วันนี้หลังทำหน้าที่กระบวนกรกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คนรักษ์สุขภาพของกลุ่มข้าราชการ ได้เพื่อนต่างสาขาวิชาชีพ
ต่างจังหวัด ต่างกรมกอง มากขึ้น ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ละเอียดอ่อนในความคิดของมวลมิตรทุกท่าน และท้ายที่สุด
ไม่อยากให้อภัยตัวเองเลย เพราะขาออกจากบ้าน ขอยืม Notebookตัวโปรด ของพ่อบ้านไปใช้งาน แต่ขากลับถึงบ้านหิ้วแต่กระเป๋า
ไม่มีโน๊ตตัวนั้นกลับบ้า่น เซ็งตัวเองจริง รีบโทรไปหาเพื่อนร่วมงาน ลำดับความคิดและการกระทำของตัวเองมันขาดหายไปช่วงไหน
สติไปไหนน้าาาาาา.....
ทำไมนึกไม่ออกว่าเราลืมยังไง และทำไมกระเป๋าเบาตั้งแต่ตอนไหน และทำไมไม่เฉลียวใจเลย ปล่อยให้เวลาผ่านไปตั้งแต่เวลา
ไหนรู้ รู้แต่ว่าหลังเลิกงานเย็นยังเก็บมันใส่กระเป๋าเขียวเลย แล้วหลังจากนั้นทำไมคิดไม่ออก ไม่เข้าใจตัวเองเลย
โชคดีที่พ่อบ้านไม่บ่นสักคำ คงรอให้ทางโณงแรมเปิดวงจรปิดย้อนหลังเพื่อหาร่องรอย
และหลังจากออกจากโรงแรมที่จัดกิจกรรมก็ตรงไปวัด เอาของไปวางไว้ในห้องประชุมสวดมนต์ แล้วเดินออกมาอยู่หน้าห้องที่สามารถ
มองทะลุเข้าไปได้เพียงแต่สาตาเราไม่ดี เมื่อมองระยะไกล ขณะนั้นก็ไม่นึกถึงว่า ตัวเองมีโน๊ตอยู่ในกระเป๋าหรือไม่ รู้แต่ว่าใจคอยห่วง
กระเป๋าตัวเอง คอยมองเข้าไปในห้องที่ข้างในมีช่างทำงานตกแต่งภายในของวัด และมีผู้เดินทางมาร่วมกิจกรรมอยู่ในห้องแล้ว 2 คน
แต่เมื่อเดินกลับเข้าไปก็ไม่ได้นึกถึงโน๊ตในกระเป๋า แต่กลับเตรียมตัวสวดมนต์ และนั่งหลับตาคอยพระอาจารย์ ลืมตามาก็เริ่มสวด
ระหว่างสวดก็ค้นหายาหม่องน้ำเพราะอาคารอยู่ระหว่าซ่อมก็จะจาม หาทั้งสองกรตะเป๋าก็ไม่เจอ จึงเลิกหา
ขณะที่หาใจก็ไม่คิดว่าเรามีโน๊ต ไม่นึกถึงไม่เฉลียวใจเลบ จนสวดมนต์จบกลับบ้านก็หิ้วกระเป๋ากลับ
ใจไม่คิดถึงโน๊ตบุคเลย ไม่คิดถึงเลย กลับถึงบ้านพอเห็นหน้าพ่อบ้านก็นึกถึงเพราะพ่อบ้านมานั่งใช่้เครื่องของภรรยา
ร้องอุ๊ย! โน๊ตบุค ....เพราะนึกได้ ใจว้าวุ่น เราพลาดไปแล้ว
ครั้นจะให้สามีขับรถไปวัดก็มืดค่ำแล้วมันไม่สมควร ได้แต่โทรศัพท์ถามน้องเพื่อทบทวนเหตุการณ์
ทางโรงแรมแจ้งว่าก่อนพนักงานจะออกจากโรงแรมจะต้องผ่านการตรวจเช็คก่อน แต่จนท.จึงขอให้ทางโรงแรมช่วยเช็ดเพื่อหาร่องรอย
นี่สติไม่มาเป็นระยะๆ สติมาช้า ก็รู้สึกตัวช้า สติเตลิดก็เกิดปัญหา ปัญญามาปัญหาก็ไม่เกิด เออหนอสติ และปัญญาของเรา
มันน้อยกว่าหางอึ่งมากไปหน่อย เพราะไม่สามารถเห็นตัวเองทุกวินาทีนั่นเอง นึกไม่ออกว่ามันหายไปตอนไหนแน่ ระหว่าง
ที่โรงแรมและที่วัดเมื่อเราเอากระเป๋าไปวา่ง แล้ววางใจว่าจะไม่มีใครรบกวนกระเป๋าเรา เพี๊ยง! พรุ่งนี้หวังว่าจะได้มันกลับคืนมา
มันล่อตามากไปหรือเปล่า เพราะใส่ไว้ในกระเป๋าผ้่าสีสวยลายดอกไม้รูดซิปเสร็จก็หยิบใส่กระเป๋าถุงผ้าที่มีเสื่อ ยืดออกกำลังกาย 1 ตัว
สมุดโน๊ตเล็ก 1เล่ม ถุงเท้า 1 คู่ ผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาว 1 ผืน ไม้กัวซา 1 ปากกา 1 ทุกอย่างอยู่ครบเว้นแต่โน๊ตบุค
อีกกระเป๋าเป็นกระเป๋าใส่บัตรสำคัญและเงิน สายต่อโน๊ตบุค เครื่องฟังเสียงเพลง แบตเตอรรี่สำรอง ยาสีฟันแปรงสีฟันครบ
เงินไม่หายเพราะกระเป๋านี้หยิบยากนิดหนึ่งเนื่องจากมาซิปทุกช่อง ..ท้ายที่สุดนี้ก็ยังนึกไม่ออก เพราะสติขาดหายไป บางช่วง
ช่วงที่จะออกจากโรงแรมไม่ได้ทบทวน
ช่วงที่เอาของเข้าไปวางไว้บนเก้าอี้ไม่ได้ทบทวน
ช่วงกลับเข้าไปในห้องศาลาสวดมนต์ไม่ได้ทบทวน
ก่อนออกจากศาลาไม่ได้ทบทวน
มีช่องว่างเกิดขึ้นถึง 4 ช่วง
คุณพระช่วย!
น้องชายเคยบอกว่าของหายมีคนเอาไปใช้ ก็ยังดีกว่าตกน้ำเปียกแล้วพังใช้การไม่ได้ค่ะ หายแล้วหาใหม่ค่ะ คนตั้งใจเอาไปเค้าคงมีความเดือดร้อน ให้เค้าไปใจเป็นสุขค่ะ ของ นอกกาย ไม่ตายหาใหม่ค่ะ
เสาวลักษณ์ หนูรอด ขอบคุณค่ะ ได้คืนแล้วค่ะ โดยเริ่มเดินทางทางความคิดย้อนอดีต ให้ทางโรงแรมเปิดวงจรย้อนช่วงที่ขาดสติ ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ แต่ก็ยังมั่นใจว่า อยู่้ที่นี่แน่ค่ะ สุดท้ายมีคนหนึ่งเห็นมันวางงอยู่บนบริเวณเช็คเอ้าท์ค่ะ พนักงานบอกว่าเห็นแล้วแต่คิดไม่ใช่เพราะมีข้อความว่าเอามาจากห้องพักลูกค้าที่มาพักแรมลืมไว้ ก็ต้องมาเปิดเครื่องพิสูจน์ว่าใช่ของเราไหม ก่อนเปิดก็จำได้ว่าหน้าจอภาพเราใส่อะไรไว้บ้าง เปิดพิสูจน์แล้วก็กล่าวขอโทษ พนักงานจึงมอบให้ |