เขียน … ที่บ้าน
“…
“การเรียนรู้นำการศึกษา”
โรงเรียนอาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้
ด้วยหลักดังกล่าว เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนสามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เท่าที่สภาพแวดล้อมจะอำนวย โดยที่การตัดสินใจทั้งหมดนับจากนี้ จะตั้งอยู่บนพื้นฐานทั้งหมด 6 ข้อได้แก่
๑. จัดการเรียนการสอน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของทุกคนที่เกี่ยวข้อง (การเปิดเทอมอาจหมายถึง การเรียนที่โรงเรียนหรือการเรียนที่บ้าน ทั้งนี้การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับผลการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด)
๒. อำนวยการให้นักเรียนทุกคน สามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้ แม้จะไม่สามารถไปโรงเรียนได้
๓. ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การเสนอขอช่องดิจิทัล TV จาก กสทช. ทั้งหมด ๑๓ ช่องเพื่อให้นักเรียนทุกระดับชั้น สามารถเรียนผ่าน DLTV ได้ ทั้งนี้จะยังไม่มีการลงทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ใด ๆ เพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น
๔. ตัดสินใจนโยบายต่าง ๆ บนพื้นฐานของการสำรวจความต้องการทั้งจากนักเรียน ครู และโรงเรียน ไม่คิดเองเออเอง โดยให้การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นที่ตั้ง และกระทรวงจะสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
๕. ปรับปฏิทินการศึกษาของไทย ให้เอื้อต่อการ “เรียนเพื่อรู้” ของเด็กมากขึ้น
(รวมทั้งมีการปรับตารางเรียนตามความเหมาะสม โดยเวลาที่ชดเชยจะคำนึงถึงภาระของทุกคนและการได้รับความรู้ครบตามช่วงวัยของเด็ก)
๖. บุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน จะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และทำให้ท่านได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด
จาก รมต.ศธ.
https://www.thansettakij.com/content/429371
คำถาม คือ … คุณคิดว่า โรงเรียนไทยมีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบถ้วนทุกโรงเรียนอย่างนั้นเลยหรือ?
โรงเรียนของไทยยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่สูงมาก การจะเน้นให้เรียนแบบออนไลน์ดูเป็นเรื่องยากมาก ลำพังเพียงแค่ให้โรงเรียน หรือ บ้านของเด็กมีเครื่องรับโทรทัศน์และอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียม จะมีครบไหม หรือ มือถือ ซิม แท็บเล็ต ไฟฟ้า
ปัญหาการศึกษาไทยหลังโควิด ควรต้องมีอะไรใหม่ ๆ กว่าที่ควรจะเป็นหรือเปล่า
…”
๑๒ เมษายน ๒๕๖๓
ยามดึก
ประเด็นคือเรื่องความไม่เท่าเทียมระหว่างครอบครัว ตัวเด็ก สภาพแวดล้อม ฯลฯ ครับ เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ
ขอบคุณครับ อ.ต้น ;)…