เราคิดว่าไม่เป็นไรน่ะ... สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นน่ะพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามันห้ามมรรคผลพระนิพพานเราหมด “ฝุ่นนี้มันไม่ใหญ่หรอกแต่ถ้ามันเข้าตาเรา เราก็มีปัญหาเหมือนกัน”
คนเราน่ะถ้าไม่ได้บริโภครูปเสียงกลิ่นรสโผฐฐัพพะธรรมารมณ์ ก็คือว่าชีวิตนี้ไม่มี “รส” รู้มั๊ยว่าถ้ามีรสมันก็มี “ชาติ” มันต้องมีการเวียนวายตายเกิด เราก็อยากพากันมี “รสชาติ” รสชาติมันจะพาให้เรามีความเกิดทางจิตทางใจนะ
สติสัมปชัญญะของเราก็ให้มันแข็งแรง... สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะก็คือตัวปัญญา สติกับปัญญามันจะเกี่ยวข้องกันตลอดน่ะ แล้วก็ตั้งมั่นอยู่กับสมาธิ
สติสัมปชัญญะถึงเป็นตัวศีล ถึงเป็นตัวสมาธิ ถึงเป็นตัวปัญญาน่ะ... เค้าจะได้ขับเคลื่อนชีวิตจิตใจของเราสู่คุณธรรม
บางคนไม่รู้การปฏิบัติน่ะ... ปล่อยโอกาสปล่อยเวลาไปโดยไม่เจริญสติสัมปชัญญะ จิตใจของเราจึงไม่มีพุทโธ “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน...”
ถ้าใจของเราสงบ สติสัมปชัญญะสมบูรณ์น่ะ มันมีค่ามีราคากว่าทรัพย์ภายนอก เพราะนี้มันคืออริยทรัพย์ “ทรัพย์ภายใน” ทรัพย์ที่จะนำเราสู่มรรคผลพระนิพพานน่ะ มันข้ามพ้นสวรรค์ไป เพราะสวรรค์มันมีการเวียนว่ายตายเกิดน่ะ
ให้ทุกท่านทุกคนมีกำลังใจ มีความพอใจ อย่าไปคิดว่าถ้าละความโลภความโกรธความหลงแล้วชีวิตนี้มันจะหมดรสหมดชาด อย่าไปคิดอย่างนั้น...!
คิดอย่างนั้นคือคนไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับแห่งทุกข์ พากันสร้างปัญหา สร้างภพสร้างชาติให้ตนเองอย่างนั้นไม่ถูกต้อง “ชีวิตนี้ก็เสียชาติเกิดที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์” ทุกคนต้องทำได้ปฏิบัติได้...
ไม่มีความเห็น