล็ดพันธุ์พืชออกไป ให้คนที่เรารัก ในวันแรกนั้น เค้าให้เราทำความรู้จักกับผู้อื่น จับมือ มองตากัน แสดงความรู้สึก เราทำได้ แต่สิ่งที่เราได้รับมาคือ ความรู้สึกจากคนที่เราไม่รู้จักเขาเลย แต่มีไมตรีจิตให้เรา ไม่มีกำแพงขวางกั้นความรู้สึกนั้นเลย เพราะเหตุใด ดิฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาแสดงออกมาให้เรา ไม่มีผลดีหรือเสีย ที่เค้าได้รับ เสมือนหนึ่งคือกระจกเงาที่มองมายังเรา แล้วตอบเราว่า คุณเป็นคนใจเย็น อบอุ่น ไม่ใช่เข้าข้างตัวเองนะ แต่เราได้รับคำพูดนี้จากผู้ร่วมฝึกอบรมด้วยกัน และเห็นจากแววตาของเขา ที่มองจ้องเรา แต่ไม่อาจสู้ตาเรา เค้าหลบสายตา แต่พอเรารู้สึกว่า เราอยากให้กำลังใจกับเขา ก็บอกเขาว่า คุณเป็นคนมีความมั่นใจนะ (เราพูดให้กำลังใจโดยบอกตรงข้ามกับบุคคลิกเขา) สิ่งที่เราเห็นต่อหน้าคือ เขากล้าสบตาเราเช่นกันแต่มีสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากแววตา และสีหน้า รอยยิ้ม เหมือนใจเขาเปิดรับเราด้วยไมตรีจิต ขณะที่ทำตามครูฝึกสั่ง โดยมือเราจับกันไว้นะ ตาก็มองกันไม่ให้หลบ แล้วแสดงความรู้สึกต่อกัน เราได้รับความรู้คือ กำลังใจของคนเรามันสามารถเปลี่ยนคนได้นะ รู้สึกดีใจจริงๆ นี่คงเป็นความรู้ที่บอกไว้แต่ตอนแรกว่า ถึงคำว่า " รู้ " ตัวนี้ นี่แหละ  และในการอบรมนี้ ตัวรู้นี้ มีมาอีกมากมายเลย แต่ต้องข้ามเส้นของการเป็นคนยึดมั่นถือมั่น ในตัวเอง เจตนารมณ์ ของการฝึกคือให้มีมิตรภาพ เพื่อก่อให้เกิดสันติภาพในโลกนี้ เริ่มจากครอบครัวของคุณเอง ยอมรับว่าสำหรับในครอบครัวกับยากกว่า เพราะเรามี สิ่งต้อง เป็นประสบการณ์ต่อกันค่อนข้างมากกว่า ซับซ้อนมากกว่า ถ้าทำได้ก็ดีมาก  อยากจะบอกกับทุกท่านที่ ได้อ่านนะคะ ว่า การที่เราเป็นผู้ให้มันช่างสุขใจจริงๆ กว่าเป็นผู้รับ เพราะเมื่อเป็นผู้รับนั้น คือเรามีความหวังไง ความหวังมันมี 2 ทาง ที่ได้รับ สมหวัง กับ ผิดหวัง แต่การให้นั้น สมหวังแต่เพียงอย่างเดียวค่ะ เพราะเราสามารถทำได้ตลอดเวลาจากตัวเรา แค่ให้ โดยไม่ต้องหวังสิ่งใดตอบแทน เพราะเรารู้ว่า ผู้รับรู้สึกอย่างไร เขาขาดเราให้ เขาไม่มีเราก็ให้ อยู่ที่ตัวเรามีความพร้อมแค่ไหน ตัวเรารู้ดี คนอื่นตอบแทนเราไม่ได้ คนที่รักเราก็ตอบแทนเราไม่ได้ ต้องเราเท่านั้นที่รู้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของดิฉัน เกิดจากประสบการณ์ที่ทุกท่านแสดงต่อดิฉัน ทั้งสิ้น ทั้งที่ดี และ ไม่ดี ขอขอบขอบคุณทุกท่านที่ให้ประสบการณ์ที่มีค่า กับดิฉัน การให้กำลังใจกับตัวเองได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะไม่ต้องรอค่ะ คุยกับตัวเอง แล้วคุณจะได้ยินคำตอบ

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท