คนที่ประสบผลสำเร็จโดยความสามารถของตนเอง: มายาคติที่แฝงไว้ด้วยความไม่เทียม ตอนที่ 4
แต่ในปี 1972 นักสังคมวิทยาชาวอเมริกันที่เป็นเพื่อนของ Young ที่ชื่อว่า Daniel Bell กลับทำให้คำๆนี้เป็นไปในทางบวกมากขึ้น เขากล่าวว่าระบบคัดคนด้วยความสามารถอาจเป็นเครื่องมือสำหรับเศรษฐกิจความรู้อันใหม่ก็ได้ (new knowledge economy) ในยุค 1980 คำๆนี้ยังถูกใช้โดยนักคิดขวาใหม่ (new-right thinktanks) เพื่อบรรยายถึงโลกที่มีความแตกต่างทางด้านรายได้แบบสุดขั้ว และการเคลื่อนที่ทางสังคมในระดับสูง (high social mobility) คำว่าระบบคัดคนด้วยความสามารถได้เปลี่ยนความหมายไปจากเดิม
ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ระบบคัดคนด้วยความสามารถแบบเสรีนิยมใหม่ถูกกำหนดด้วยลักษณะ 2 ประการ ประการแรกระดับความพยายามในการที่การแข่งขันระดับผู้ประกอบการระดับย่อย (entrepreneurial competition) ในทุกแง่มุมของชีวิต ประการที่ 2 อำนาจของความเท่าเทียมที่มาจากศตวรรษที่ 20 ระบบคัดคนตามความสามารถเป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้ระบบสิทธิที่มีมาแต่เดิม (พวกเจ้าขุนมูลนายหรือชนชั้นสูง) พังสลายลง
แม้กระทั่ง Margaret Thatcher แม้เธอจะเป็นนักอนุรักษนิยมทางสังคมก็ตาม ยังนำเสนอตนเองว่า เธอเป็นศัตรูของผลประโยชน์ทับซ้อน (vested interests) และผู้ผลักดันเรื่องการเคลื่อนที่ทางสังคม (social mobility) ภายใต้แนวคิดกรรมกรใหม่ (New Labor) ระบบคัดคนตามความสามารถเป็นระบบเดียวกับเสรีนิยมทางสังคม ปฏิเสธการรักร่วมเพศ, การทารุณกรรมทางเพศ, และการเหยียดผิว ในขณะนี้พวกเราถูกบอกเล่าว่าใครๆก็ “ทำมันได้”
แปลและเรียบเรียงมาจาก
Jo Littler. Meritocracy: the great delusion that ingrains inequality. ………………….