ความละอายของผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบิลด้านสันติภาพ ตอนที่ 2
และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (ethnic cleansing) บางทีอาจเป็นการกล่าวที่น้อยกว่าเป็นความเป็นจริง การศึกษาจากมหาวิทยาลัย Yale เสนอว่า ความรุนแรงต่อชาวโรฮิงญาสามารถหรืออาจถือว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ให้หมดไปจากโลกนี้เลยก็ได้ (genocide) พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอเมริกา (The U.S. Holocaust Museum) ได้เตือนว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ให้หมดจากโลกนี้ (genocide) ต่อชาวโรฮิงญากำลังค่อยปรากฏอย่างช้าๆ
ดอว์ ซู ที่ต้องละอาย พวกเราเคารพคุณ (honor) และต่อสู้เพื่อให้คุณมีอิสรภาพ แต่คุณใช้อิสรภาพเพื่อละทิ้งการฆ่าฟันประชาชนของคุณเองอย่างนั้นเหรอ?
Matthew Smith เป็นหัวหน้าของกลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อ Fortify Rights ให้สัมภาษณ์กับเราถึงผู้อพยพที่ชายแดนบังคลาเทศว่า “พวกเขากำลังฆ่าเด็กๆ” “ในที่สุด พวกเรากำลังคุยกันถึงเรื่องอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
ผู้รอดพ้นชาวโรฮิงญาบอกกับ Smith ว่า “หลานชายสองคนของฉันถูกตัดหัว” “คนหนึ่งอายุแค่ 6 ขวบ และอีกคนแค่ 9 ขวบเท่านั้น”
รายงานจากที่อื่นๆบรรยายว่า พวกทหารกำลังนำเด็กๆทารกไปที่แม่น้ำเพื่อถ่วงน้ำให้ตาย และตัดศีรษะ (decapitating) ยายหรือย่าด้วย Hannah Beech เพื่อนร่วมงานในข่าว Times ของฉัน ที่กำลังรายงานข่าวที่ชายแดนบอกว่า “ฉันได้ช่วยเหลือวิกฤตการณ์ผู้อพยพมาก่อน แต่นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ฉันเคยเจอ”
แปลและเก็บข้อมูลจาก
Nicholas Kristof . A Nobel Peace Prize Winner’s shame.
…………………………
ไม่มีความเห็น