AEC เงื่อนไขทางกฎหมาย (Compliance) ที่ผลักดันให้ธนาคารปรับตัว
อาจารย์จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
การเปิดเสรีภาคการเงินเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community) หรือที่เรียกว่า AEC ซึ่งกำหนดเงื่อนไขด้านกฎเกณฑ์(Compliance) ที่ธนาคารพาณิชย์ใน AEC ต้องปฏิบัติตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
สภาพแวดล้อมด้านกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม (ComplianceEnvironment) ดังกล่าวทำให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจ(Business Risk) แต่ธนาคารพาณิชย์ในไทยและในประเทศอื่นๆ ใน AEC โดยทั่วหน้า ซึ่งแต่ละธนาคารจะต้องอาศัยพัฒนาศักยภาพความสามารถและความพร้อมที่จะบริหารผลดำเนินงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนที่จะเกิดใหม่ให้ได้อย่างเพียงพอ
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์จากเงื่อนไขทางกฎหมายที่จะเกิดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของAECที่ควรจะได้รับการพิจารณาและวิเคราะห์ในมุมของความเสี่ยงอย่างจริงจัง ได้แก่
ประการที่ 1 |
ประเด็นที่แน่นอน (Certainty) คือกำหนดเวลา กรอบกิจกรรมในการรวม AEC ภายในธันวาคม 2558 แต่กรอบกิจกรรมของการรวมตัวภาคการธนาคารอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2020 (หรือปี พ.ศ. 2563) ยังไม่ชัดเจน เป็น Unknown ที่ต้องอาศัยเวลากว่าภาพที่ออกมาจะมีความชัดเจนมากขึ้น เรื่อย ๆ |
ประการที่ 2 |
ประเด็นที่ไม่แน่นอน (Unknown) และยังไม่อาจจะรับรู้ได้เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลความเสี่ยง คือผลกระทบที่จะเกิดและระดับความรุนแรงของผลกระทบของเหตุการณ์ความเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อมธุรกิจโดยรวมและต่อธนาคารพาณิชย์เอง |
ประการที่ 3 |
สถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมด้านกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม (ComplianceEnvironment) กรณี AEC นี้ธนาคารพาณิชย์คงไม่อาจจะพัฒนาเครื่องมือทางคณิตศาสตร์หรือแบบจำลองเชิงสมการมาใช้ในการวิเคราะห์และประเมินได้ หากแต่ต้องพัฒนาเครื่องมือการวิเคราะห์อย่างอื่นมาประกอบกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลความเสี่ยงที่เพียงพอต่อการตัดสินใจในการปรับหรือยกเครื่องการบริหารจัดการกิจการต่อไป โดยเฉพาะการใช้ดุลยพินิจและการพิจารณาเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหาร |
ประการที่ 4 |
เงื่อนไขและกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม (Compliance) ตามเงื่อนไขของการรวมตัวของ AEC เป็นเงื่อนไขต่อยอดจากเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับเดิมซึ่งธนาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติอยู่แล้วไม่ได้มีการผ่อนคลายเงื่อนไขและกฎเกณฑ์เดิมลงอย่างมากมายอย่างที่เข้าใจกันแต่แรก ดังนั้นเงื่อนและกฎเกณฑ์ใหม่ตาม AEC ที่ต้องปฏิบัติตามจึงเป็นภาระทางธุรกิจในการดำนุรกิจธนาคารและการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง และหน่วยงานภาครัฐที่จะกำกับจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหน่วยงานกำกับของทุกประเทศในอาเซียนไม่ใช่หน่วยงานภาครัฐในประเทศไทยเท่านั้น รูปแบบของการกำกับธนาคารพาณิชย์จึงมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไปและคาดหมายยากหากการบริหารความเสี่ยงด้านเงื่อนไขและกฎเกณฑ์เหล่านี้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ก็ไม่อาจจะเกิดประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้และความคาดหวังของหน่วยงานกำกับธนาคารพาณิชย์ และที่สำคัญจะกลายเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนที่เป็นเรื่องใหญ่ระดับภูมิภาคและระดับประเทศไม่ได้เป็นเรื่องของรายกิจการในวงแคบอีกต่อไป ชื่อเสียงของกิจการจึงเป็นเรื่องเล็กเทียบกับชื่อเสียงของประเทศ หรือชื่อเสียงความไว้วางใจในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอาจจะเทียบเคียงกับกรณีของวิกฤติการณ์หนี้สินของสหภาพยุโรปที่กลายเป็นประเด็นระดับภูมิภาคและเป็นเหตุการณ์ความเสี่ยงในระยะยาว ที่ไม่ใช่เพียงค่าปรับแต่อาจจะเป็นการแซงชั่นทางธุรกิจด้วย |
ประการที่ 5 |
การเปลี่ยนแปลงระบบงานที่รองรับธุรกรรมการธนาคารจากระบบงานในระดับประเทศเป็นระบบงานที่รองรับการดำเนินธุรกรรมร่วมกันระดับภูมิภาค มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเสี่ยงด้านอาชญากรรมทางการเงิน การโจมตีข้อมูลและสารสนเทศที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันระหว่างธนาคารพาณิชย์ของทุกประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียนและกับประเทศอื่นในเอเซียในระยะต่อไป การออกแบบและจัดวางระบบงานรองรับธุรกรรมการธนาคาร AEC อาจจะไม่ได้รับรู้และตระหนักถึงความเสี่ยงในลักษณะนี้อย่างเพียงพอ และธนาคารพาณิชย์แต่ละรายเองก็อาจจะต้องจำแนกให้ความเสี่ยงในลักษณะนี้เป็น Unknown หรือ Unknowable risk driver ซึ่งไม่อาจจะประมาณการมูลค่าของความเสี่ยหายหรือความสูญเสียได้อย่างชัดเจน เพราะข้อจำกัดขององค์ความรู้และไม่มีบทเรียนในอดีตเพื่อการเรียนรู้ก่อนล่วงหน้า |
ประการที่ 6 |
วิสัยทัศน์ มุมมอง การรับรู้ความเสี่ยงของผู้บริหารและคณะกรรมการธนาคารแต่ละธนาคารจึงยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนความสำเร็จของการบริหารความเสี่ยงในประเด็นเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของ AEC ที่ต้องปฏิบัติตามโดยธนาคารพาณิชย์ ที่มีความโดดเด่นที่สุดเพียงตัวขับเคลื่อนเดียว เพราะยังไม่มีตัวขับเคลื่อนอื่นที่สามารถหยิบยกขึ้นมา กล่าวถึงได้ความตระหนักและการรับรู้ความเสี่ยงจาก AEC ของผู้บริหารและคณะกรรมการธนาคารจะนำไปสู่การตัดสินใจปรับปรุงและยกเครื่องทรัพยากร สินทรัพย์ที่ใช้ดำเนินงาน คุณสมบัติและสมรรถนะของบุคลากรได้ ซึ่งหากการปรับปรุงส่วนของปัจจัยการผลิตงานบริการ (Input) เป็นไปอย่างชัดเจนก็คงไม่ยากในการปรับกระบวนการดำเนินงานเมื่อเกิดการรวมตัวภาคการธนาคารใน AEC แล้ว |
ประการที่ 7 |
แม้ว่ากฎหมาย เงื่อนไข และกฎเกณฑ์ของ AEC จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์กระจายความเสี่ยงได้ด้วยการให้กู้ร่วม (Syndicated Loan) แต่ในทางปฏิบัติยังคงมีความเสี่ยงที่หลงเหลือสูงจนอาจจะยากที่จะทำให้การร่วมมือกันระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน หรือแม้แต่ระหว่างธนาคารพาณิชย์ไทยด้วยกันเองเป็นไปได้ยาก ตัวขับเคลื่อนความเสี่ยงประการหนึ่งคือ ความแตกต่างของแบบแผนการดำเนินงาน ซึ่งมาจากบุคลิกภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความแตกต่างกันในแต่ละธนาคาร ดังนั้น แม้ว่าการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการให้กู้ร่วมจะพบว่ามีความเป็นไปได้สูงมากกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ประเด็นคำถามที่มักจะตามมาเป็นคำถามที่ 2 ของการพิจารณาก็คือใครคือพันธมิตรทางธุรกิจ และใครคือตัวแทนของพันธมิตรทางธุรกิจที่จะต้องเจรจาหรือหารือร่วมกัน การดำเนินธุรกรรมทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทยในตลาด AEC จึงมีส่วนผสมของทั้งความเสี่ยงทางการเงิน(ด้านเครดิต ตลาด สภาพคล่อง) และความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (Operational Risk) อยู่คู่กันตลอดเวลา |
น่าจะเขียนเป็นบันทึกดีกว่านะคะ เพราะสืบค้นและเผยแพร่ได้ง่ายกว่าค่ะ