ประวัติศาสตร์เกย์ที่เป็นความลับในศาสนาอิสลาม ตอนที่ 3
2. สวรรค์มีทั้งชายและหญิงที่ไม่เคยเสียตัวให้ใคร
ไม่มีที่ไหนในคัมภีร์อัลกุรอานที่บอกว่าหญิงบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะอยู่ได้ คำว่า hur หรือ houris เป็นเพศหญิง พวกเขายังมีชายบริสุทธิ์อยู่คู่กันด้วย เราเรียกพวกนี้ว่า ghilman ซึ่งหมายถึงชายหนุ่มที่อ่อนวัยและไม่ตาย ที่ทำหน้าที่เป็นคอยและรับใช้ในสวรรค์
‘วัยรุ่นชายหนุ่มที่เป็นอมตะจะอยู่รอบๆพวกเขา เฝ้าคอยพวกเขา’ สิ่งนี้ปรากฏในอัลกุรอาน ‘เมื่อเธอเห็นพวกเขา เธอจะคิดถึงไข่มุกที่กระจายตัวออกมาเลยทีเดียว’
Zahed กล่าวว่าเธอควรจะดูไปที่วัฒนธรรมมุสลิมโบราณด้วยสายตาเดียวกับที่เห็นกรีกโบราณ ‘อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่รักต่างเพศที่เป็นแบบฉบับเสียทีเดียวหากมองในครั้งแรก แต่เป็นความหลากหลายทางเพศมากกว่า’
3. เมืองโซดอม และเมืองโกมาราห์ย่อมไม่ใช่ข้อแก้ตัวในเรื่องรักร่วมเพศในอิสลาม
เช่นเดียวกับคัมภีร์ไบเบิล อัลกุรอานอธิบายถึงการที่อัลลาห์ทำโทษคนที่อยู่ในเมืองโซดอม เทวดาสององค์มาถึงในเมืองโซดอม พวกเขาพบคนชั่วช้าที่ยืนยันว่าเทวดาทั้งสองต้องพักหนึ่งคืนในบ้าน ชายคนอื่นๆเรียนรู้เรื่องคนแปลกหน้า และยืนยันที่จะข่มขืนพวกเขา
ในขณะที่คนจำนวนมากอ้างข้อนี้กับการเกลียดเกย์ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ตรงตามบริบท อัลลาห์ทรงทำร้ายการข่มขืน, ความรุนแรง, และการขาดซึ่งความมีน้ำใจต่างหาก
นักประวัติศาสตร์บ่อยครั้งที่จะเชื่อถือในสิ่งที่เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และบทกวีจากวัฒนธรรมมุสลิมโบราณเฉลิมฉลองกับการความรักที่มีต่อกันและกันระหว่างชายสองคน มีรายงานเชิงข้อเท็จจริงต่างๆมากมายที่การข่มขืนชายวัยรุ่นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
แปลและเรียบเรียงจาก
Joe Morgan. The secret gay history of Islam.
ไม่มีความเห็น