เหตุเกิดแห่งความรักตามหลักพระพุทธศาสนา
ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลถามว่า เพราะเหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าก็เฉย ๆ หัวใจก็หมางเมิน แต่บางคนพอเห็นกันเท่านั้นก็เกิดความรัก ” ( คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ พอได้เห็นกันแค่เพียงครั้งแรกเท่านั้นก็เกิดความรักความผูกพันปานประหนึ่งว่ารักกันมานานแสนนาน เหมือนกับคนเอาน้ำหอมตั้งพันหม้อมารดราดที่หัวใจ ส่วนคนบางคน พอได้เห็นกันครั้งแรกก็เหมือนจุดไฟเป็นพันกองไว้ในหัวใจ เกิดความรู้สึกไม่พอใจกันอย่างไม่มีเหตุผล หรือเกลียดกัน )
ลำดับนั้น พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งความรักแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า “ ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปฺปลํว ยโถทเกติ ฯ ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อนประการ ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบันประการ ๑ เหมือนดอกอุบล เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดได้ เพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น” ( คือ ธรรมดาความรักนี้ ย่อมเกิดด้วยเหตุ ๒ ประการ คือได้เคยเกิดเป็นมารดา บิดา ธิดา บุตร พี่ น้อง สามี ภรรยา หรือมิตรสหายกันมาในภพก่อน เคยอยู่ร่วมกันมาในภพก่อน ความรักนั้นยังคงติดตามไปแม้ในภพอื่น เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อนอย่างหนึ่ง อีกเหตุผลหนึ่ง ความรักนั้นย่อมเกิดเพราะความเกื้อกูลกันในปัจจุบันอันได้ทำในอัตภาพนี้ ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุผล ๒ ประการนี้ เปรียบเหมือนดอกบัวที่เกิดในน้ำก็เกิดได้เพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือน้ำและเปือกตม ฉันใด ความรักก็ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการ ฉันนั้น อนึ่ง หากว่าใครต้องการเป็นสามีภรรยาอยากอีกในชาติต่อไป จะต้องมีเหตุร่วมกัน ๔ อย่าง คือ ๑. สัทธาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) ๒. สีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล) ๓. จาคสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ) ๔. ปัญญาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)