วันนี้ศิษย์เก่าคนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ ม. 3 แวะไปหาคุณมะเดื่อที่โรงเรียน จำได้ว่า
ศิษย์ เก่าคนนี้ ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนคุณมะเดื่อตอนอยู่ประถมต้น ในลักษณะที่ อ่าน -
เขียนหนังสือ ( แม้แต่คำง่าย ๆ ) แทบไม่ได้ คุณมะเดื่อจับมานั่งฝึกอ่าน ฝึกเขียน
แบบชนิดที่แทบไม่มีเวลาพักเหมือนเพื่อน ๆ จนอยู่ ป. 6 จึงพอจะอ่าน จะเขียนได้ใน
ระดับ ป. 3 แต่ก็สามารถเีรียนต่อในชั้นมัธยมได้
เด็กคนนี้มักจะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียน พูดคุยกับคุณมะเดื่อเสมอ ( ก็มักเป็นเช่นนี้
สำหรับเด็กที่เรียนอ่อนแบบนี้ จะไม่ค่อยลืมครู แต่เด็ก ๆ เก่ง ๆ ไม่ค่อยเจอหน้า)
วันนี้ เขาไปเล่าให้ฟังว่า มักถูกรุ่นพี่ ม.4 ม.5 หาเรื่องชกต่อย เหตุเพราะ " หน้าตา
กวน....ต...) แม่ของเขาไปหา ผอ.โรงเรียนนั้น 2 - 3 รอบ ด้วยเรื่องนี้ จนในที่สุด
ล่าสุดเขาถูกรุ่นพี่ต่อย ทนไม่ไหว จึง เตะรุ่นพี่ลงไปกองกับพื้่น...! ลืมบอกไปว่า เด็ก
คนนี้ เข้าค่ายฝึกซ้อมมวยไทยด้วยจ้ะ
คุณมะเดื่่อ ก็ได้แต่ตักเตือนให้เขาหลีกเลี่ยง เรียนให้จบ อย่าเกเร วิชามวยไทยก็ให้เอา
ไว้ป้องกันตัว อย่าไปรังแก อย่าทำให้แม่ต้องเดือดร้อน ต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งของแม่
กับพี่ ( พ่อกับแม่ของเขาเลิกร้างกัน มีพี่ชายคนหนึ่ง เป็นเด็กดาวน์ แม่เป็นครูจ้างสอน
เด็กเล็ก เงินเดือนไม่ถึงหมื่น ) ก็ทำได้แค่นี้แหละนะครูมะเดื่อ
เด็กพิเศษ LD มักจะมีอะไรพิเศษ ค้นหาความพิเศษของตัวเองให้เจอ พัฒนาจุดเด่นนั้นให้ได้ จะสร้างความมั่นใจให้สามารถพัฒนาด้านอื่นๆที่เป็นจุดอ่อนได้ ดิฉันเคยช่วยเด็กป.3 ให้อ่านหนังสือ แรกๆเค้าอ่านแบบเดาๆดมๆ ฝึกไปเรื่อยๆเป็นปีจึงสามารถแยกแยะตัวสะกดได้ พออ่านได้ก็เรียนได้ดี จบป.6 สอบได้ 2 แห่ง ต้องเลือกว่าจะเรียนที่ไหน คุณแม่ดีใจมาก คุณแม่ทำงานรับซักรีดผ้า คุณพ่อเป็นช่างซ่อมรถ แม่โทรเล่าเรื่องลูกให้ฟังเสมอ น่าชื่นใจค่ะ ยังจำตอนเด็กอ่านแบบเดาๆดมๆได้ค่ะ สนุกมาก เช่น ในครัวมีแมลงสบาย บนหลังคามีตุ้งติ้ง (คงพอเดาได้แมลงสบาย ที่จริงคือแมลงสาบ ตุ้งติ้งคือตุ๊กแกค่ะ) เคยสอนเด็กชาย LD จนสามารถอ่านออกเขียนได้ แต่เสียดาย ช่วงปิดเทอมตอนเค้าอยู่ ม.1 เค้าตกน้ำบริเวณหลังหมู่บ้านบันลือสอง (แม่น้ำตาปี) ไม่แน่ใจว่าเล่นปีนป่ายกำแพงกับเพื่อนแล้วพลัดตกหรือถูกเพื่อนแกล้ง ดังนั้นคงต้องสอนทักษะชีวิตไปพร้อมๆกับวิชาการด้วย ให้รู้จักการระวังภัย สามารถเดาเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดในอนาคตอันใกล้ได้ ถ้าทำกิจกรรมนี้ นั้น โน้น จะได้รู้จักระมัดระวัง