ตอนที่ 13
เขาต้อนรับขับสู้สู่พิธี ด้วยการทำ “บายศรีสู่ขวัญ”
เป็นธรรมเนียมสืบสานแต่กาลบรรพ์ ก็คล้ายกันกับอีสานบ้านเมืองไทย
เมื่อบายศรีสู่ขวัญกันเสร็จสิ้น ชวนกันกินอาหารจานน้อยใหญ่
ทั้งผักปลาวางเรียงเคียงกันไป อีกหมูไก่ไข่เจียวมาเกี่ยวดอง
ครั้นอิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า ถึงเวลาวาดลวดลายคลายกลัดหนอง
เสียงดนตรีดื่มด่ำตามทำนอง ทั้งเสียงร้องเพลงคลอเพลงต่อเพลง
ปลุกหนุ่มใหญ่วัยดึกให้ครึกครื้น ต้องยอมฝืนเยื้องย่างอย่างก้างเก้ง
ต่างร่ายรำจ้ำแจ้นแสนครื้นเครง ไม่โหวงเหวงปล่อยแก่ยักแย่ยักยัน
ฝ่ายสาวใหญ่วัยบ่ายไม่ยอมแพ้ บ้างป้อแป้รำร่ายเดินผายผัน
เมื่อลงเรือลำเดียวเกลียวสัมพันธ์ ถึงไหนก็ถึงกันบ่ยั่นเลย
ไก๊ด์เฮเลนเจนจัดสะบัดสะบิ้ง แต่งเป็นหญิงลอยหน้าลอยตาเฉย
มีจริตจะก้านปานกะเทย เต้นรำแหวกขาเฉยเย้ยฟ้าดิน
งานสังสรรค์นันทนาการที่บานเบิก ถึงเวลาก็ต้องเลิกการดีดดิ้น
ไม่มีใครทำท่าจะตีกิน งานจบสิ้นเรียบร้อยโรงเรียนลาว
ต่างแยกย้ายสลายกลุ่มไม่ซุ่มซ่าม ต่างเดินตามจู๋จี๋ไม่มีฉาว
แต่มีบ้างบางคู่เดินดูดาว บนฟากฟ้าเมืองลาวเหมือนบ้านเรา 126
เพราะบ้านพี่เมืองน้องเคยคล้องแขน ไม่ดูหมิ่นถิ่นแคลนมาก่อนเก่า
ไทยกับลาวต่างเห็นต่างเป็นเงา ต่างเป็นเสาค้ำยันด้วยกันมา
ถึงอย่างไรก็มีจิตคิดถึงบ้าน คิดถึงลูกถึงหลานคงเพรียกหา
ยังจดจำน้ำคำที่ล่ำลา อนิจจาต้องจำจากพลัดพรากกัน
แม้ห่างไกลก็ไม่เห็นเป็นอย่างอื่น อีกสามคืนจะกลับไปรับขวัญ
พร้อมคนงามกิติยาแม่ย่าพลัน ก่อนจะถึงวันนั้นขอรอคอย 129
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ค่ะ