ทางออก คือ ความพอเพียง
ทางออก คือ ขยันแต่ใจพอ
จุดแข็ง โดยแท้ อาจคือ จุดอ่อนของคนดีหากไม่ตรึกตรองระวัง ตั้งใจ นั่นคือ เมื่อเกิดการหลงเสพความดี ที่ตน หรือ กลุ่มตนทำ
(บางคนอาจอาการหนัก หลงเลยเถิดว่า การร่วมใจการเสียสละ การประกอบคุณความดี ทุ่มเท ผู้คนยกย่อง ให้คุณค่า จนหลงสรุปตนเองว่า...ตนคือความถูกต้อง )
เมื่อต่างก็มุ่งทำงานอย่างเต็มใจเสียสละ อย่างไม่หวังผลประโยชน์มาเพื่อตน คงมุ่งทำเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน พลังร่วมในการประสานใจ จึงไม่เกิดโดยง่าย ด้วยเสมือนว่า ต่างคนต่างทำอยู่แล้ว
เมื่อมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย ก็พร้อมแยกตัวออกไปดำเนินการตามที่ตนเองเห็นอย่างนั้น ๆ อย่างไม่จำเป็นต้องฟังใคร ต่างมีความเป็นตัวของตัวเองสูง... ซึ่งนี้คือ บทเรียน บทฝึกที่ต่างก็ต้องค่อย ๆ ศึกษา ถอดบทเรียนรู้ แล้วจักได้นำไปสู่การผนึกกำลัง เพื่อการช่วยปกป้องแผ่นดิน
ฝึกวางใจให้สงบ หาก..พร้อมพบ..ก็ " ครบพรึ่บ "
ในครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ ทรงสลายความเป็นวรรณะที่มีมากมายในชมพูทวีป โดย เบื้องต้น ใครใดก็ตาม เมื่อตั้งใจมุ่งฝึกตนทำความดีก่อน ก็ถือว่า เป็นพี่ ใครตั้งใจในลำดับถัดมา ก็นับเป็นน้อง..เป็นลำดับ ๆ แบบนี้ ในการเข้ามาบวช
การมามุ่งตั้งใจทำความดี ตั้งใจขัดเกลาตนเอง ตั้งใจฝึกอ่อนน้อมถ่อมตน โดยฝึกใจในใจว่า.. ผู้ที่ตั้งใจมาทำดีคนหลัง ๆ โดยต่อ ๆ มา ใครจะมีความสามารถ ใครจะรวย ใครจะสูงศักดิ์ใด ๆ หรือไม่...
ความเป็นภันเต ก็คือ ภันเต ความเป็นอาวุโส ก็คืออาวุโส แม้ใครใดเมื่อเกิดมีบกพร่อง ทำผิด ก็ปรับตามวินัย เช่น ไปอยู่ท้ายแถว หรือ ผิดอาบัติหนัก ก็ต้องประชุม และ " เคี๊ยะ " ออกไปโดยหลักพระธรรมวินัย
อีกด้านหนึ่ง เมื่อใครเด่นด้านไหน สังคมคนดีก็จะมองกันออก ด้วยเป็นความถนัดทำด้านนั้น ๆ เรียกว่า เอตทัคคะ ก็พิจารณาเอาภาระในแต่ละด้านและช่วยกันดูแลพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขกันไป มิใช่ ยึดผูกขาด โดยคนอื่นห้ามยุ่ง ฯลฯ ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่...
หากในการเคารพกันและกันก็คงเป็นไปตามลำดับก่อนหลัง นี่จึงคือพลังศักดิ์สิทธิ์ สามารถก่อเกิดความเป็นปึกแผ่น ตรงตามจริงในการขับเคลื่อน และสืบต่อมาจนบัดนี้...ฯลฯ
ส่วนจุดแข็งของทุนนิยมที่ดูเหมือนมวลมาก สามารถผนึกกำลังเข้มแข็งได้ ล้วนมีจุดร่วมคือ ต่างก็ประสานความโลภเพื่อผลเอาประโยชน์สู่ตน สู่คณะตนเป็นจุดเกี่ยวเกาะ ร่วมกัน โดยบางคนหมายเอาเกียรติ บางคนหมายเอายศ เอาตำแหน่ง เป็นเป้าหมาย บางคนหมายเอาทรัพย์สินเงินทอง และบางคนเอาอยู่...
ไม่มีความเห็น