น้องวิชาการสุขศึกษา และน้องฝ่ายปฐมภูมิ จัดงานวันเดียวกัน
วันที่ 19 กพ.56 จึงต้องแบ่งภาควิ่งรอก โชคดีปานกลางก็แค่วิ่งข้ามตึก
ถ้าให้ดีต้องห้องประชุมตึกเดียวกัน จะได้วิ่งแค่ผ่านประตูนี่ออกประตูโน้น
ที่สำคัญเป็นงานที่ต้องทำคนละอารมณ์คนละเรื่อง นึกถึงตรงนี้แล้วจิตใจฮึกโหมขึ้นมา
เอ้า วิ่งเป็นวิ่ง ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์สื่อให้พร้อม เตรียมคุณลิขิตขีดเขียนที่เข้าใจสามารถวิเคราะห์ และสังเคราะห์ได้
อีกอย่างคุณลิขิตในความคิดของฉัน นอกจากจะจดบันทึกทุกอย่างที่ได้จากวสงสนทนาแล้ว
ควรเป็นนักย่อความสรุปความด้วย
เพราะการทำงานครั้งนี้เรามีเป้าหมายไม่แตกต่างกันนักหากดูที่อายุ
แต่ถ้ามองที่ภูมิรู้ก็จะพบว่าแตกต่างกัน แต่กระนั้นก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ
เพราะคนรู้หนังสือจำนวนไม่น้อยที่มีอาการถดถอยทางความคิด เพราะรู้แต่ไม่นำมาใช้
บ้างขอวางมือและเป็นผู้ตาม บอกว่าเบื่อแล้ว อยากอยู่เฉยๆ
(อยากอยู่เฉยๆแล้วมาทำไม) นี่เพราะไม่ศรัทธาในตนเองพอ
พอที่จะขับเคลื่อนกายใจออกมาช่วยเหลือสังคมที่ตนเองจะต้องร่วมใช้ชีวิตด้วยกันไปแน่นอนในอนาคต (ถ้าอายุยืน)
แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังคงเป็นชาล้นแก้วที่
นอกจากจะไม่รับรู้แล้วยังขวาง ไม่มีกำลังใจให้ผู้อื่น
ทัศนคติลบ และท่าทีที่เฉยเมยไม่ยินดียินร้ายกับผู้ป่วยที่ลุกขึ้นมาดูแลตนเอง
ไม่เสริมแรงให้ใคร แต่เมื่อมองลึกลงไปก็เข้าใจเพราะไม่เคยให้ใคร จึงให้ใครไม่เป็น
เพราะไม่เต็มจึงเสียดายถ้าต้องแบ่งปัน
ดังนั้นการเติมเต็มและความพยายามดึงสักยภาพของตนเองออกมาใช้ก่อนวายปราณ
จึงเป็นสิ่งที่ควรเร่งดำเนินการ เพื่อจะได้มีโอกาสได้สัมผัสความรักที่ไม่ต้องการการตอบแน
ไม่มีความเห็น