โคโรนาไวรัสและประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนที่ 1
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่วิกฤตการณ์ทางสาธารสุขกำลังเพิ่มขึ้น และประเทศต่างๆกำลังเดินเข้าสู่การปิดเมืองในระดับที่แตกต่างกัน มันกำลังนำเสนอระบอบการปกครองที่เน้นอำนาจสูงสุดด้วยการเปิดโอกาสให้มีการกดทับความคิดเห็นทางการเมือง, นำเสนอการเชื่อฟังอย่างเข้มข้น, และทำให้กฎเกณฑ์ชัดเจนขึ้น หากมาตรการไม่มีบังคับใช้แล้ว สภาพการณ์ของโควิท 19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะนำประชาธิปไตยไปสู่ความล่มสลายในที่สุด
วิกฤตการณ์โคโรนาไวรัส ประเทศจีนเป็นผู้แรกเริ่มในปลายปี 2019 ซึ่งในตอนนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว ยกตัวอย่างเมื่อวานนี้ คนติดเชื้อโคโรนาไวรัสมีถึง 786,000 ทั่วโลก ที่มีคนตายถึง 37,000 และมีคน 116,000 ปลอดจากการติดเชื้อ พลเมืองกลัวการปิดเมืองทุกเมือง ดังเช่นในอิตาลี และกำลังมาถึงเอเชีย โดยดูที่อินเดีย ในขณะที่ความสนใจจะอยู่ที่การสูญเสียงานและเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่เป็นสิ่งสำคัญคือประชาธิปไตยกำลังอยู่ในสภาวะเสี่ยงที่ล้มลงไป
ตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบการเผชิญอย่างก้าวกระโดดของการติดเชื้อโควิท 19 และการตาย เพือที่จะการทำให้เส้นโคโรนาเบาบางลง รัฐบาลต่างๆจำเป็นต้องมีการห้ามในการเดินทาง, ปิดพรมแดน, ห้ามหรือจำกัดการอยู่ร่วมกัน, ให้คนอยู่ห่างๆ, ห้ามการเคลื่อนไหวของคน, และปิดเมืองในที่สุด นั่นคือห้ามการเคลื่อนไหวของคนและองค์กรต่างๆ
ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำกันโดยทั่วไป แต่ความกังวลก็คือรัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะการแพร่เชื้อนี้ไปเป็นผลประโยชน์ทางการเมือง มาตรการที่ใช้มีความอ่อนไหวทางการเมือง ที่ส่งผลเวลาในการเลือกตั้งและช่วงเปลี่ยนผ่านหลังเลือกตั้ง ทำให้ผู้มีอำนาจสูงสุดขยายการปกครองหรือการกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ต่างออกไป
ผู้วิจารณ์เรื่องการใช้อำนาจสูงสุดกับวิกฤตสาธารณสุขต้องพบกับการโต้ตอบแบบรุนแรงและเผลอๆกลายเป็นข่าวปลดเสียด้วยซ้ำ ในสถานการณ์อื่นๆ อำนาจสูงสุดจะวางตนเองว่าเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการกับวิกฤต และปิดเมืองเพื่อให้ดูดีในสายตาสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้โดยการไม่ให้แสดงออกทางการเมือง และส่งผลต่อประชาธิปไตย
แปลและเรียบเรียงโดย
James Gomez และ Robin Ramcharan. Coronavirus and democracy in Southeast Asia
ไม่มีความเห็น