โคโรนาไวรัสทำให้การหันกลับมาสู่การปกครองแบบทหารเกิดขึ้นในเอเชีย ตอนที่ 3
ในฟิลิปปินส์ การปิดเมืองมะนิลาและบางส่วนของลูซอนต้องใช้กองกำลังทางทหารและตำรวจมาปฏิบัติ หัวหน้ากองทัพของฟิลิปปินส์ พลโท Gilbert I. Gapay โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ “เพราะประเทศกำลังต่อสู้กับโควิด 19 จึงจำเป็นที่ทำให้กลไกของรัฐบาลอ่อนแอลง กองทัพของฟิลิปปินส์จึงมารับทำหน้าที่นี้แทนภายใต้บทบาทของนายกฯ”
ทั้งหมดดูเหมือนจะดูดี แต่จากรายงานจากพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ที่กองกำลังของฟิลิปปินส์ที่กำลังจัดการบทบาทของพวกกบฏกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาที่กระตือรือร้นเกิดเหตุได้เปิดป้อมยามที่กวดทุกอย่างที่ขวางหน้า ซึ่งเกิดให้เกิดความตึงเครียดขึ้น
มีบางข้อคิดเห็นพูดว่าจากสถานการณ์ฟิลิปปินส์กำลังอยู่ในกฎอัยการศึกโดยพฤตินัย แต่สำนักงานของประธานาธิบดีพูดหลายครั้งการกักตัวอยู่บ้านไม่ใช่กฎอัยการศึก และไม่นำไปสู่อัยการศึกอีกต่างหาก แต่ประชาชนหลายคนก็ไม่สบายใจที่ประธานาธิบดีกล่าวต่อมาว่า “หากพบใครก่อปัญหา” กับทหารและตำรวจ ก็ให้ยิงผู้คนที่ฝ่าฝืนคำสั่งการกักตัวอยู่ที่บ้านได้เลย
ประเทศไทยก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะถูกปกครองโดยระบอบทหารหลังจากการปฏิวัติเมื่อปี 2014 การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วยังคงรักษาบางส่วนของระบบรัฐสภา แต่อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติ คือพลเอกประยุทธ์ จันทโอชายังคงเป็นนายกฯ การเข้ามาจัดการโควิด 19 ของเขาถูกวิจารณ์ว่าเบาเกินไป และช้าเกินไป
แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก
Michael Vatikiotis. Coronavirus is paving the way for return to military rule in Asia.
ไม่มีความเห็น