คงเป็นเรื่องจริงที่ใคร ๆเขาบอกว่า เมื่อายุเพิ่มมากขึ้นความคิดจะเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้ว ผมเอื่อยเฉื่อยกับตัวเองมาตลอดสัปดาห์ แม้กระทั่งมีงานสอนในวันเสาร์ ก็ขี้เกียจอย่างมากที่จะไปสอน พอดีพายะฝนเช้ามืดวันเสาร์ทำให้ความขี้เกียจสำเร็จผล กล่าวคือ นิสิตโทรมาของด เนื่องจากไม่มีสักคนเดียวที่เดินทางได้ถึงมหาวิทยาลัย เพราะน้ำท่วมถนน55 สายทั่ว กทม.
ความขี้เกียจที่ดำเนินมา 1 สัปดาห์ กลับทำให้ผมรู้คุณค่าของเวลาทุกนาที ที่เรามักจะเสียไปกับการนอนอ้อยอิ่งบนเตียงนุ่มในห้องแอร์ที่แสนสุขสบาย มันทำให้ผมได้ใช้เวลาทบทวนอยู่กับตนเองว่าเราจะเดินไปข้างหน้าต่อไปอย่างไร อะไรคือเป้าหมายในชีวิต คุณค่าใดที่เราจะส่งมอบให้กับโลกใบนี้ ผมตื่นลืมตามาในวันนี้ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเปลี่ยนตัวเอง ผมเสพข่าวสารเลวร้ายมากเกินไปภายใต้ความเชื่อว่าเราคือคนทันโลกทันเหตุการณ์ ผมรู้มากรู้เยอะรู้ไปทุกเรื่องและยุ่งไปทุกเรื่องทั้งที่เรื่องบางเรื่องไม่ได้กระทบหรือเดือดร้อนอะไรแก่เรา กับข่าวร้าย ๆที่แพร่กระจายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสื่อที่มีมากมายหลายช่องเต็มไปหมด ผมเสพแล้วเอามาปรุงแต่ง เป็นความรัก ความเกลียดชัง ความปลื้มใจ ข่าวที่ใครบางคนขึ้นรถกระบะเพื่อรวบรวมต้นดาวเรือง ก็ถูกผมนำมาปรุงแต่งจนกลายเป็นอารมณ์บูดเน่าของตัวเองก่อนที่จะแพร่มันออกไปในห้วงจักรวาลผ่าน เฟซบุค และอากัปกิริยาที่มีต่อคนรอบข้างซึ่งเห็นต่าง
ด้วยกระบวนการใกล้ๆกันแบบนี้ทำให้ผมทะเลาะกับโลก ทะเลาะกับตัวเองมานานแสนนาน จนเป้นยี่ห้อแปะที่หน้าผากว่าเป้นตัวอันตราย แม้ว่าใจจริงจะไม่อยากเป็นตัวอันตรายของใครก็ตามที
ดีใจค่ะ ที่จะเลิกทะเลาะกับโลกใบนี้