วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐
คนเราบางครั้งการยึดติดระเบียบแบบแผน หรือหลักการที่ตนเองเชื่อมากเกินไป
จนลืมกฏของความเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง อาจจะทำให้จมอยู่กับความทุกข์ได้ พระ
จึงมักสอนให้เราปลง การปลงไม่เหมือนการปล่อยปละละเลย หรือไม่สนใจอะไร
แต่เรายังใช้ปัญญาในการพิจารณา เช่น จิตวิทยาในการสอนเด็ก การอบรม สั่งสอน
ดุ ด่า ว่ากล่าว ตักเตือน สำหรับครูกับนักเรียนเป็นเรื่องปกติ เพราะเด็กจะเป็นคนดีได้
ต้องได้รับการฝึกหัด ขัดเกลา เขายังอ่อนเยาว์ ขาดประสบการณ์ ความคิดอ่านอย่าง
ไตร่ตรองรอบคอบยังไม่ดีพอ ต้องอาศัยการเอาใจใส่จากครู หรือผู้ปกครอง ระบบการ
ดูแลช่วยเหลือนักเรียน ไม่ใช่หมายถึงทำให้เขาพอใจทุกเรื่อง ตามใจเขาทุกอย่าง
ต้องพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในตัว ปัจจุบันมีผู้ใหญ่บางคนเข้าใจผิดไป
มากว่า ต้องปกป้องคุ้มครองดูแลช่วยเหลือมิให้ลำบาก ให้สบายๆ ไม่ต้องทำอะไร ต่อมา
นึกเสียใจทีหลังเมื่อลูกพึ่งตนเองไม่ได้ ตัดสินใจไม่เป็น ทำอะไรไม่ไหว เพราะยากไม่เคย
ฝึกมาก่อน แบบนี้เขาเรียกว่า พ่อแม่รังแกลูก และพ่อแม่จะลำบากทีหลัง ต้องช่วยเหลือ
ไปจนแก่ พ่อแม่ก็ลำบาก แทนที่เฒ่าชราจะได้พักผ่อนสบาย กับต้องมาคอยรับใช้ลูก
ลูกบางคนไม่เคยรู้สึกอะไร ชินกับการเรียกร้องให้พ่อแม่ช่วย ควรฝึกฝนลูกหลานแต่วัยเด็ก
ให้เขามั่นใจ เข้มแข็ง ช่วยเหลือพึ่งพาตนก่อน มิเช่นนั้นนอกจากจะอยู่ในสังคมลำบากแล้ว
พ่อแม่ก็ต้องทุกข์ใจไปจนตายจากกัน และนอนตายตาไม่หลับเพราะห่วงลูก ห่วงหลาน
ไม่มีความเห็น