ให้ทุกท่านทุกคนกลับมามองตัวเองว่า “เดี๋ยวนี้เราให้อะไรใครบ้างหรือยัง...?”
เราให้ความสุขความดับทุกข์แก่คุณพ่อคุณแม่แก่คนในครอบครัวแล้วหรือยัง ถ้าเราเป็นผู้เอาเหมือนแต่ก่อน ตัวเราเองก็มีทุกข์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราก็มีทุกข์
คนเรานี้มันไม่เสียสละเลยนะ... ที่เค้าให้เราเรียนหนังสือน่ะตั้งแต่อนุบาลจนจบ ด๊อกเตอร์ก็เพื่อจะเป็นคนดีเป็นคนเสียสละเป็นผู้ให้ เค้าเอาเหยื่อมาล่อเราให้เราทำความดี แม้แต่พระภิกษุสามเณรเรา เค้าก็เอาเหยื่อมาให้เพื่อทำความดี ให้นักธรรมตรี โท เอก เปรียญธรรม จนถึงด๊อกเตอร์น่ะ “ให้ทุกท่านทุกคนให้รู้ความหมายนะ ความเป็นจริงแล้ว เค้าจะให้เราเป็นคนดีเป็นคนเสียสละ...”
ในโลกในสังคมนี้หาคนดีเพื่อทำพันธุ์หาลำบาก หาคนดีเป็นตัวอย่างหาลำบากน่ะ เมื่อมันหาไม่ได้หาลำบากเราก็ไม่ต้องไปหาน่ะ พระพุทธเจ้าท่านให้เรามาหาที่ตัวเรานี้แหละ เพราะว่าสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ในตัวเรานี้เอง ถ้าเราคิดดี เราปรารถนาแต่สิ่งที่ดี เราพูดดี เราทำดี เรามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ตั้งมั่นในความดีน่ะ ชีวิตของเรานี้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทุก ๆ อย่างมันจะดำเนินไปในขบวนการของเค้าเอง เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นก็ต้องมี
ทุกท่านทุกคนกลัวความดี จะรักษาศีลไม่กี่ข้อนี้ก็กลัว หัวใจกลัวอย่างนี้เค้าเรียกว่า “หัวใจอสุรกาย”
<p>ทุกคนน่ะมันก็มีภาระเยอะ ภาระเรื่องคุณพ่อคุณแม่เรื่องลูกหลานเรื่องคนงานหรือเจ้านาย แต่การประพฤติการปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรมน่ะมันก็สามารถแทรกเข้าไปในการประพฤติการปฏิบัติในหน้าที่การงานได้ทั้งหมด ถ้าเรารู้เรื่อง ถ้าเราเข้าใจ ถ้าเราไปรอให้หมดธุระ ไม่มีธุระนั้นน่ะก็คือ “เท่ากับเรารอให้เราหมดลมหายใจ…”
</p><p>คนเราน่ะมันเห็นแก่ตัวนะ… เวลารักษาศีลมาก ๆ มันไม่อยากรักษานะ แต่เวลาเงินน่ะถ้าได้น้อยมันไม่ชอบ.! นี้แสดงว่าเราจิตใจเรามีปัญหา หัวใจเรามีปัญหา แสดงว่าเรายังมีความเห็นผิด ชื่อว่าเรายังไม่ชอบพระพุทธเจ้า ไม่ชอบพระธรรม ไม่ชอบพระอริยสงฆ์ แต่เราพากันคิดอยากจะไปพระนิพพานน่ะมันก็เป็นไปไม่ได้
</p>