การแพร่ระบาดของโควิด 19 นำความยุ่งยากมาให้แก่การจลาจลในชายแดนภาคใต้ ตอนที่ 2
Aisoh Ngo-tali ที่เป็นคนขายไก่ในตลาดเปิดในเกาะโพธิ์ ที่เป็นอำเภอของยะลา กล่าวว่า “หมู่บ้านฉันถูกปิด เพราะว่ามีคนติดเชื้อและอยู่ในการกักตัว ทำให้พวกเราหาเงินไม่ได้ ฉันร้องเรียนไปที่รัฐบาลเพื่อขอทุนช่วยเหลือ แต่ฉันไม่ได้ข่าวคราวอะไร” แม่อายุ 32 ปีบอกกับ BenarNews ว่า “ฉันให้นมกับลูกของฉัน ฉันร่ำไห้เมื่อฉันได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ”
จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัดที่ยากจนข้นแค้นที่สุด ซึ่งมีรายได้ครอบครัวโดยเฉลี่ยประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน ลองเปรียบเทียบ 45,000 ในกรุงเทพฯดู
เศรษฐกิจของชายแดนโดยมากขึ้นอยู่กับการส่งออกยาง, น้ำมันปาล์ม, และการประมง แต่ทั้งหมดซบเซาในช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส ชุมชนบอกกับ BenarNews
Supat Hasuwamnakit ที่เป็นแพทย์ที่สงขลา กล่าวว่า “ส่วนที่ยากที่สุดในการจัดการกับโควิดคือการทำให้การระบาดของไวรัสสมดุลกับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ยิ่งคุมเข้มมากขึ้นเท่าใด ก็จะส่งผลต่อการน้อยลงของเศรษฐกิจ” เขากล่าวต่อว่า “ชาวประมงจับปลาได้ แต่ไม่มีใครซื้อ”
การเชื่อมไปต่อเหตุการณ์ชาวมุสลิมในวงกว้าง
Supat จัดการโรงพยาบาลจะนะ ที่จังหวัดสงขลา เขาเป็นคนรักษาผู้ป่วย 6 คน ที่ล้มป่วยลงเพราะไปเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย ที่จัดขึ้นโดย Tablighi Jamaat ซึ่งเป็นกลุ่มมิชชันนารีอินเดีย
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “อย่างน้อยมีมุสลิมไทย 13 คนที่ได้เข้าร่วมในเดือนกุมภาพันธ์ และใกล้เคียงกับ 60 คนที่เดินทางไปใน Sulawesi ประเทศอินโดนีเซียที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมเดียวกันในเดือนมีนาคม ทั้งหมดป่วยด้วยโคโรนาไวรัส”
ชาวนราธิวาส Maseng Awae-gueji อายุ 49 ปี เป็นคนแรกที่ติดโควิด 19 ที่ได้เข้าร่วมการชุมนุม Tablighi ที่มัสยิดกัวลาลัมเปอร์ในปลายกุมภาพันธ์ เขาตายวันที่ 27 มีนาคม
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “มีชายอีกคนจากสงขลาก็ตายด้วยโคโรนาไวรัส หลังจากที่ติดเชื้อจากลูกชาย ที่เข้าร่วมการชุมนุมที่เมือง Malaysian”
แต่ถึงยังไง Supat กล่าวว่า โรงพยาบาลในภาคใต้สามารถจัดการกับการระบาดได้ เพราะว่าจำนวนผู้ป่วยตอนนี้ลดลงมากแล้ว
แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก
Mariyam Ahmad and Nontarat Phaicharoen. Covid-19 Pandemic Adds Hardship to Insurgency-hit Thai Deep South.