ความจริงเบื้องหลังการก่อการจลาจลโรฮิงญาในพม่า ตอนที่ 3
ในขณะที่ความสามารถทางทหารของ ARSA จะมีขนาดเล็ก แต่สำหรับการโฆษณาของมันเป็นที่จับใจของคนหมู่มาก โดยการเขียนสเตตัสในทวิตเตอร์ และหน้าสื่อทางสังคมอื่นๆ แถมมีภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว และในภาษาอื่นๆ ทำให้กลุ่มผู้ก่อการจลาจลนี้ดูไม่รุนแรงและเต็มไปด้วยเหตุผล
ในการประกาศฉบับแรกในวันที่ 9 กันยายน ARSA ได้ประกาศว่าจะมีการหยุดยิงที่ตนเองเป็นผู้หยุดประมาณ 1 เดือน เพื่อให้กลุ่มผู้ช่วยเหลือเข้าถึงผู้อพยพชาวโรฮิงญา และหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่ทำลายมนุษยชาติ กลุ่มผู้ช่วยเหลือคาดคะเนว่ามีชาวโรฮิงญาจำนวน 400,000 คนหนีไปที่บังคลาเทศ ตั้งแต่การโจมตีของ ARSA ในวันที่ 25 สิงหาคม และการโต้กลับอันป่าเถื่อนของทหารพม่า
มันเป็นการแถลงการณ์ที่กล้าหาญสำหรับกลุ่มอาวุธขนาดเล็ก ที่ไม่มีวันจะเป็นกองทัพที่มีประสิทธิภาพได้เลย (organized army) กลุ่มที่เข้าโจมตีโดยมากจะถือแค่มีดขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ในเวลาเดียวกัน ARSA ก็ไม่ได้อธิบายว่าการที่โจมตีด้วยทหารเพียงหยิบมือหนึ่ง และขาดการจัดการแบบกองทัพนั้นจะปกป้องชาวโรฮิงญาได้อย่างไร?
หากรายงานจากพื้นที่ ที่ได้จาก Asia Times นั้นถูกต้อง ประชาชนพื้นที่ก็ไม่พอใจพวก ARSA นัก เพราะการกระทำของพวกนี้ทำให้ทหารพม่าหาเหตุในการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ได้สะดวกขึ้น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้รวมถึงชาวโรฮิงญา และกลุ่มน้อยอื่นๆด้วย
แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก
Bertil Lintner. The truth behind Myanmar’s Rohingya insurgency
ไม่มีความเห็น