ถ้าเราไม่ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ จิตใจของเรามันจะบอบช้ำกว่านี้ กายของเรามันจะบอบช้ำกว่านี้ เรื่องที่มันเป็นทุกข์วิตกกังวลขุ่นมัวเศร้าหมองทางจิตใจน่ะพระพุทธเจ้าท่านให้เราทิ้งให้หมด ถือว่ามันเป็นบทเรียนถือว่ามันเป็นประสบการณ์ เราจะได้ไม่ทำอย่างนั้นอีก เราจะไม่ได้ไปคิดอย่างนั้นอีกนะ เราไม่ต้องไปคิดว่าชีวิตของเราทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น ทำไมมันมีบุญน้อยวาสนาน้อย เกิดมามันอาภัพอับจน ทุกคนไม่ต้องไปคิดอย่างนั้น คิดว่าดีมากที่จะให้เราทำใจพิจารณาใจ ทุกอย่างเราต้องมาแก้ที่ใจของเรา ใจของเราต้องเข้มแข็ง ต้องแข็งแรง ต้องสลัดทิ้งอดีตไปให้ได้ เข้าถึงความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานในปัจจุบันให้ได้ คนเรามันชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนอย่างโบราณเค้าว่านั่นแหละ แล้วก็แล้วไป ไม่ต้องเอามาคิดมาวิตกกังวล
เป็นคนขยันมาก ๆ รับผิดชอบให้มาก ๆ เสียสละให้มาก การใช้จ่ายก็ต้องประหยัด ให้มากขึ้น “รายรับนี้ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่รายเหลือ”
ต้องมาแก้ที่ตัวเอง ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เอาตัวเองนี้ให้มันสงบ ไม่ให้มันมีตัวมีตน ไม่ให้มีเรามีเขา ไม่ให้มีผู้หญิงผู้ชาย ไม่ให้มีช้ามีเร็วมีกลางวันกลางคืน ไม่ให้มันมีอะไร ถ้าใจของเรามันมีอะไรมันก็มีอะไร ถ้าใจของเรามันไม่มีอะไรมันก็ไม่มีอะไร เพราะทุกอย่าง มันอยู่ที่ใจ เราไม่ต้องไปอยากรวยมีหน้ามีตามีเกียรติมียศ เราพัฒนาตัวเองเข้าถึงความสงบ “นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง เพราะสุขอันใดก็สู้ความสงบนั้นไม่มี” ที่เรามีทุกข์เราไม่สบายทั้งกายทั้งใจนี้ก็คือจิตใจของเราไม่สงบ
สาธุ ยามเช้า ครับอาจารย์