อนุทิน 12865


สมคบ
เขียนเมื่อ

อยู่กับร่องอารมณ์แบบไม่อยากให้มันมี แต่มันก็มี มันวิ่งอยู่ในหัวในเนื้อในตัว แล้วก็มีอิทธิพลที่ออกมากับคำพูดและการกระทำ พระพุทธเจ้าสุดยอด..พูดไว้ในเรื่องของ ทิฐิ ถ้าคิดดีก็ทำดี คิดได สิ่งที่ทำออกมามันก็มีกลิ่นเหม็นๆ ....

ช่วงนี้มีข่าวลือหลายหลายเรื่องจนอดมองว่าดูเหมือนมันจะเป็นข่าวลือที่เป็นระบบยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นข่าวลือที่ทำให้หน่วยงานบางหน่วยงานแตกแยกกัน วันนี้ก็นั่งคุยกับน้องหมอที่มาใหม่ ว่า สังเกตเห็นได้เหมือนกัน ว่า พวกเรากำลังถูกบ่อนทำลาย ... ข่าวลือที่ผมเองมีส่วนร่วมคือผมจะลาออก ก็เป็นหนึ่งในร่องอารมณ์ ผู้คนก็มองว่า เกิดอะไรขึ้น หลายคนคงอดถามไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร ... มันเกิดจากอะไร ...ผมเองก็คิดเหมือนกันว่า อะไรทำให้ผมตกลงไปในร่องอารมณ์ขนาดนั้น การไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องหมอมาช้าได้ จนทำให้ผู้ป่วยรอที่จุดต่างๆ แต่ก็ได้มีการคลี่คลาย จากการมานั่งสนทนากัน แต่ ต้นเหตุแห่งปัญหาก็ยังรู้สึกว่าไม่มีการเปิดใจกันเท่าไหร่ .. อีกฟากหนึ่งก็บอกว่าหมอเองก็ยังไม่เปิดใจ มันก็น่าคิดว่ากระบวนการเช่นนี้ถ้ามีอีกเป็นครั้งที่สองจะเป็นอย่างไร แต่ผมเองก็เชื่อมั่นในวิถีทางแห่งการหันหน้าเข้าหากัน เพราะไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะยั่งยืนเท่ากับการหันหน้าเข้าหากัน  เพราะเมื่อต่างคนต่างอยู่ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเข้าจุดสิ้นสุด

เรื่องของหมอดูเหมือนเมื่อ OPD เห็นอย่างนั้น ทุกคนก็เข้าใจกันเอง ผมว่าอีกหน่อย หมออ...ก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อไป

เรื่องของข่าวลือที่จ้องทำลาย เช่น การถูกชักจูง..คิดในแง่บวกก็คือการบริหารที่สามารถทำให้เกิดโอกาสของผู้อื่นมากกว่าเป็นความคิดของตนเอง ...เปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ลองแสดง ก็น่าจะดีไม่ใช่หรือ แล้วเราจะไปกังวลอะไรเล่า ..หรือบางทีอาจเกิดจากการสนทนาแลกเปลี่ยนจนเกิดความคิดอะไรบางอย่างทีเป็นความคิดร่วม  แต่เนื่องด้วย แค้นฝังหุ่นเลยเกดอะไรแบบที่ว่าขึ้น มา  อ้าว แล้วการให้อภัยไม่มีเลยละหรือ การรีบด่วนตัดสินกับเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา นำมาซึ่งเหตุแห่งทุกข์

ผมมานั่งคิดว่าเหตุแห่งข่าวลือน่าจะเกิดจากปัจจัย สองประการ อันแรก เป็นตัวสะท้อนว่าระบบการสื่อสารของร.พ.เราหมดประสิทธิภาพ  ความคิดในเรื่องของ การปฏิรูปสื่ออาจช้าเกินไป  ตอนนี้เป็นวาระเร่งด่วนไปแล้ว ... 8-10 ก.ค จะมีการอบรมเรื่องของการอัพเดทเวบเพจ ซึ่งน่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี งานนี้ผมไปอบรมด้วยตัวเอง เพราะความอยากรู้เป็นการส่วนตัวด้วย แล้วก็ให้พี่กลางที่ทำหน้าที่เรื่องของโมเดิร์นปายคัดเลือกคน ก็ได้คนที่หลากหลาย มีน้องแมวจากศูนย์คุณภาพ มีมิ้นท์ มีโจ มีอ้ายอุต แล้วก็มีใครไม่รู้อีกคน ก็ไม่รู้ว่าหลักสูตรตอบรัยยังไง แต่ก็เป็นความหวังอีกเรื่อง ผมคิดอีกเรื่องของข่าวลือ คือ กบร. การที่กบร.มีเพียงคนอยู่สิบคนมันอาจจะน้อยเกินไป เพราะไม่สามารถไปกระจายข่าวได้ถึง กบร.เดิมมีมติลดจำนวนคน เพราะมากคนมากความ มันเกิดความวุ่นวาย อาจเป็นเพราะกระบวนทัศน์เก่าที่ว่าไม่ชอบความวุ่นวาย แต่มันก็คงวุ่นวายจริงๆ ผมคิดว่า ถ้าเกิดเอาทุกหน่วยงาน มาเป็น กบร. อะไรจะเกิดขึ้น มี20กว่าหน่วยงาน ทุกคนจะเกิดการมีส่วนร่วม และเกิดการเรียนรู้ และเกิดการพัฒนา   และใช้ควาเมป็นกระบวนกรนำพา น่าจะเป็นอะไรที่ใหม่แต่น่าลอง เมื่อทุกคนได้มีโอกาสรู้จากแหล่ง ข่าวลือก็น่าจะสงบ

การเปิดพื้นที่ในการสนทนาในทุกกลุ่มทุกวาระ จะเป็นอีกทางออกหนึ่ง ในการพูดคุยอย่าวเรียบง่ายเป็นกันเองตรงไปตรงมา

ตอนนี้ก้ได้ปิดห้องผ.อ.ไปแล้ว ให้ทุกคนมายื่นหนังสือเสนอเซ้นด้วยตนเองจะได้ไม่รู้สึกห่างเหินกันเกินไป มีโอกาสได้มองตา มีโอกาสได้สนทนา ดีกว่าเซ็นเองตอนดึกดึก แล้วก็ไม่รู้จะไปถามใคร

เก็บอันที่เซ็นแบบไม่ต้องซักถามเอาไว้ อันที่อยากชวนสนทนาก็จะได้ เป็นโอกาส อันดี

ผมคิดแบ่งโครงสร้างใหม่ นั่งพิมพ์รายละเอียด ตอนนี้เสร็จของ HRD ไปแล้ว ..อยากเปลี่ยนชื่อทีมเป็น HCP (humanity care for personel) เพราะมีความรู้สึกว่าการเป็นทรัพยากรมนุษย์มันเป็นอะไรที่เหมือนอุปกรณ์ เครื่องมือ  การแบ่งHCP เป็น 9 กลุ่ม มีกลุ่ม 3-4 คน แล้วจะเป็นการแบ่งแล้วโจมตี เพราะมีโอกาสในการเข้าถึงมากกว่า เข้าหาคนจำนวน 30 คน

1. ก.คัดสรร  2. ก.วิเคราะห์อัตรากำลัง 3.ก.ประเมิน 4.ก.พัฒนาภาวะผู้นำและก่อสร้างธรรมาภิบาล 5.ก.สร้างความสามัคคี วาระแห่งการอยู่ร่วม ...OD แนวใหม่  6.พัฒนาศักยภาพบุคลากร กับ แนวทางใหม่ในการอบรม 7.เรื่องของพฤติกรรมบริการและสิทธิ 8.เรื่องของการส้รางขวัญและกำลังใจ ตลอดจนการสร้างแรงบันดาลใจ 9.การสร้างวัฒนธรรมและกระบวนทัศน์ใหม่

ได้บอกไปแล้วคร่าวๆ แต่คงต้องหาเวลาที่จะคุยรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ..ตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์อีกแน่นอน

เรื่องของนักกายภาพ เริ่มคลี่คลาย แถมยังได้บทเรียนว่าเรื่องราวไม่จบง่ายด้วยการประกาศว่าลาออก  เพราะยังไงก็ตามมันไม่หยุด เพราะมันเป็นเรื่องของแค้นฝังหุ่น บางทีเป็นเรื่องของแต่ละกลุ่มแต่ละก๊กเล่นกันเอง แต่ผู้ยืนอยู่ในที่แจ้งคือผมเองกลับโดนไปด้วย เหง้าปัญหา คือ ความแตกแยก ความแตกต่างว ความตัดสิน ผู้พิทักษ์ เกิดเป็นสงครามผู้พิทักษ์ จะระงับสงครามนี้ได้อย่างไร  ..วิธีแห่งสันติภาพ หันหน้าเข้าหากัน มหัศจรรย์ แห่งการสนทนาน่าจะเริ่มต้นขึ้นที่นี่ วันที่ 27/6/2551 ศุกร์นี้ ผมก็กำลังเตรียมใจเตรีบมพลังไว้ แต่ผมคิดว่า ผมเตรียมฟังไว้แต่เพียงอย่างเดียว 

เรื่องปัญหาสาธารณสุขยังไม่ได้แก้กันเลยกลับต้องใช้พลังงานมากับเรื่องภายในกันก่อน ควรที่จะต้องรับทำให้มันเย็นลงซักหน่อยก่อนที่จะให้มันเกิดองค์กรจัดการตนเองใหม่อีกครั้ง ....

คือก่อนที่จะปล่อยให้เกิองค์กรจัดการตนเองผมว่าน่าจะที่จะใส่อะไรไปสักหน่อยก่อน แล้วก็ปล่อย เพราะว่าในสมการแห่งการจัดการตนเองก็ยังไมอะไรบางอย่างที่เข้าไป ..ก่อเริ่มที่เรียกว่า ตัวดึงดูด .. (ตามทฤษฎีไร้ระเบียบ) 

แล้ววันที่ 30/6/2551 ผมจะประกาศการตั้งกระทรวงอีกที  แล้ววันที่ 1/7/2551 จะประกาศ ความเป็นองค์กรอัตโนมัติ ผมจะลาออกจากผ.อ. แบบเก่าๆ 180 วัน ผมจะตั้งกบร.ใหม่ ที่มีตัวแทนจากหัวหน้าหน่วยงานครบทุกหน่วย และ ทีมนำด้วยครับ กบร.ไม่ได้อยู่สูงสุดฟ้า แต่อยู่ในมือ และเป็นโอกาสของทุกคนครับ 

 

 

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท