การหนุนของ 5 ครอบครัวหลัก และเป็นอันตรายต่อประยุทธ์ ตอนที่ 4
การร่วมมือกันของบริษัททั้ง 5 คือการขายปลีก ทั้งในกรุงเทฯและชนบท โดยเฉลี่ยแล้วผู้บริโภคชาวไทยทำงานหนักมาก โดยมีหนี้ครัวเรือน 79% ของ GDP และกำลังขึ้น เป็นอันดับสองในเอเชีย
หากพูดกันแบบกว้างๆ นักวิจารณ์กล่าวว่า การเข้ามากุมอำนาจทางเศรษฐกิจของ 5 บริษัท คือความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจที่ยากจะรักษา ดังที่มีหลายตัวชี้วัดชี้ ในขณะที่บริษัททั้ง 5 กลับเจริญเติบโตในช่วงที่ประยุทธ์ครองอำนาจอยู่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นฝ่ายค้าน บอกกับเอเชีย ไทมส์ ในการสัมภาษณ์เดือน พฤศจิกายนว่า ภาคธุรกิจของไมยจำนวนมากเป็นทุนนิยมผูกขาด และเป็นผู้ขายน้อยราย (เพราะมีทุกอย่างให้เลือกสรร) ที่เปิดโอกาสให้ครอบครัวจำนวนน้อยแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะสร้างความร่ำรวยจำนวนมาก
เขากล่าวว่า ครอบครัวทั้ง 5 และกลุ่มทุนนิยมไทยอื่นๆ สะสมความมั่งคั่งด้วยวิธีการแบบโบราณ (regressive means) โดยการร่วมกับผู้ถือครองทางอำนาจ เพื่อที่จะสร้างกฎหมาย และระเบียบอื่นๆที่ทำให้การแข่งขันลดลง และนำไปสู่การถือทุกปัจจัยแบบทุนผูกขาด (เช่นทำฟาร์มไก่ แต่ก็ขายอาหาร รวมทั้งแช่ไก่ไปส่งต่างประเทศด้วย) เพื่อครอบครองห่วงโซ่อุปทาน
ธนาธร ซึ่งตนเองเป็นเจ้าของบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ กล่าวว่า บริษัททั้ง 5 แห่งควรจะมีนวัตกรรม และใช้ผลผลิตทางนวัตกรรมไปแข่งขันในโลก บริษัทใหญ่ไม่ควรจะขโมยงาน และธุรกิจจากผู้ประกอบการชั้น 2 และ 3
พรรคอนาคตใหม่ของเขา ที่นโยบายหลักคือการทุบทำลายทุนนิยมผูกขาด มีการประกาศว่าเขาจะสนับสนุนร่างพ.รบ.ในสภา เพื่อการสนับสนุนการแข่งขันในตลาดแอลกอฮอล์ที่ใช้ในชุมชน ซึ่งเป็นการท้าทายกับไทยเบฟ และบุญรอด ที่เป็นยักษ์ใหญ่สองค่ายในตลาดแอลกอฮอล์นี้
ในวันที่ 11 ธันวาคม มีการเย้ยหยันเรื่องหนึ่ง นั่นคือ กกต. ต้องการยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะทำผิดเรื่องทางการเงินในการหาเสียง และคาดโทษคนที่บริจาค ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเรื่องนี้หลังจากรับเรื่องจากกกต. แล้ว
มีบางคนเสนอว่าการต่อต้านพรรคอนาคตใหม่ อาจส่งผลต่อบริษัทต่างๆ รวมทั้งตระกูล ที่สนับสนุนเขาอยู่ ในนามของการกระจายความมั่งคั่ง (wealth redistribution)
แปลและเก็บความจาก
Shawn W. Crispin. Thailand’s five families’ prop and imperil Prayut
ไม่มีความเห็น