วิกฤตการณ์เงินโลกในอนาคตมีแนวโน้มรุนแรงหรือไม่ ?
ถ้าถามว่าในอนาคตจะเกิดวิกฤตการ์เงินโลกที่รุนแรงกว่าเดิมไหม ? มันก็อาจจะเกิดได้นะ เพราะนักการเงินระดับแถวหน้าของโลกเกือบ 1000 ชีวิต คาดการณ์ถึงวิกฤตการณ์ทางการเงินรอบต่อไปที่กำลังจะถาโถมเข้าถล่มโลกของเราอีกระลอก เหนื่อยหนักแน่เพราะมันไม่ยอมสงบลงง่ายๆ ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และชาติกำลังพัฒนา ซึ่งก็รวมถึงไทยแลนด์ของเราด้วย เจ้าภาพงานเสวนาครั้งนี้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังระดับโลกนาม “อัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์” วิทยากรรับเชิญ “รัสเซลล์ นาเปียร์” และ “แอนดรูว์ แลปธอร์น” พร้อมใจกันฟันธงเปรี้ยงว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่แข็งแกร่งพอจะรับมือกับหนี้สินท่วมโลกที่กำลังเป็นวิกฤติใหญ่ หมายความว่าคนที่เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิ์ขาดทุนย่อยยับ เพราะตามทวงเงินจากลูกหนี้ไม่ได้ แถมลูกหนี้ยุคนี้ยังถือคติไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย เจอแบบนี้เข้าไปในที่สุดก็จะพังครืนไปทั้งระบบ
การเตรียมตัวเพื่อรับวิกฤตการณ์ต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
1. ลดหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยผูกพัน โดยเฉพาะหนี้ระยะสั้น เพราะในภาวะวิกฤติ หนี้ระยะสั้นอาจไม่สามารถหมุนทดรอบไปได้ จะทำให้ภาระดอกเบี้ยเบาลง และงบดุลแข็งแรงยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายและมีต้นทุนเงินกู้ที่ถูกลงในภาวะวิกฤติ
2. วางแผนกำลังคนอย่างยืดหยุ่น ซึ่งทำได้โดยการเปิดรับให้มีพนักงานประเภทเหมาช่วง (Sub-contract) เป็นอัตราส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับพนักงานประจำ หากเกิดภาวะที่ความต้องการสินค้าจากลูกค้าน้อยลง พนักงานประเภทเหมาช่วงจะทำให้ภาระในการลดต้นทุนค่าแรงงานเบาขึ้น และสามารถทำให้บริษัทตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที
3. กระจายข้อมูลความต้องการสินค้าและบริการให้รวดเร็วในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การผลิตหรือการบริการนั้นมีผู้รับช่วงอยู่ข้างบนและข้างล่างเราเสมอในห่วงโซ่อุปทาน ข้อมูลความต้องการสินค้าและบริการมาจากธุรกิจที่อยุ่ปลายห่วงโซ่อุปทานสู่ต้นน้ำ และสินค้าไหลจากธุรกิจต้นน้ำสู่ธุรกิจปลายน้ำ ภาวะเลวร้ายซึ่งความต้องการใช้สินค้าของผู้บริโภคลดลง
ไม่มีความเห็น