ทฤษฎีการรับรู้ภาษาที่สองของ Stephen Krashen ตอนที่ 4
สมมติฐานการสังเกตการณ์นี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้และการเรียนรู้ และเน้นว่าการเรียนรู้ส่งผลต่อการรับรู้ หน้าที่ของการสังเกตการณ์คือผลเชิงปฏิบัติของการไวยากรณ์ที่ได้เรียนในชั้นเรียน ตามหลักการของ Krashen ระบบรับรู้คือผู้เริ่มต้นประโยค แต่ในขณะที่ระบบการเรียนรุ้คือบทบาทของผู้สังเกตการณ์แลบรรณาธิการ การสังเกตการณ์ประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนคือ การวางแผน (planning), การแก้ไข (editing), การทำให้ถูกต้อง (correcting) เมื่อมีสถานการณ์เฉพาะ 3 อย่างปรากฏขึ้น ได้แก่
ผู้เรียนภาษาที่สองมีเวลาเพียงพอในการสังเกตการณ์
พวกเขาเน้นไปที่รูปแบบโครงสร้าง หรือคิดเกี่ยวกับการทำให้ถูกต้อง
พวกเขารู้กฎมาเป็นอย่างดี
มันดูเหมือนว่าบทบาทของการเรียนรู้แบบเป็นทางการบางครั้งอาจกีดกันลักษณะเชิงสื่อสารในภาษาที่สองก็ได้ ตามหลักการ Krashen ถือว่ากระบวนการสังเกตการณ์ควรเป็นอันดับสอง และจะใช้ก็ต่อเมื่อปรับการพูดแบบธรรมชาติให้กลายเป็นการพูดแบบเป็นทางการเท่านั้น (polished appearance)
นอกจากนี้ เขายังเสนอว่ามีความแตกต่างระหว่างปัจเจกบุคคล (individual variation) ในหมู่ผู้เรียนภาษา ตอนมาถึงขั้นสังเกตการณ์ (monitor use) เขายังได้แยกระหว่างบุคคล 3 ประเภท ได้แก่ คนที่ใช้การสังเกตการณ์ตลอดเวลา (over-users, คนที่ไม่เคยเรียนหรือไม่ใช้ความรู้แบบที่เรียนอย่างเป็นทางการ (under-users), และคนที่การสังเกตการณ์ที่เหมาะสม (optimal-users) การประเมินประวัติชีวิตจะบอกคุณได้ว่าทั้งสามกลุ่มนี้คือพวกใด ปกติแล้วพวกคนเข้าหาสังคม (extrovert) จะเป็นพวก under-users ในขณะที่พวกที่มีโลกส่วนตัวสูงหรือไม่ชอบเข้าสังคม และพวกสมบูรณ์แบบ (introvert, perfectionist) จะเป็นพวก over-users พวกที่ขาดความมั่นใจในตนเอง โดยมากแล้วจะเป็นพวก over-users ด้วยเช่นกัน
แปลและเรียบเรียงจาก
Ricardo E. Schutz. Stephen Krashen’s Theory of Second Language Acquisition
ครูบ้านนอก. สมมติฐาน 5 ประการของ Stephen Krashen. ตอนที่ 1
ไม่มีความเห็น