มีเพียงศาสนาเพียงอย่างเดียวที่เป็นเหตุผลในการขับไล่โรฮิงญาจากพม่าอย่างนั้นหรือ? ตอนที่ 3
การยึดที่ดิน (ต่อ)
ในปี 2011 พม่าได้บรรจุการปฏิรูปทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ หรือที่เรียกกันว่า “ชายแดนอันสุดท้ายของเอเชีย (Asia’s final frontier)” โครงการนี้ได้เปิดการลงทุนจากต่างชาติด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 2012 การโจมตีที่โหดเหี้ยมไปที่ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ และรวมทั้งกะเหรี่ยงมุสลิมด้วย ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลพม่าได้ออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดการ และการกระจายที่ดินเพื่อการเพาะปลูก
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้รับการวิพากาษ์อย่างหนัก ในแง่ที่เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทที่มีขนาดใหญ่ได้รับผลกำไรจากการยึดที่ดิน เช่น บริษัทธุรกิจการเกษตร เช่น POSCO Daewoo ได้เข้าที่ตลาด โดยการเซ็นสัญญากับรัฐบาล
รางวัลของแคว้น
พม่าตั้งอยู่ท่ามกลางประเทศหลายประเทศ ที่มีการจับจ้องมองทรัพยากรธรรมชาติของพม่าตลอดมา เช่น จีน และอินเดีย ตั้งแต่ทศวรรษ 1990 บริษัทจีนหลายบริษัทได้เข้าเผาผลาญป่าไม้, แม่น้ำ, และเหมืองแร่ในรัฐฉานที่อยู่ทางเหนือ
สิ่งนี้นำไปสู่ความขัดแย้งโดยการใช้อาวุธระหว่างระบอบทหาร และชนกลุ่มน้อยที่มีอาวุธ เช่น องค์กรอิสรภาพคะฉิ่น (Kachin Independence Organization) และกลุ่มพันธมิตรทางชาติพันธุ์ในรัฐคะฉิ่นตะวันตก และรัฐคะฉิ่นทางเหนือ
ในรัฐยะไข่ มีการลงทุนร่วมกันระหว่างจีนและอินเดีย ผลประโยชน์นี้คือการพัฒนาร่วมกันระหว่างโครงสร้างพื้นฐาน และท่อส่งน้ำมัน โครงการพัฒนานี้ย่อมหมายถึงการจ้างงาน, ค่าธรรมเนียมการขนส่ง และรายได้จากภาษีอากรของน้ำมันและแก๊สทั่วพม่า
แปลและเรียบเรียงจาก
Giuseppe Forino, Jason Von Meding, and Thomas Johnson. Is Religion the Only Reason Rohingya Are Being Forced out of Myanmar?
ไม่มีความเห็น