การแก้อะไรก็ถือว่ามันแก้ง่าย แต่ว่ามาแก้จิตแก้ใจแก้ตัวเองนี้มันถือว่าเป็นเรื่องแก้ยากนะ
ทำไมมันถึงแก้ยาก...? เพราะว่าเป็นสิ่งที่ทวนโลก ทวนกระแส ทวนอารมณ์ ถ้าเราไม่อดทน เราไม่มีความเพียร ถ้าเราไม่มีสมาธิจริงน่ะเราไปไม่รอดไปไม่ไหว
ทุกคนทำไมถึงเป็นอย่างนั้น...? ปัญหานี้เค้าตอบว่า ทุกคนมันติดความสุข ติดความสะดวก ติดความสบาย มันติดในอดีตที่ผ่านมา
อดีตที่ผ่านมาแล้วมันก็เปรียบเสมือนความตาย คือเราตายจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว เมื่อเราตายแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยเหลืออะไรก็ไม่ได้
พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุก ๆ คนทิ้งอดีต ถ้าใครไม่ทิ้งอดีตที่ผ่านมาก็ถือว่าเรานี้กำลังทำบาปกำลังเป็นคนบาปนะ
สติทุก ๆ คนต้องเร็ว ต้องว่องไว... เราพบเจอกับสิ่งที่มันทำให้เราหดหู่ สังเวช ถ้าเราตามอารมณ์ตามสิ่งที่พบเห็นกับสิ่งที่เค้าเรียกว่าเป็นอดีต เราก็ต้องเศร้าโศรกหรือว่าน้ำตาไหล ถ้าเรามีสติทันอย่างนี้แหละ เราก็ทิ้งมันไป ละมันไป เราไปใจอ่อนน่ะมันได้อะไร มันมีแต่ความเสียหาย คนอื่นเค้าจะดีมันก็เรื่องของเค้า เค้าจะชั่วมันก็เรื่องของเค้า เราช่วยเหลือไม่ได้
ปัญหาต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นที่ตาเรากระทบ หูของเราได้ยิน ที่เราได้สัมผัสเกี่ยวข้องน่ะ ให้เรามีสมาธิ มีความเข้มแข็ง อย่าให้มันมาหมุนจิตหมุนใจของเรา ให้ใจของเราเป็นสุขเป็นทุกข์ เราจะเป็นคนไม่มีสมาธิ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ตัวของเรามันก็เลยขึ้นอยู่กับวัตถุ สิ่งภายนอก เรามีใจก็ไม่เกิดปัญญา มีสมองก็ไม่เกิดปัญญา
พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้มีสัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นอย่าได้หวั่นไหว ง่อนแง่นคลอนแคลนโยกคลอนไปกับสิ่งภายนอก
การเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ พระพุทธเจ้าท่านให้ใจของเราอยู่กับปัจจุบัน สิ่งที่เป็นอดีตน่ะท่านให้เราทิ้งหมด ถ้าเราไม่ทิ้งอดีตเราจะเป็นคนไม่มีปัญญา ถ้าเราไม่ทิ้งอดีตเราก็จะเป็นลูกหนี้ เราจะเป็นหนี้อยู่ตลอดกาล ถ้าเราไปคิดว่ามันทำลำบาก มันทำลำบาก “จริง..มันทำลำบาก” แต่มันจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อพัฒนาจิตใจของเรา
เวรกรรมเราต้องระงับด้วยการตัดกรรมตัดเวร ไม่ใช่เราเอามาผูกเอามามัดไว้ในจิตใจของเรา
ไม่มีความเห็น