การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infecton)
ปัจจัยเสี่ยง (Risk factor) ในการเกิด UTI 1. อายุ ( 65 ปี) คนสูงอายุมักจะมีภาวะโรคและสภาพร่างกาย ส่งเสริมให้เกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะได้ง่าย 2. เพศหญิง มีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ง่ายกว่า ด้วยความแตกต่างในทางสรีรวิทยา 3 ประการคือ มีท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย, ปากช่องคลอด ช่องปัสสาวะ และทวารหนักอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน, ผู้ชายจะมีต่อมลูกหมากซึ่งสามารถหลั่งสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ ตลอดเวลา 3. สตรีมีครรภ์ การมีทารกอยู่ในครรภ์จะไปขัดขวางการไหลของปัสสาวะ จึงมักมี asymptomatic bacteriuria ซึ่งพบว่า 40% ของสตรีมีครรภ์ที่มี bacteriuria และไม่ทำการรักษา จะเกิดเป็น acute pyelonephritis ได้ในภายหลัง 4. การใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปในทางเดินปัสสาวะ ได้แก่การใส่สายสวนปัสสาวะ, การผ่าตัด, การส่องกล้องเข้าไปในไต
กลุ่มอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1. การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) ควรใช้ปัสสาวะที่เก็บใหม่ - Macroscopic analysis ได้แก่การดูสี ความเป็นกรดด่าง ความถ่วงจำเพาะ สารพวก glucose, ketone, protein, blood, bilirubin - Microscopic examination ได้แก่การตรวจนับเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะที่ไม่ปั่น และการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์ชนิดอื่น ๆ ในปัสสาวะที่ปั่น หากมีการตรวจพบเม็ดเลือดขาวมากกว่า 10 ตัว/HPF แสดงว่าติดเชื้อ UTI สำหรับการตรวจพบ hematuria สามารถตรวจพบในการติดเชื้อ cystitis, pyelonephritis แต่จะไม่พบใน urethritis 2. การเพาะเชื้อ ควรทำก่อนการให้ยา antibiotic - Quantitative urine culture เพื่อตรวจนับจำนวนเชื้อในปัสสาวะเพื่อดูภาวะ bacteriuria (ตารางที่ 2) จาก clean-catch midstream urine - Culture and sensitivity ควรทำก่อนให้การรักษาในกรณีที่เป็น complicated UTI, ผู้ป่วยชาย, ผู้ป่วยที่มีอาการนานกว่า 7 วัน, ผู้ป่วยที่มีการกลับเป็นซ้ำของการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ, ผู้ป่วยหญิงที่มีการใช้ฝาครอบคลุมกำเนิด
ไม่มีความเห็น