ยุคปี 12-19 ลูกหลานของปู่มุ่งหน้าไปเรียนต่างประเทศ ยุคนั้นโรงเรียนพานิชย์เจริญและเป็นที่ฮิตของวัยรุ่นที่ฝัน
หวานจะทำงานในอ๊อฟฟิตก็มาก การเรียนรู้วิชาต่างๆจากบรรพบุรุษดูจะเป็นเรื่องล้าสมัย และเชยในความรู้สึกที่มีของวัยรุ่นยุคนั้น รวมทั้งตัวฉันเองก็คิดว่ามันล้าสมัย นี่เป็นความคิดที่โง่ที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้ได้เดินผ่านมา
ไม่มีลูกหลานคนไหนอยากได้วิชา หากพูดเรื่องการแพทย์แล้ว ต่างมุ่งหน้าขับเคลื่อนตนเองให้ได้เข้าเรียน
ในโรงเรียนแพทย์ริมแม่น้ำเ้จ้าพระยา แต่ด้วยความชอบทดลองก็จับเอาบางอย่างที่วัยเด็กจะเอามาเล่น
เป็นเรื่องสนุกมากกว่าและผู้ใหญ่รุ่นลูกคุณย่าคุณปู่ก็ไม่มีใครเอ็ดว่าอะไร และไม่มีใครเข้าไปขอความ
รู้หรือรับการรักษาจากท่านเว้นแต่คุณตา คุณยายทวดที่เดินท่อมๆๆๆเข้าเรือนคุณปู่กัน จนทุกอย่างสูญไปตามกาลเวลา
ฉันเองมีโอกาสใกล้ชิดคุณย่าเกษมศรี เวลานั้นจำได้ว่าลูกๆของท่านไปอยู่เมืองนอกกันหมด คุณย่าเกษฒศรียังสอน
ให้ปรุงยาดม ให้เอาตัวยามาโขลกในครกเล็กๆ ผสมกลิ่นกาบรูลงไปแล้วห่อผ้าก๊อกมัดเชือกปอแล้วยัดลงไปในตลับ
ทองเหลืองเล็กๆ กลิ่นหอมของเครื่องยาไทย เครื่องหอมยังติดจมูกไม่รู้หาย นี่ก็เป็นอีกขนานหนึ่งที่กำลังทำแต่ยังไม่
สำเร็จด้วยต้องเก็บกลีบดอกที่ร่วงหล่นลงมาจากต้นเท่านั้นมาปรุง กลีบดอกไม่สมัยนี้ไม่บริสุทธิ์พอที่จะซื้อมาปรุงยา
เพราะที่ขายตามร้านดอกไม้ส่วนใหญ่จะมีสารฟอร์โมลีน หรือไม่ก็เคมีที่คนปลูกปรุงสารให้ต้นไม่เติบโตทันกับความ
ต้องการของตลาดแต่ในป่านั้นยังพอมีส่วนมากเป็นป่าทางเหนือ เวลานี้ก็ได้พยายามหซื้อจากร้านขายพันธุ์มาปลูกใน
ป่า อีก 5 -10 ปีก็จะสามารถใช้งานได้ ถ้าไม่จากโลกนี้ไปเสียก่อน
ไม่มีความเห็น