ทฤษฎีความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูป (Transformational Leadership Theory) เสนอโดย เจมส์ เบิร์นส์ (James Burns) มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาผู้ตามให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจในระดับสูง ซึ่งแตกต่างจากการเป็นผู้นำเชิงเป้าหมาย (Transactional Leadership) ที่มักจะมุ่งเน้นที่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในรูปแบบของรางวัลและการควบคุม
หลักการสำคัญของทฤษฎี 1. การสร้างแรงจูงใจ ผู้นำเชิงปฏิรูปจะต้องมีความสามารถในการกระตุ้นผู้ตามให้มีความมุ่งมั่นและทำงานได้มากกว่าที่คาดหวัง โดยการสื่อสารวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ตามเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมในเป้าหมายขององค์กร 2. การพัฒนาผู้ตาม เบิร์นส์เชื่อว่าผู้นำที่ดีจะต้องช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ตาม ไม่เพียงแต่เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ แต่ยังเพื่อให้ผู้ตามเติบโตในด้านส่วนบุคคลและวิชาชีพ 3. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและผู้ตาม ทฤษฎีนี้เน้นความสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำและผู้ตาม โดยผู้นำจะต้องเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้ตาม เพื่อสร้างความไว้วางใจและความผูกพัน
ผลกระทบต่อองค์กร การนำทฤษฎีความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูปไปใช้ในองค์กรสามารถส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดยช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด